รายงานข่าวระบุว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กำลังพิจารณาการขยายเวลาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
ย้ำ... นี่ไม่ใช่ข่าวเก่า แต่เป็นข่าวใหม่ล่าสุด
พิจารณาขยายเวลาก่อสร้าง อีกแล้วหรือ?
หากขยายจริง ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 5
เมื่อนับถึงวันนี้ รัฐสภาใหม่ของไทยใช้เวลาก่อสร้างไปแล้ว 7 ปีครึ่ง
นานกว่าการสร้างสนามบินปักกิ่งต้าซิงอันล้ำยุคของประเทศจีน
และยังยาวนานต่อไปไม่สิ้นสุด
(ขอบคุณภาพถ่ายจากแฟนเพจ “โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่”)
1. จำได้ว่า ช่วงต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บริษัทซิโน-ไทยฯ ทำหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ได้รับขยายเวลาก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่อีก 382 วัน ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 2562- 31 ธ.ค.2563
จากเดิมจะต้องก่อสร้างเสร็จภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2562
การขยายเวลาก่อสร้างดังกล่าว นับเป็นครั้งที่ 4
2. ก่อนหน้านั้น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ว่าจ้าง ได้เคยขยายเวลาให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างเอกชนผู้รับจ้างไปแล้ว สรุปคร่าวๆ ดังนี้
เริ่มต้น สัญญาก่อสร้างกำหนดเวลาให้ก่อสร้าง 900 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2556 ถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558
การขยายเวลาครั้งที่ 1 จำนวน 387 วัน(25 พ.ย. 2558 – 15 ธ.ค. 2559) เหตุผลเนื่องมาจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า และปัญหาอุปสรรคในการขนดินขุดเสาเข็ม
การขยายเวลาครั้งที่ 2 อีกระยะเวลา 421 วัน (16 ธ.ค. 2559 – 9 ก.พ. 2561) สืบเนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ มีความล่าช้าในการขนย้ายดินที่ขุดเพื่อการก่อสร้างชั้นใต้ดิน
การขยายเวลาครั้งที่ 3 อีกระยะเวลา 674 วัน (10 ก.พ. 2561 - 15 ธ.ค.2562) ครั้งนี้เนื่องจากความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่บริเวณโรงเรียนโยธินบูรณะ ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ดุสิต และศูนย์สาธารณสุข 38 ของกรุงเทพมหานคร ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า และบ้านพักข้าราชการกรมการอุตสาหกรรมทหาร
และการขยายเวลาครั้งที่ 4 อีก 382 วัน ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 2562- 31 ธ.ค.2563
เท่ากับว่า ขยายเวลามาแล้ว 4 ครั้ง รวมเวลาขยาย 1,864 วัน หรือราวๆ 5 ปีเศษ
ทุกครั้ง ไม่มีการเรียกค่าปรับล่าช้าจากฝ่ายเอกชนผู้รับเหมาก่อสร้างเลยแม้แต่บาทเดียว
นับว่าได้รับความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจจากหน่วยงานรัฐอย่างมาก
ไม่ทราบว่า มีการก่อสร้างโครงการใดในโลกที่ขยายเวลาการก่อสร้างได้บ่อยครั้งถึงขนาดนี้แล้วไม่มีการเรียกค่าปรับใดๆ จากฝ่ายเอกชนเลย
3. ตรงกันข้าม เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ฝ่ายเอกชนผู้รับเหมาได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 1,590 ล้านบาท
4. การอนุมัติขยายเวลาก่อสร้างให้เอกชนนั้น จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และดำเนินการตามขั้นตอนในสัญญาหลักอย่างถูกต้องครบถ้วน
สัญญาจ้างก่อสร้างเดิม ข้อ 24.1 ระบุว่าจะขยายเวลาได้ “ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุใดๆ อันเนื่องมาจากความผิดหรือความบกพร่องของฝ่ายผู้ว่าจ้างหรือพฤติการณ์อันหนึ่งอันใดที่ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ทำให้ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาการทำการตามสัญญานี้ได้”
โดยที่ฝ่ายผู้รับจ้างยังจะต้องแสดงหลักฐานเป็นหนังสือแจ้งเหตุดังกล่าวให้ผู้ว่าจ้างทราบภายใน 15 วัน นับจากวันที่เหตุหรือพฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลง
หากข้อเท็จจริงเข้าเงื่อนไข และมีการดำเนินการอย่างถูกต้อง ก็เป็นธรรมที่จะขยายเวลา
แต่ต้องไม่ลืมว่า การขยายเวลานั้น มันมีผลได้-เสีย ทั้งที่เป็นเม็ดเงิน และส่งผลต่อประสิทธิภาพของการบริหารโครงการก่อสร้างมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท
ประการแรก บริษัทผู้รับเหมาเอกชน หากได้รับการขยายเวลาก่อสร้างจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ก็เท่ากับว่า รอดพ้นค่าปรับตามสัญญา
ยกตัวอย่าง
ตามสัญญาเดิม จะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญา ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 หากไม่เสร็จ ก็อาจต้องถูกคิดค่าปรับรายวัน วันละ 12 ล้านกว่าบาท ถ้าล่าช้า 1 ปี ก็จะคิดเป็นเงินกว่า 4,000 ล้านบาท แต่เมื่อได้รับการขยายระยะเวลาก่อสร้าง ก็ทำให้ปลอดภัยจากค่าปรับ
ประการต่อมา ในทางปฏิบัติจริง โครงการทั่วไป เมื่อล่าช้าและมีการเรียกค่าปรับกันจริงๆ เอกชนผู้รับเหมาก็มักจะต้องเร่งรีบระดมทรัพยากรทั้งหมดที่ตนเองมีเพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อจะได้เสียค่าปรับน้อยที่สุด มันจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่สร้างเงื่อนไขจูงใจให้ผู้รับเหมาเอกชนเร่งมือทำงานสุดกำลังความสามารถ
ยิ่งถ้าบริษัทผู้รับเหมารายนั้น เป็นยักษ์ใหญ่ มีโครงการประมูลงานกับภาครัฐมหาศาล ก็ยิ่งไม่มีความเสี่ยงที่เขาจะทิ้งงาน เพราะนั่นจะถูกแบล็กลิสต์ ปิดโอกาสรับงานโครงการก่อสร้างของภาครัฐทั้งหมดทันที
มันจะเป็นผลดีต่อการดำเนินโครงการให้สำเร็จในภาพรวมต่อไป เพราะถ้าสร้างไม่เสร็จ ก็อาจกระทบต่องานต่อเนื่อง ซึ่งสุ่มเสี่ยงจะเสียค่าโง่หรือค่าปรับอีก เช่น งานระบบไอซีที เป็นต้น
5. การขยายเวลาก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่382 วัน ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 2562- 31 ธ.ค.2563 หากเมื่อครบกำหนดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้ว ยังก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญาอีก ก็เท่ากับว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ช่วยเหลือผู้รับเหมาเอกชน ทำให้ได้รับอานิสงส์รอดพ้นค่าปรับมาแล้วทั้งปี คิดเป็นมูลค่าว่า 4 พันล้านบาท
แต่ผลที่ได้รับกลับคืนมา คือ ถูกเอกชนยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบฝ่ายรัฐ ใจดีเกินไปหรือฉลาดน้อยเกินไป หรือเอื้อประโยชน์แก่เอกชนโดยมิชอบ?
6. ล่าสุด ทราบว่า มีการพิจารณาว่าจะขยายเวลาก่อสร้างครั้งที่ 5 อีกร้อยกว่าวัน หรือไม่?
ลองคิดทางเลือก
(1) ไม่ขยายเวลา เดินหน้าเรียกค่าปรับตามสัญญา
เชื่อแน่ว่า บริษัทเอกชนรายนี้จะไม่ทิ้งงาน เพราะเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงใหญ่โต มีงานที่ต้องการทำสัญญารับเหมาก่อสร้างกับรัฐมูลค่ามหาศาลอีกมากมาย
บริษัทย่อมจะระดมสรรพกำลังทั้งมวลเร่งทำงานให้สำเร็จ
ส่วนค่าปรับ วันละประมาณ 12 ล้านบาทถ้าช้า 100 วัน ก็ 1,200 ล้านบาท บริษัทย่อมมีสิทธิที่จะต่อสู้ต่อไปว่า ตนเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่? ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องจ่าย
(2) ขยายเวลาก่อสร้างเป็นครั้งที่ 5
แลกกับสัญญา(อีกแล้ว)ว่าจะก่อสร้างเสร็จตามสัญญา (เหมือนทุกครั้ง)
ถามว่า มาตรฐานนี้ใช้กับโครงการก่อสร้างของรัฐทุกโครงการ ได้ด้วยหรือไม่?
เจ้าหน้าที่รัฐผู้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ โดยเฉพาะผู้ต้องตัดสินใจบริหารโครงการมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท ไม่ต้องรับผิดชอบเลยหรือ?
โครงการกว่า 2 หมื่นล้าน ล่าช้าซ้ำซาก ขยายสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีใครต้องละอายใจเลยหรือ?
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี