ศีลข้อสี่ ห้ามพูดโกหก ส่อเสียด เพ้อเจ้อ ด้วยเจตนาให้มนุษย์สำรวจการพูดในทุกกรณี เพราะการพูดที่ไม่สำรวจย่อมก่อให้เกิดเหตุไม่สงบขึ้นในสังคม ส่วนในเชิงกฎหมายก็มีการกำหนดความผิดฐานหมิ่นประมาทไว้ โดยมีการกำหนดโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่ง เพื่อให้สังคมมนุษย์มีความสงบสุข
คนที่สำรวมวาจาต้องไม่พูดปด พูดเท็จพูดส่อเสียด แต่จะพูดเฉพาะเรื่องที่ทำให้สังคมเกิดความดีงามเท่านั้น แต่น่าสังเกตว่ายิ่งคนที่อ้างว่าตนมีเสรีภาพมาก มักจะพูดจาเลอะเทอะเหลวไหล ปั้นน้ำเป็นตัวสารพัด แล้วอ้างว่าตนเองมีสิทธิแสดงความคิดเห็น ทั้งๆ ที่คำพูดของคนชนิดนั้นหาสาระมิได้แม้แต่น้อย
จะเห็นได้ว่าในหมู่บุคคลทั่วไป กฎหมายได้กำหนดโทษสำหรับผู้จงใจหมิ่นประมาทผู้อื่น เช่น ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 328 โดยมาตรา 326 ระบุว่า ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนมาตรา 328 ระบุว่า ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทําโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทําให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียงหรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทําโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทําการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
อย่างไรก็ดีจะสังเกตว่า ความผิดตามมาตรา 326 ต้องมีบุคคลที่สามเข้ามาเป็นผู้รับสารด้วย แต่ที่น่าสังเกตอีกประการคือมาตรานี้ไม่ได้กำหนดว่าความผิดตามมาตรานี้ต้องเป็นการพูดความเท็จ แต่หมายรวมถึงการพูดความจริงที่จงใจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายก็มีความผิดด้วย {แนะนำให้อ่านมาตราอื่นๆ ที่ระบุความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญาประกอบ เช่น มาตรา329, 330 และความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์มาตรา 14 (1)}
ส่วนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
สำหรับคนที่จงใจโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์โจมตีว่ามาตรา 112 กำหนดบทลงโทษหนักเกินไป แล้วยังพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 โดยจะให้ไปใช้มาตรา 326 เท่านั้น คำถามคือ ในเมื่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีพระราชสถานะ และความรับผิดชอบสูงกว่าคนทั่วไป เหตุใดจึงจะกำหนดโทษผู้กระทำผิดต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เทียบเท่ากับการกระทำการหมิ่นประมาทคนทั่วไป
คนที่เข้าใจความจริงของสังคมมนุษย์ย่อมไม่ปฏิเสธเรื่องบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของบุคคลตามทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่ของสังคม (Structural and Functional Theory) แต่สำหรับคนที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องมีพระมหากษัตริย์อีกต่อไปเพราะพยายามโกหกตัวเองทุกวินาทีว่าคนทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจที่วิญญูชนพบเห็นตลอดเวลาว่าผู้จงใจโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องการล้างมาตรา 112 เพื่อจะได้หาเรื่องโกหกมาก่นด่าพระมหากษัตริย์ได้ถนัดปากโดยไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ที่หนัก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี