ปรากฏการณ์โค่นล้มเจ้า (กระบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์) ได้บังเกิดขึ้นอย่างชัดเจนอีกวาระหนึ่งในสังคมไทยในขณะนี้ หลังจากได้เคยบังเกิดกระบวนการนี้มาแล้วในยุคคณะราษฎรเรืองอำนาจ เมื่อยุค 2475 โดยคณะราษฎรสามารถช่วงชิงอำนาจการปกครองไปจากพระมหากษัตริย์ (ในยุครัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7)
หากย้อนศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยในยุคที่ คณะราษฎรเรืองอำนาจ จะพบว่าคณะราษฎรได้กระทำการอันหยาบช้าต่อพระมหากษัตริย์ไทย และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง โดยเฉพาะพระบรมวงศ์ที่คณะราษฎรเห็นว่าเป็นเสี้ยนหนามต่อการขึ้นไปเถลิงอำนาจของกลุ่มตนเอง ดังเราได้พบเห็นชัดเจนว่าในยุคนั้นพระเจ้าแผ่นดินไทยต้องทรงตกอยู่ใต้อำนาจบีบคั้นสารพัดของคณะราษฎร ส่วนเหล่าพระบรมวงศ์ชั้นสูงหลายพระองค์ โดยเฉพาะพระองค์ที่ถูกมองว่าเป็นปรปักษ์กับคณะราษฎรจำต้องเสด็จลี้ภัยไปอยู่ยังต่างแดน
คนที่ศึกษาประวัติศาสตร์ไทยในช่วงดังกล่าวมาเป็นอย่างดี ยังพบด้วยว่า ในยุคคณะราษฎรครองเมืองนั้น พระมหากษัตริย์ไทยทรงถูกคนจำพวกที่ไม่เคารพศรัทธา ไม่เทิดทูนต่างฟ้องร้องพระมหากษัตริย์กันยกใหญ่ และเราก็ได้พบได้เห็นมาแล้วว่าในยุคนั้นรัฐบาลภายใต้การนำของคณะราษฎรได้ยื่นฟ้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ให้ทรงชดใช้เงินกว่า 6 ล้านบาท แม้แต่กระทรวงการคลังในยุคนั้นยังฟ้องร้องในหลวง รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ให้ทรงชดใช้เงินให้กับกระทรวงการคลังและเราก็ได้เห็นมาแล้วว่าศาลได้สั่งยึดวังศุโขทัย
สิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวที่เคยบังเกิดมาแล้วบนแผ่นดินสยาม เมื่อครั้งคณะราษฎรเรืองอำนาจ (บางคนวิจารณ์ว่าเหลิงอำนาจ) (สำหรับผู้สนใจเรื่องเหล่านี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือชื่อ คดีฟ้อง ร.7 เขียนโดย บุญร่วม เทียมจันทร์) และสำหรับคนที่ค้นคว้าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในยุคหลังจากรัชกาลที่ 7 ทรงถูกชิงพระราชอำนาจไปโดยคณะราษฎรแล้ว จะพบชื่อของ ถวัติ ฤทธิ์เดช ผู้นำกรรมกรรถราง ผู้ยื่นฟ้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ต่อรัฐสภาโดยอ้างว่ารัชกาลที่ 7 ทรงหมิ่นประมาทตนเอง แต่ในที่สุดถวัติก็ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ หลังถูกอัยการฟ้องกลับว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่สุดท้าย รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษให้ถวัติ
สาเหตุที่เล่าเรื่องราวในอดีตที่แสนขมขื่นสำหรับคนเทิดทูนพระเจ้าแผ่นดินให้คุณฟัง ก็เพราะต้องการย้ำว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยถูกคนบางจำพวกสั่นคลอนและโจมตีอย่างหนัก ถึงขั้นจงใจล้มล้างมาแล้วหลายครั้ง แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยยังดำรงคงอยู่บนแผ่นดินไทยมาตราบทุกวันนี้แล้ววันนี้เราก็ได้พบอีกครั้งว่ามีคนบางจำพวกพยายามโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้คนไทยที่ไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ไทยในฉากที่ว่าด้วยการพยายามโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ อาจเกิดอาการไม่สบายอกไม่สบายใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เกิดอาการจิตตก
แต่ก็ต้องบอกย้ำ ณ ตรงนี้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยสามารถดำรงคงอยู่บนแผ่นดินไทยได้ ก็เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะมีคนบางกลุ่มพยายามทำลายล้าง แต่ขอให้มั่นใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยจะดำรงคงอยู่ต่อไป ด้วยเหตุผลสำคัญคือเพราะพระมหากษัตริย์ไทยทรงมีคุณูปการอย่างยิ่งใหญ่ต่อสังคมไทย คนไทยส่วนใหญ่มิได้รักพระมหากษัตริย์ด้วยความลุ่มหลง แต่จงรักภักดี เพราะประจักษ์ชัดในพระมหากรุณาธิคุณ ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงพร้อมใจปกป้องและบำรุงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ให้อยู่คู่แผ่นดินไทยต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี