คนที่ไม่จงใจโค่นล้ม ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเรียกสั้นๆ ว่าคนที่ไม่จงใจล้มเจ้า ไม่รู้สึกเดือดร้อน หนักใจ หรือวิตกกังวลกับข้อบัญญัติในมาตรา 112 ดังนั้นจึงไม่เดือดร้อนกับการมีมาตรานี้ในสังคมไทย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่าผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
คนที่ไม่ได้แสดงอาการดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกฎหมายข้อนี้ เพราะไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ส่วนพวกที่จงใจล้มล้าง โค่นล้ม ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ต้องไม่พอใจที่บ้านเมืองเรามีกฎหมายมาตรานี้ เพราะมันทำให้คนที่ต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่สามารถก่อการได้สำเร็จ
ถามย้ำอีกครั้งว่า จะต้องไปเกรงกลัวความผิดอะไรกับมาตรานี้ หากไม่จงใจทำความผิดตามที่มาตรา 112บัญญัติไว้ชัดเจน
พวกที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อ้างตลอดเวลาว่ามาตรา 112 มีปัญหา ก็ต้องถามกลับว่ามีปัญหาอย่างไร มีปัญหากับใคร แล้วทำไมคนทั่วไปไม่รู้สึก
เดือดร้อนกับมาตรานี้
คนที่ต้องการล้มเจ้าอ้างว่ามาตรา 112 กำหนดบทลงโทษไว้รุนแรงเกินไป แต่คนที่ไม่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เห็นว่าอันที่จริงโทษยังเบาเกินไป เพราะอย่าลืมว่าพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงมีพระราชสถานะสูงส่งมากนัก ดังนั้นการที่ใครจงใจกระทำความผิดต่อบุคคลสำคัญของประเทศก็จำเป็นต้องได้รับโทษที่หนักกว่ากระทำกับคนทั่วไป ดังนั้นการที่คนผู้จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องการให้ล้มล้างมาตรา 112 หรือลดโทษในมาตรา 112 จึงเป็นการกระทำที่ขัดหลักการลงโทษผู้ที่จงใจกระทำผิดต่อผู้ทรงมีบทบาทและภารกิจสำคัญต่อแผ่นดิน การอ้างว่า อัตราโทษจำคุกสามถึงสิบห้าปีสูงเกินไป เทียบเท่ากับความผิดฐานตระเตรียมการกบฏ ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี ฯลฯจึงเป็นคำอ้างที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ เพราะข้อเท็จจริงที่ทุกคนต้องตระหนักคือพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีพระราชสถานะสูงกว่าคนทั่วไป มีพระราชภารกิจสำคัญต่อบ้านเมืองมากกว่าคนทั่วไป และยังทรงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศชาติ และทรงเป็นศูนย์รวมจิตรวมใจของประชาชนทั่วประเทศด้วย
คนที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อ้างอีกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดให้จำคุกอย่างต่ำสามปีนั้นสูงเกินไปทำให้คดีที่เป็นเรื่องเล็กน้อยนั้น ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดบทลงโทษให้น้อยกว่านี้ได้ คำอ้างของพวกที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อ้างว่าคดีเล็กน้อย จึงไม่ใช่ความจริง เพราะคดีนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นเรื่องใหญ่ และเรื่องสำคัญต่อประเทศชาติ ขอย้ำว่าคดีนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน
ส่วนข้ออ้างของคนที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อ้างด้วยว่า องค์ประกอบของความผิดตามมาตรานี้ไม่ชัดเจน โดยยกเอาคำว่าดูหมิ่นเข้ามาเป็นข้ออ้างแล้วอ้างต่อไปว่าอาจตีความคำว่าดูหมิ่นได้กว้าง ครอบคลุมการกระทำ หรือการแสดงความคิดเห็นได้หลายแบบ ก็ต้องตอบว่า คนที่มีเจตนาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์นั้นดูจากเจตนาของการกระทำได้ไม่ยากเลย เพราะใครก็ตามที่จงใจพูดถึงพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วยข้อความอันทำให้ผู้ฟังอื่นๆ เข้าใจได้ว่าบุคคลทั้งหมดที่กล่าวไว้ในมาตรา 112 เป็นผู้กระทำในสิ่งที่ไม่ดี ก็เท่ากับว่าจงใจหมิ่นประมาทแล้ว หากจะอ้างว่าแล้วถ้ามีหลักฐานชัดเจนที่ระบุถึงความผิดต่างๆ อันเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว จะพูดได้หรือไม่ ก็ต้องถามกลับว่าผู้ที่อ้างว่ามีหลักฐานความผิดจริง สามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าหลักฐานเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีการแต่งแต้มใดๆ เพราะเท่าที่ได้พบได้เห็นก็คือมีการสร้างเรื่องเท็จขึ้นมากล่าวร้ายโจมตีพระมหากษัตริย์ตลอดเวลาแต่เราก็จะเห็นตลอดเวลาเช่นกันว่าพระมหากษัตริย์ไม่เคยทรงฟ้องร้องผู้ใดกลับ แม้จะทรงทราบดีว่ามีผู้สร้างเรื่องเท็จเพื่อโจมตีพระองค์เป็นประจำ มิหนำซ้ำยังพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ที่ต้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกคนด้วย
กลุ่มผู้จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ยังอ้างอีกว่า มาตรา 112 กำหนดความคุ้มครองบุคคลหลายตำแหน่งมากเกินไป เช่น พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยกำหนดความคุ้มครองไว้เท่ากันโดยไม่แยกแยะแต่ละบุคคล โดยอ้างว่าผลเสียหายของการกระทำต่อ
พระมหากษัตริย์อาจมากกว่าการกระทำต่อบุคคลในตำแหน่งอื่น ซึ่งการอ้างเช่นนั้นเป็นการอ้างที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็คือบุคคลที่พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาและทรงแต่งตั้งขึ้นดังนั้นก็จึงเท่ากับเป็นบุคคลที่ทรงมีพระราชกรณียกิจ หรือมีการกระทำใดๆ ตามคำพระราชบัญชาของพระมหากษัตริย์
ส่วนข้ออ้างที่ว่า มาตรา 112 ถูกบัญญัติอยู่ในลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ส่งผลทำให้การตีความและบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้ อาจถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อให้เป็นผลเสียแก่ผู้ต้องหาได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าพระมหากษัตริย์ พระราชินิ รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จะทรงกระทำหรือกระทำการใดๆ เพื่อผลประโยชน์โดยรวมของสาธารณะและของแผ่นดิน ซึ่งก็เท่ากับทรงทำให้แผ่นดินมีความมั่นคงอยู่แล้วในตัว
ส่วนข้ออ้างว่า มาตรา 112 ถูกตีความและนำไปใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อหวังดำเนินคดี และเอาผิดกับการกระทำหลายรูปแบบโดยไม่มีขอบเขต ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าใจได้ว่าการกระทำแบบใดจะผิดกฎหมายหรือไม่ ข้ออ้างนี้เป็นข้ออ้างที่ไม่มีเหตุผลอีกเช่นกัน เพราะคนที่ไม่มีเจตนาหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะไม่มีว่ากล่าวคำพูดใดๆ หรือแสดงกิริยาใดๆ ที่ทำให้พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงได้รับความเสียหาย หมองมัวเป็นอันขาด แล้วจะไม่พูดถึงพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในทางเสื่อมเสียอย่างเด็ดขาด ส่วนพวกที่จงใจกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในทางเสื่อมเสีย ไม่อาจจะแก้ตัวได้ว่ากระทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ส่วนประเด็นที่อ้างว่าบุคคลทั่วไปทุกคนสามารถเป็นผู้กล่าวโทษให้ดำเนินคดีในมาตรา 112 ได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้เสียหายเป็นคนเริ่มต้นคดี ซึ่งส่งผลให้มีการกล่าวหากันในคดีมาตรา 112 เป็นจำนวนมาก ก็เนื่องมาจากมีผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถยอมทนให้ใครหน้าไหนแสดงอาการหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และขอยืนยันว่าพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่เคยทรงฟ้องร้องประชาชนทั่วไป แม้จะทรงประจักษ์ดีว่าถูกคนบางจำพวกหมิ่นประมาทและแสดงความอาฆาตมาดร้ายก็ตาม ดังนั้นประชาชนผู้จงรักภักดีจึงต้องออกมาแสดงการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความเต็มใจและด้วยความจงรักภักดี
ข้ออ้างที่ว่าเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีมาตรา 112 ถูกสังคมกดดันจนไม่กล้าใช้ดุลพินิจที่เป็นประโยชน์ต่อจำเลย เช่น การสั่งไม่ฟ้องคดีการไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาประกันตัว หรือการพิพากษายกฟ้อง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย เพราะสาธารณชนได้ประจักษ์แล้วว่าผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าวได้รับการประกันตัว และได้รับการปล่อยตัวเป็นประจำ แถมคนกระทำความผิดมาตรานี้ยังถูกปล่อยให้หนีออกนอกประเทศได้อีกด้วย
อันที่จริงผู้เขียนยังมีข้อโต้แย้งอีกมากมายกับกลุ่มคนที่จงใจให้ยกเลิกมาตรา 112 เพราะเหตุที่ทราบดีว่าคนกลุ่มนั้นมีเจตนาจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เนื่องจากพื้นที่สำหรับบทความในสัปดาห์นี้หมดลงแล้ว จึงขอกล่าวโดยสรุปว่า มาตรา 112 มีไว้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มาตรานี้ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายเพื่อกลั่นแกล้งใคร ดังนั้นหากไม่มีผู้โจมตี หรือบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว มาตรา 112 ก็ไม่สามารถลงโทษใครได้ แล้วก็ขอยืนยันว่าคนที่ต้องการให้ล้มล้างมาตรา 112 คือผู้มีใจคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
ขออภัยที่ต้องกล่าวตรงๆ ว่า คนที่ก่นด่าพระมหากษัตริย์อาจไม่รู้ว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงรู้เรื่องนี้ดีแต่ไม่เคยทรงโกรธ หรือทรงถือโทษผู้ที่ก่นด่าพระองค์เพราะพระมหากษัตริย์ไทยทรงยึดมั่นในหลักทศพิธราชธรรมตลอดเวลา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี