ทั้ง 2 หน่วยงาน คือ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้ร่วมมือกันเกือบสามปีแล้ว เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และโอกาส รวมถึงการเติมเต็มด้านต่างๆ ให้อนาคตของชาติได้รับโอกาสทางการศึกษาเติบโตไปสู่การดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน ครอบคลุมลงลึกไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ
วันก่อน นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการ สพฐ. ได้สะท้อนภาพการทำงานร่วมกันของ 2 องค์กร ดังกล่าวน่าสนใจว่า ความร่วมมือเริ่มแรก คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการดูแลเด็กนักเรียนยากจนเป็นพิเศษ โดยที่ สพฐ. มีระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล หรือ Data Management Center (DMC) กสศ. ได้ผสานความร่วมมือการใช้ข้อมูล และเพื่อให้เกิดความแม่นยำ กสศ. ได้ลงพื้นที่จริง ทำให้พบว่า มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในกลุ่มยากจนพิเศษ ทางกสศ. จึงได้เข้าทำการช่วยเหลือทันที เช่น ให้ทุนเด็กยากจนพิเศษ หรือทุนนักเรียนเสมอภาค แม้ในช่วงเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 ก็เพิ่มโปรแกรมการช่วยเหลือกลุ่มเด็กที่ไม่ได้มาโรงเรียนด้วยการเติมทุนอาหารกลางวัน ให้สามารถเลี้ยงตัวดำรงชีวิตในช่วงปิดเทอมที่ยาวนานที่สุดรวมทั้งหาทางป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา
“ความสำคัญ คือ ถ้าสพฐ.และกสศ. ไม่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิด สิ่งเหล่านี้จะไม่เห็น ตอนนี้เราทำงานร่วมกันในเชิงข้อมูล มีระบบโปรแกรมผ่านพื้นที่จริงๆทั้งนี้ เมื่อลงพื้นที่จะพบปัญหาอื่นอีกจึงทำให้เรามีโครงการร่วมกันในการเยี่ยมบ้านนักเรียน ซึ่ง สพฐ.มีนโยบายอยู่แล้ว ให้ทำการเยี่ยมบ้านร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกปี เราจะมีการออกเยี่ยมบ้านโดยคุณครู”
แต่วันนี้ กสศ.เข้ามาร่วมกับเรา โดยที่สพฐ.ที่มีศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน หรือ “ฉก.ชน.” อยู่แล้วได้ทำงานร่วมกันอีก ในเชิงของการเก็บข้อมูล ลงพื้นที่ร่วมกัน ไม่ได้ต้องลงพื้นที่หลายครั้ง เนื่องจากภาวะคุณครูและเด็กขณะนี้ เวลาการเรียนการสอนหายไปจำนวนมาก จึงต้องทำการเรียนการสอนให้ครบตามชั่วโมงที่กำหนดไว้ในหลักสูตร รวมทั้งเวลาสอนชดเชย
อย่างไรก็ดี แม้เราต่างคนต่างเก็บข้อมูลเดียวกัน หรือต่างกันเล็กน้อย ก็สามารถบูรณาการด้วยกันได้ ฉะนั้นการลงไปเก็บข้อมูลนักเรียนครั้งเดียวกันจะได้ข้อมูลทั้งฝั่งสพฐ.และกสศ. นอกจากนี้กสศ.ยังได้ช่วยให้ข้อเสนอแนะและความช่วยเหลือ ว่าเด็กที่ไม่ใช่ยากจนเพียงอย่างเดียว ยังมีเด็กที่มีฐานะแต่มีปัญหาอื่นๆ จากการคัดกรองตกหล่นไปบ้าง กสศ.จะช่วยเหลือเติมเต็มเข้าไปอีก
นอกจากนี้ สพฐ.มีสำนักบริหารการศึกษาพิเศษ ดูแลเด็กพิการ เด็กด้อยโอกาสที่อยู่ในศูนย์การศึกษาพิเศษ ราชประชานุเคราะห์ รวมทั้งศึกษาสงเคราะห์ เด็กเหล่านี้มีความขาดแคลนอยู่แล้ว แต่มีองค์ประกอบอื่นๆที่เราต้องช่วยเหลือ กสศ.ได้เข้ามาเพิ่มในส่วนนี้ทำให้การทำงานช่วยเหลือมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รองเลขาสพฐ.บอกว่า เป็นความตั้งใจดีของกสศ.ที่จะเข้ามา โดยไม่มองเรื่องความยากจนอย่างเดียว เพราะความเสมอภาคไม่ใช่เรื่องความยากจน ความเสมอภาค คือเด็กทุกคนได้โอกาสที่ควรได้รับเท่ากัน ในทุกๆ ด้าน
แม้ว่าไวรัสโควิด-19 หมดไป มีวัคซีนมา กสศ. และสพฐ. ก็ทำงานร่วมกันต่อไป เช่นเรื่องอื่นๆ เรื่องความยากจน ขาดแคลนทุนทรัพย์ ความไม่เท่าเทียมกันในการจัดการศึกษา ต่อไป
“ขอบคุณคณะผู้บริหารกสศ.เราทำงานร่วมกันอย่างนี้ ความสำเร็จจะเกิดและช่วยดึงเด็กกลุ่มหนึ่งให้มีโอกาสเรียนมากกว่า ภาคบังคับที่เรากำหนด เขาอาจมีอนาคตที่ไปมากกว่านี้ เชื่อว่า กสศ.มีความสามารถในการผลักดันเรื่องเหล่านี้มาก” สนิท แย้มเกษร กล่าวทิ้งท้ายถึงความร่วมมือทำงานกับกสศ.มาตลอดสองปี
ครับ!!! ผมนำข้อมูลของ 2 หน่วยงานนี้มาลงเพราะเห็นว่ามีความตั้งใจ ในการช่วยเหลือเกี่ยวกับการศึกษาของประเทศไทย และผลงานที่ผ่านมามีน้องๆ ผู้ด้อยโอกาสได้รับโอกาสอันดีมาจากหน่วยงานเหล่านี้และผู้มีจิตศรัทธาให้การสนับสนุนน่าชื่นชมครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี