ข่าวเรื่องศาลตัดสินว่าเจ้าหน้าที่บางคนของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีความผิดฐานรับเงินสินบน 20 ล้านบาทโดยจากเนื้อข่าวซึ่งเป็นความจริงระบุว่าเงินสินบนจำนวน 20 ล้านบาทนั้น จ่ายโดยสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกชายคนหนึ่งของสมพร จึงรุ่งเรืองกิจและสกุลธรก็คือญาติที่ไม่ห่างกันของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่ากระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา
สกุลธรมีสถานะอื่นนอกเหนือจากคนในตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ คือ ประธานบริษัทเรียลแอสเสท ดิเวลล็อปเม้นท์จำกัด แต่น่าสนใจตรงที่เมื่อศาลตัดสินว่ามีผู้รับเงินสินบน 20 ล้านบาท และผู้รับสินบนมีความผิด แต่กลับปรากฏว่าตัวผู้ให้สินบน คือ สกุลธร กลับไม่มีความผิด แถมเจ้าตัวยังอ้างว่าตนเองเป็นผู้เสียหายอีกด้วย
เออ! แสนอัศจรรย์ใจยิ่ง จนวิญญูชนตั้งคำถามตรงกันว่า เหตุใดคนรับสินบนมีความผิด แต่ผู้ให้สินบนกลับไม่มีความผิด
ประเด็นที่น่าคิดมากๆ คือ สกุลธรยอมรับใช่ไหมว่าตนเองจ่ายเงิน 20 ล้าน แต่จะอ้างว่าเป็นเงินอะไรก็ตามแต่จะอ้าง แต่เมื่อศาลพิพากษาว่ามีผู้รับเงินสินบนไปแล้ว ดังนั้นต่อให้ผู้จ่ายเงินตัวจริงจะอ้างว่าไม่ได้จ่ายสินบน ก็ยังคงทำให้วิญญูชนตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วเงิน 20 ล้านบาท ที่ศาลบอกว่ามีผู้รับสินบนนั้น จะไม่เรียกว่าเงินสินบนหรืออย่างไร หรือจะบอกว่ามีผู้รับสินบน แต่ไม่มีผู้จ่ายสินบน ซึ่งก็แสนจะพิลึกพิลั่นจนเกินประมาณ
ประเด็นเงินสินบนกับข้ออ้างเรื่องจ่ายเงินค่านายหน้า เป็นเรื่องน่าคิดมาก ที่น่าคิดเพราะศาลตัดสินว่ามีผู้ผิดเพราะรับเงินสินบน แต่ทำไมคนจ่ายเงินจึงอ้างว่าจ่ายค่านายหน้า แล้วหากจ่ายค่านายหน้าจริง เหตุใดศาลจึงตัดสินว่ารับเงินสินบน
หากจะมีผู้เชื่อว่าจ่ายค่านายหน้า 20 ล้านบาท ก็ต้องถามต่อไปว่า จ่ายให้ใคร จ่ายเพราะอะไร จ่ายแล้วได้สินทรัพย์ใดตอบแทนหลังจ่ายค่านายหน้าก้อนโต 20 ล้านบาท แล้วก็มีคำถามต่อไปอีกว่า ที่อ้างว่าจ่ายค่านายหน้านั้น จ่ายให้กับใคร ทำหนังสือสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ แล้วยังมีคำถามต่อไปอีกว่า ตกลงจ่ายค่านายหน้าในอัตราร้อยละเท่าไรของมูลค่าทรัพย์สิน เพราะต้องไม่ลืมว่าอัตราค่านายหน้ามีกำหนดไว้ชัดเจนตามระดับราคาทรัพย์สิน และที่น่าสนใจมากที่สุดคือ การจ่ายเงินค่านายหน้านั้น ผู้จ่ายได้จ่ายเงินค่านายหน้าให้กับผู้รับหลังจากงานเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ หากงานที่ตกลงกันนั้นยังไม่สำเร็จเรียบร้อยบริบูรณ์ แล้วเหตุใดจึงจ่ายค่านายหน้าไปก่อน มีธรรมเนียมที่ไหนบ้างที่จ่ายค่านายหน้าก่อนจะได้รับงานที่สำเร็จเรียบร้อย
คำถามพื้นๆ ข้างต้นนี้ คือสิ่งที่ค้างคาใจผู้ที่ติดตามคดีใหญ่ แต่กลับไม่ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ในสังคมไทย จึงทำให้มีคำถามต่อไปว่า ทำไมคดีใหญ่เช่นนี้จึงถูกเก็บเงียบ เหตุที่เงียบเพราะมีอิทธิพลใดเข้าไปทำให้ข่าวเงียบหรือเปล่า หรือเป็นเพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนามสกุล “จึงรุ่งเรืองกิจ” ข่าวใหญ่เลยกลายเป็นข่าวย่อยไปโดยปริยาย หรือว่ามีอำนาจอื่นๆ ทำให้เรื่องนี้เงียบเชียบจนน่าพิศวง
มีเรื่องน่าสนใจมากขึ้นไปอีกเมื่อสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจลูกของสมพร น้องชายของธนาธร แจกเอกสารในกระดาษจำนวนสามหน้าให้นักข่าวที่ไปทำข่าวนี้ แต่มีข้อสังเกตว่าสกุลธรไม่ตอบคำถามนักข่าวให้ชัดเจน หลายคนที่รู้ติดตามคดีธนาธรไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน ก็ตั้งข้อสังเกตว่าสกุลธรก็ตอบเรื่องสินบนไม่ต่างจากการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของธนาธร ดังนั้นหลายคนจึงลงความเห็นเบื้องต้นว่าทั้งสกุลธร และธนาธรมีปัญหาเรื่องการชี้แจงรายละเอียดของเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่ต่างกันเลย ซึ่งก็ทำให้หลายคนลงความเห็นอีกว่า ก็คงไม่ประหลาดที่สองคนชี้แจงเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่ชัดเจน เพราะเป็นพี่น้องลูกแม่เดียวกัน จึงมีความเหมือนกันในสิ่งนี้
ในที่นี้จะไม่ขอยกเอาเอกสารที่สกุลธรอ้างมาพูดซ้ำ เพราะเชื่อว่าหลายคนที่ติดตามคดีนี้ต้องได้อ่านเอกสารจากสกุลธรที่ถูกนำเสนอในข่าวไปแล้ว แต่ยิ่งอ่านเอกสารคำแก้ตัวของสกุลธรก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นว่า จริงหรือที่สกุลธรไม่รู้ว่าเอกสารปลอม แล้วจริงหรือที่สกุลธรไม่รู้จักกับประสิทธิ์ อภัยพลชาญ มาก่อนเลย ถามจริงๆ ถามย้ำๆ ว่าจริงหรือ ส่วนข้ออ้างเรื่องไม่นำเงินไปดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูก และไม่สุจริตนั้น ก็เป็นคำอ้างทั่วไปคนของที่ถูกจับได้ว่ากระทำความผิด แต่ไม่ยอมรับความจริง ซึ่งเรื่องนี้พบเห็นได้เสมอๆ ในเหล่ารัฐมนตรีไทยที่ทำความผิดสารพัด แต่พูดปดว่าตนเองบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ส่วนเรื่องที่สกุลธรอ้างว่าเน้นหลักความโปร่งใสในการทำงาน และยึดหลักความถูกต้องนั้น ก็เป็นเรื่องปกติที่คนซึ่งทำความผิดก็จะอ้างเช่นนี้เสมอ ตัวอย่างเช่น แม้กระทั่งรัฐมนตรีได้กล่าวถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง แต่ก็พบว่ารัฐมนตรีหลายคนตระบัดสัตย์ ดังนั้นคำอ้างกับการประพฤติจริงจึงเป็นคนละประเด็นกันสำหรับคนที่พูดอย่างทำอย่าง
การที่สกุลธรอ้างว่าจ่ายเงินตามความคืบหน้าของงาน โดยชำระเป็นเช็คและบันทึกเช็คตามมาตรฐานสัญญาธุรกิจโดยไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แต่กลับอ้างว่าได้รับเอกสารราชการปลอม จนทำให้ตนเองต้องจ่ายค่าจ้างตามสัญญากำหนด เรื่องนี้ก็น่าสงสัยมากว่าจริงหรือ เพราะการทำงานใหญ่ระดับมูลค่าหลายพันล้านบาท เหตุใดจึงไม่มีฝ่ายกฎหมายคอยตรวจสอบเอกสารสำคัญก่อนสั่งจ่ายเงิน แล้วยิ่งข้ออ้างว่าหลังพบความผิดปกติจึงส่งหนังสือถึงสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อสอบถามการเช่าที่ดิน แล้วอ้างอีกว่าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ทำหนังสือแจ้งกลับว่า ไม่มีนโยบายหาผู้เช่าที่รายใหม่แต่อย่างใด เรื่องนี้ยิ่งทำให้เกิดคำถามหนักว่า แล้วก่อนจะทำสัญญาใดๆ ที่มีการกล่าวอ้างถึงสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์นั้น สกุลธรไม่มีฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเรื่องนี้กับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ก่อนเลยกระนั้นหรือเหตุใดจึงหลงเชื่อได้ง่ายดายเช่นนี้ ซึ่งผิดวิสัยนักธุรกิจระดับหลายพันล้านหมื่นล้านบาท
มีผู้ตั้งคำถามว่า นักธุรกิจระดับสกุลธรซึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจมานาน เหตุใดจึงไม่ตรวจสอบเอกสารในการทำธุรกิจก่อนลงมือดำเนินการ ดังนั้นการอ้างว่าได้รับเอกสารปลอมจึงเป็นคำอ้างที่ยากจะเชื่อถือได้โดยวิญญูชน
ที่ฟังแล้วต้องบอกว่าแสนตลกก็คือ การที่สกุลธรอ้างว่าจ่ายเงินจำนวนมากให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมากก่อน ข้ออ้างเช่นนี้ฟังแล้วมีแต่คนหัวเราะ เพราะไม่มีใครเชื่อ ถามจริงๆ ว่าสกุลธรเชื่อคนง่ายดายจนถึงกับยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนมากกับเขาโดยง่ายดายหรือ แค่เพียงเขาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เท่านั้น สกุลธรก็จ่ายเงินให้เขาแล้วหรือ
แล้วการที่อ้างว่าตนเองทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยวงเงินหลักพันหลักหมื่นล้านบาท แต่กลับไม่มีการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าที่ดินที่จะเข้าไปทำธุรกิจด้วยนั้นเปิดให้มีการประมูลจริงหรือไม่ ข้ออ้างเรื่องนี้ฟังแล้วมีแต่เสียงหัวเราะเยาะเท่านั้น
การที่สกุลธรอ้างว่าทำธุรกิจตามช่องทางปกติกับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ขอถามว่าปกติจริงหรือ สกุลธรติดต่อเรื่องนี้กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จริงหรือเปล่า ถ้าติดต่อจริง ติดต่อผ่านช่องทางใด กรุณาแจ้งให้ชัดเจนด้วย แล้วเคยได้เอกสารตัวจริงจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์หรือไม่
จะอย่างไรก็ตาม สาธารณชนประจักษ์ชัดว่า ศาลระบุชัดเจนว่า มีการจ่ายเงินรวม 20 ล้านบาท ให้จำเลยทั้งสองเพื่อตอบแทนการที่จำเลยทั้งสองจะร่วมกันไปดำเนินการติดต่อประสานงานและนำเงินส่วนหนึ่งไปมอบให้รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐตามกฎหมาย โดยวิธีอันทุจริตและผิดกฎหมาย เพื่อจูงใจให้รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้กระทำการในหน้าที่ด้วยการจัดสรรที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ให้บริษัท เรียลแอสเสท ดิเวลลอปเม้นท์จำกัด ได้สิทธิการเช่าที่ดินระยะยาวโดยไม่ต้องผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกติของการขอเช่าของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อันเป็นคุณแก่บริษัท เรียลแอสเสทดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และทำให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียประโยชน์ที่จะได้รับเงินจากการประมูลที่สุดที่สุด ในประการนี้น่าจะเกิดความเสียหายแก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผู้อื่น และประชาชน
เรื่องนี้วิญญชนได้อ่านคำพิพากษาของศาลแล้ว จึงปักใจเชื่อว่าสกุลธรคือตัวการผู้ให้สินบน 20 ล้านบาท ส่วนศาลไม่พิพากษาให้สกุลธรผิด ก็เป็นสิ่งที่สาธารณชนตั้งคำถามเช่นกัน แต่ตั้งคำถามว่าทำไมคนให้สินบนจึงไม่ผิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี