ในขณะที่ม็อบบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์ และนักการเมืองพรรคการเมืองแนวร่วม ยังพยายามขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทุกวิถีทาง
ล่าสุด ใจดำอำมหิตถึงขนาดไปปลุกปั่นเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยม โดยหยิบเอาเรื่องการแต่งกาย ทรงผม มาปลุกเร้า สร้างความขัดแย้งแตกแยกไปตามสถานศึกษาต่างๆ
แต่การประชุม ครม.ครั้งล่าสุด (1 ธ.ค.2563) สะท้อนว่า รัฐบาลลุงตู่ยังไม่เสียสมาธิในการทำงาน เพราะยังมีการอนุมัติหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์โดยตรงกับชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่าง
1. โครงการคนละครึ่ง
เป็นโครงการที่ได้รับเสียงชื่นชมอึงมี่ ล่าสุด ครม.มีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดวิธีดำเนินโครงการฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อขยายขอบเขตประเภทร้านค้าที่เข้าโครงการมากขึ้น แต่ยังไม่ให้ร้านเจ้าสัวเข้าโครงการ
เดิม ร้านค้าเข้าโครงการ ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ร้านทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์
ขยายเพิ่มเติม ให้เป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคล หรือร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 หรือวิสาหกิจชุมชนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องไม่ใช่ร้านค้าสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์
เพื่อให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยที่มีความสำคัญต่อวงจรเศรษฐกิจฐานราก ได้แก่ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และร้านค้าชุมชน และเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้จ่ายไปยังชุมชนเพิ่มขึ้นและบรรลุวัตถุประสงค์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก
รายละเอียดเงื่อนไขอื่นคงเดิม ซึ่งไม่กระทบต่อวงเงินรวม 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ และไม่กระทบวงเงินงบประมาณรวมของโครงการ จำนวน 30,000 ล้านบาท
เรื่องนี้ นับว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์มากขึ้นและไม่มีการเอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าเจ้าสัว หรือธุรกิจรายใหญ่ แต่ไปช่วยร้านค้าชุมนุมกองทุนหมู่บ้าน นับว่ายินดี น่าสนับสนุน น่าชื่นชม
นอกจากนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่ สำหรับโครงการ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ “บัตรคนจน” ต้นปี 2564
2. โครงการช่วยชาวนา
2.1 ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินประกันรายได้ชาวนา อีก 28,711ล้านบาท
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเบื้องต้น เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 18,096 ล้านบาท เพิ่มเติมอีก 28,711 ล้านบาท เป็น 46,807 ล้านบาท (นบข.มีมติเห็นชอบแล้ว)
จำแนกเป็น
1. ค่าดำเนินการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงโดยใช้แหล่งเงินทุนของ ธ.ก.ส. จำนวน 17,676.54 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 28,078.44 ล้านบาท เป็น 45,754.98 ล้านบาท
2. ค่าใช้จ่ายในการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. (ชดเชยต้นทุนเงินในอัตราร้อยละ 2.250) จำนวน 397.72 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 631.76 ล้านบาท เป็น 1,029.49 ล้านบาท
3. ค่าบริหารจัดการ ธ.ก.ส. จำนวน 21 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาท เป็น 22 ล้านบาท
ส่วนใหญ่ ก็นำไปจ่ายค่าส่วนต่างราคานั่นเอง เพื่อให้ชาวนาที่ขึ้นทะเบียนไว้ 4,334,178 ครัวเรือน ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง มีรายได้ตามนโยบายรัฐบาลที่ประกันไว้ให้
ล่าสุด รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์โพสต์เฟซบุ๊คยืนยันด้วยตนเองว่า
“เงินส่วนต่าง” ประกันรายได้ “ข้าว” งวดถัดไป โอนให้ 9 ธันวา ครับ!!!
ส่วนเงินช่วยข้าว ไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ แบ่งเป็น 2 งวด งวดแรก 500 บาท โอนจ่าย 3-5 ธันวาคมนี้ครับ
ส่วน“มันสำปะหลัง” ดีเดย์โอนวันแรก 1 ธันวาคม 2563 ชาวไร่รับสูงสุด 26,000 บาท
ยินดีด้วยครับ”
2.2 โครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ของกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1,601 ล้านบาท
เป้าหมาย คือ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด ที่กลับไปภูมิลำเนา มีอาชีพเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ ประมาณ 5,383 ราย ทำให้สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพิ่มขึ้นจำนวน 34,000 ตัน โดยโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ทั้ง 20 ศูนย์ จะได้รับการปรับปรุงและเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วไปมีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีเพียงพอต่อความต้องการ
โครงการนี้ จะปรับปรุงเครื่องจักรปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โดยเพิ่มเติมชุดเครื่องชั่งบรรจุพร้อมระบบจัดเรียงแบบอัตโนมัติ จำนวน 20 ชุด และระบบไฟฟ้าควบคุมเครื่องจักร จำนวน 18 ชุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชั่งบรรจุ จัดเรียงให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (โรงงาน A2)
นอกจากนี้ ยังเพิ่มศักยภาพโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว โดยการจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ทดแทนของเดิมของโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ (โรงงาน A1) จำนวน 5 ศูนย์ และก่อสร้างอาคารพร้อมติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์โรงงานใหม่รวม 4 ศูนย์ ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2519 ให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น
ครม.เห็นชอบ และอนุมัติกรอบวงเงิน 1,601 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้โควิดฯ (ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) ในคราวประชุมครั้งที่ 29/2563 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ)
กรมการข้าว กระทรวงเกษตรฯ ของรัฐมนตรีว่าการ เฉลิมชัย ศรีอ่อน จะเป็นผู้ดำเนินโครงการนี้
3. ขอสนับสนุนให้รัฐบาลมุ่งทำงานช่วยชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆไม่ต้องเสียสมาธิกับการเมืองน้ำเน่าในทุกรูปแบบ
และขอให้กล้าตัดสินใจโครงการลงทุน การกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผลักดันให้เดินหน้าต่อไปอย่างไม่ติดขัด ไม่ชะงักงัน ไม่กระทบต่อประชาชนผู้บริโภค บนพื้นฐานของความโปร่งใส ชี้แจงได้ด้วยเหตุและผลไม่จำเป็นต้องไปเกร็ง หรือกลัว เพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญ มาจากการเลือกตั้ง นายกฯมาจากการเลือกในสภาที่มาจากการเลือกตั้ง และมิใช่รัฐบาลรักษาการตามที่มีผู้พยายามสั่นคลอน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี