ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ในรัฐสภาได้มีการหารือเรื่องการเลือกประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่… พ.ศ. … โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมาธิการ ซึ่งที่ประชุมได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ โดยจะพิจารณาร่างของพรรคการเมืองในสภาเป็นหลัก นั่นแปลว่าข้อเรียกร้องเรื่องแก้รัฐธรรมนูญรัฐบาลและรัฐสภารับฟังและกำลังจะมีทางไปจากการร่วมแก้ของสส.ฝ่ายค้านร่วมฝ่ายรัฐบาลอยู่แล้วจะอย่างไรก็ค่อยว่ากันไปหลังการประชุม แต่ในขณะที่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนได้มีการนัดกันชุมนุมนอกสภาซึ่งไม่ใช่การชุมนุมข้างหน้ารัฐสภาเหมือนเคยแต่มีการนัดกันไปชุมนุมที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อจะทวงคืนทรัพย์สินที่เป็นของราษฎร โดยก่อนหน้านี้ได้นัดชุมนุมที่สำนักงานทรัพย์สินฯ
โดยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมามีความพยายามในการปล่อยข่าวจากฝั่งต่อต้านรัฐว่าจะมีการทำรัฐประหาร ผลที่เกิดคือ ปลุกกระแสกลุ่มผู้ชุมนุมให้ตื่นตัวตลอดเวลาแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงเมื่อแกนนำนัดชุมนุมในที่สุด โดยมีความพยายามโยงข่าวลือที่ปล่อยมาผสมกับกรณีกองทัพบกนำเฮลิคอปเตอร์ออกมาบินกลาง กทม. ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่ข่าวลือดังกล่าวก็ได้คลี่คลายลงเมื่อ ผบ.ทบ.ได้ออกมาไขข้อสงสัยถึงประเด็นดังกล่าวว่า จุดประสงค์เพื่อใช้ในขบวนเสด็จฯเท่านั้นและฝากบอกประชาชนอย่าเชื่อข่าวลือที่เป็นเฟคนิวส์ เนื่องจากข่าวเฟคนิวส์เช่นนี้ ก็เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ ณ ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการปั่นกระแสข่าวโจมตีการบริหารของรัฐบาลในทวิตเตอร์หรือการโจมตีสถาบัน ในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ
เหนือสิ่งอื่นใด นอกสภาขณะนี้นอกจากการมีการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐแล้ว ยังมีการหาเสียงนักการเมืองท้องถิ่นทั่วประเทศด้วย ซึ่งมีทั้งลงในนามพรรคและลงในนามกลุ่มอย่าง คณะก้าวหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการตั้งคำถามว่าแกนนำคณะก้าวหน้าเกี่ยวข้องอะไรกับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ผลของการชุมนุมน่าจะส่งผลต่อกระแสความนิยมของพรรครัฐบาลในการหาเสียงท้องถิ่นไม่น้อย ก็ยังต้องรอติดตามกันต่อไป
อนึ่ง ก่อนหน้านี้กระแสของการชุมนุมดูจะค่อยๆลดลงไปโดยเฉพาะจำนวนผู้เข้าชุมนุมที่ลดลงเรื่อยๆ จนทำให้แกนนำต้องเพิ่มดีกรีความร้อนแรงเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ชุมนุม ในหลายต่อหลายครั้ง ด้วยการดึงเอาประเด็นแรงๆออกมานำเสนอ แต่ที่หลายฝ่ายกำลังกังวลคือเนื้อหาในการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมนับวันจะชัดเจนมากขึ้นที่จะพุ่งเป้าไปที่สถาบันมากขึ้น มากขึ้น ใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้มีความพยายามแสดงออกในการชุมนุมด้วยรูปแบบใหม่ เพื่อพยายามเพิ่มความน่าสนใจของการชุมนุมหรือต้องการจะสื่อบางอย่างหรือไม่? ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการนำเอาอุปกรณ์เข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการชุมนุมที่ด้านนอกรัฐสภาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 โดยใช้เป็ดยางสีเหลืองขนาดใหญ่มาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม การกระทำที่เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่นำเอาอุปกรณ์นี้มาใช้ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยก่อนหน้านี้ก็มีประเทศอย่าง เซอร์เบีย รัสเซีย และสหราชอาณาจักร ก็ได้มีการนำเอาเป็ดยางสีเหลืองมาใช้ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อนแล้วเช่นกัน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการใช้เป็ดเหลืองเป็นสัญลักษณ์นั้น ก็ได้มีการหลุดภาพการโปรโมทต่างๆ ออกมาให้คนเข้าร่วมชุมนุม จนบางส่วนไปมีประเด็น
โดยประเด็นที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันคือได้มี สส. จากพรรคการเมืองพรรคหนึ่งได้โพสต์รูปเป็ดเหลืองที่เป็นสัญลักษณ์ของการชุมนุมติดโลโก้พรรค ซึ่งไม่นานก็ได้ลบรูปออกไป เนื่องจากมีคนมาทักท้วง ซึ่งสุดท้ายก็ไม่มีใครทราบว่ามีพรรคการเมืองเข้ามามีส่วนสนับสนุนในการดำเนินการทางใดทางหนึ่งของการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนหรือไม่ ก็ต้องมีการติดตามกันต่อไป และก็มีคำถามต่อว่า ถ้าเกี่ยวจริงในทางกฎหมายพรรคการเมืองสามารถเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการเช่นนี้ได้หรือไม่? และที่ผ่านมาการชุมนุมหลายต่อหลายครั้งที่มีการพาดพิงสถาบันนั้นมีพรรคการเมืองใดสนับสนุนหรือไม่?
โดยที่ผ่านเมื่อย้อนกลับไปดูก็ได้มีบุคคลหรือกลุ่มการเมืองได้กล่าวถึงสถาบันในทางที่อาจถูกมองว่าสุ่มเสี่ยงหลายครั้งหรือไม่ โดยเฉพาะอดีตแกนนำพรรคที่ถูกยุบไปบางพรรค ที่เคยออกมาพูดถึงสถาบันหลายต่อหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พูดทำนองว่า สถาบันว่ามีอำนาจอิทธิพลอยู่เหนือผู้พิพากษา หรืออีกคนที่ในอดีตก่อนหน้าก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์และปรากฏอยู่ในหนังสือของตนเองบางเล่ม ที่มีการพูดถึงสถาบันฯ เช่นกัน
และเมื่อไม่นานนี้ บรรดานักการเมืองเหล่านี้ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอีกครั้งในทำนองสนับสนุนให้มีการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับเนื้อหาของกลุ่มผู้ชุมนุม หลายคนจึงมองอยู่ว่าการดำเนินประเด็นของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันครั้งหลังๆนี้นั้น เกี่ยวข้องอะไรกับนักการเมืองเหล่านี้หรือไม่
ในการออกมาชุมนุมของประชาชน ย่อมเป็นสิทธิของประชาชนที่ทำได้ภายใต้กฎหมาย และความคิดเห็นของประชาชน และรัฐเองก็ควรรับฟังความเห็นจากประชาชน หากแต่การชุมนุมในบางครั้งที่มีการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายนั้น ประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งอาจเกิดจากการไม่รู้ข้อกฎหมาย หรือการกระทำไปเพราะการเชิญชวนของแกนนำบางคนที่บอกให้กระทำการหรือให้พูดหรือแสดงออกในทางที่อาจผิดกฎหมาย ตรงนี้ประชาชนจึงต้องระมัดระวังตนเองไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย ในขณะที่ภาครัฐสามารถเข้าไปตรวจสอบได้หรือไม่? ว่าผู้ที่ยุยงปลุกปั่นประชาชนนั้นมาจากส่วนใดบ้าง ใครมีประโยชน์แอบแฝง ใครมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
“ธรรมดาผู้มีปัญญาอันพิสดาร แม้จะคิดการสิ่งใดก็ลึกซึ้ง ผู้มีปัญญาน้อยหาหยั่งรู้ถึงตลอดไม่ อุปมาเหมือนพญาครุฑ แม้จะไปในทิศใดก็ย่อมบินโดยอากาศอันสูงสุดสายเมฆ มิได้บินต่ำเหมือนสกุณชาติซึ่งมีกำลังน้อย”
จูกัดเหลียง(ขงเบ้ง) สามก๊ก ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี