สถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สมุทรสาคร กำลังทรุดตัวอย่างหนักล่าสุดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 1,063 ราย โดยแม้จะบอกว่าเป็นการติดเชื้อในกลุ่มคนต่างชาติเป็นหลัก แต่จริงๆก็ได้มีการติดเชื้อภายในประเทศ สู่คนไทยไปแล้วไม่น้อยกว่า 60 ราย และที่สำคัญต้องยอมรับว่ากว่าจะตรวจพบรอบนี้ก็ได้แพร่กระจายไปในเวลาหลายวันแล้วก่อนตรวจพบ ทำให้ตอนนี้พบการติดเชื้อทั่วประเทศที่ตั้งต้นจากแหล่งเดียวไปไม่น้อยกว่า 32 จังหวัดทั่วประเทศและมีการประกาศล็อกดาวน์ไปแล้วหลายจังหวัด และอาจกำลังจะมีการออกมาตรการเข้มข้นขึ้นในกรุงเทพมหานครเร็วๆ นี้ หากสุดสัปดาห์นี้พบปัญหามากกว่าที่คาดคิดและในช่วงเวลาเดียวกันสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกก็กำลังเจอกับปัญหาใหญ่เช่นกัน โดยไม่กี่วันก่อนประเทศอังกฤษประกาศยืนยันว่าพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ง่ายและเร็วกว่า โดยมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่าแสนคน ภายในเวลาแค่สัปดาห์เดียว
จากสถานการณ์ที่กำลังหนักขึ้นและรุนแรงขึ้นเช่นนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงเป็นที่จับตามองว่า ประเทศไทยจะมีแนวโน้มล็อกดาวน์อีกรอบหรือไม่ ? ซึ่งถ้ามีการประกาศล็อกดาวน์อีกรอบสิ่งที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรจะทำหรือไม่? เพราะถ้ายังคงมีการผ่อนคลายมาตรการมากเกินไปหรือยังไม่กลับมาใช้มาตรการเข้ม ไวรัสอาจจะสร้างปัญหากลับมาใหม่หรือไม่?
โควิดระลอกสอง และโควิดสายพันธุ์ใหม่มาแรงจนกลบกระแสการเมืองและการชุมนุมไปเสียหมด หรือไม่? หรืออาจเป็นเพราะผลการเลือกตั้งท้องถิ่น
ที่ทำให้เปลี่ยนไป?
สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ. และ สมาชิก อบจ.อาจทำให้หลายๆ คนอกหักผิดหวัง หรือไม่เป็นไปอย่างที่คาดเพราะไปเอาผลการเลือกตั้งสส.ปีที่แล้วกับกระแสการเมืองในโซเชียลเป็นตัวตั้ง ทั้งที่ของจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น และวันนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้วก็มีหลายอย่างเปลี่ยนไป ยังไม่นับรวมปัจจัยแห่งการเลือกตั้งท้องถิ่น
เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งผลการเลือกตั้งครั้งนี้อาจกำลังสะท้อนภาพความเป็นจริงบางอย่าง
โดยผลการเลือกตั้งที่ออกมากำลังสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนคิดอย่างไรกับการเมืองปัจจุบัน หรือกับการชุมนุม หรือกับปัจจัยอื่น รวมถึงกลุ่มการเมืองใหม่อย่างกลุ่มของนายธนาธร? จึงทำให้ผลการเลือกตั้งสนามการเมืองท้องถิ่นทั้ง 42 จังหวัด ที่คณะก้าวหน้าส่งลง ซึ่งจากเดิมมีการวิเคราะห์ไว้ว่าจะได้นายก อบจ. ไม่ต่ำกว่า 30 จังหวัด แต่ผลที่ออกมากลับกลายเป็นว่าสอบตกทุกจังหวัดแม้กระทั่งสมาชิก อบจ.ที่แม้ได้บ้างแต่ได้น้อยกว่าที่คาดไว้มากเมื่อเทียบกับฐานสส.อนาคตใหม่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะประเด็นการเลือกตั้งสมาชิก อบจ. เขต 10 จังหวัดระนอง ที่ในเขตนั้นคณะก้าวหน้ามีผู้สมัครเพียงคนเดียวแบบไร้คู่แข่ง หรือแทบจะเรียกว่าชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คาด เพราะทั้งเขตมีคนกาบัตรเลือกไปทั้งหมด 1,039 คะแนน แต่มีคนโหวต NOคือไม่ประสงค์ลงคะแนนถึง 1,129 คะแนน ส่งผลให้แพ้โหวต NO ทางกกต.จึงต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วันนี้ เกิดอะไรขึ้น?
ในช่วงท้ายของการหาเสียงมีบางอย่างเกิดขึ้นต่อกลุ่มการเมืองใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นบวกหรือลบอย่างน้อย 2 ปัจจัย ตามที่เป็นข่าวคือ มีคลิปที่ประชาชนหลายจังหวัดออกมาต่อต้านนายธนาธรตอนไปช่วยหาเสียง ในเรื่องการปฏิรูปสถาบัน แต่ก็ยังไม่รู้อีกว่าสิ่งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงคะแนนได้แค่ไหน
ส่วนปัจจัยที่ 2 คือกรณีที่น้องชายของหัวหน้าคณะก้าวหน้าไปมีข่าวเกี่ยวข้องกับคดีติดสินบนเจ้าพนักงานซึ่งแม้คำตัดสินไม่ได้บอกว่าผิดแต่อาจมีผลโดยตรงกับภาพลักษณ์ของนายธนาธรหรือไม่? เพราะที่ผ่านมานายธนาธรเองพยายามปูภาพลักษณ์ว่าต้องการจะเข้ามาปราบคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด แต่คนในครอบครัวของตัวเองกลับมีข่าวเช่นนี้ ซึ่งหลายฝ่ายยังรอการชี้แจงข้อเท็จจริงอยู่ หากชี้แจงข้อเท็จจริงได้ดีก็อาจกลับมาเป็นบวก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการเลือกตั้งท้องถิ่นของประชาชน อาจจะไม่ยึดติดกับตัวบุคคลเหมือนดังเช่นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เพราะในหลายจังหวัดพบการแข่งขันกันเองในพรรคเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกันก็อาจะพบว่าการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกอาจจะไม่ได้อิงกับความนิยมหัวหน้าพรรคเช่นเดียวกับการเลือก สส. แต่ปัจจัยฐานการเมืองของผู้สมัครหรือฐานการเมืองในพื้นที่ที่สนับสนุนอาจมีปัจจัยมากกว่าหรือไม่?
อย่างในจังหวัด เชียงราย กับ เชียงใหม่ ที่พบว่าเป็นการแข่งขันกันเองระหว่างเพื่อไทย กับ เพื่อไทย ซึ่งก็มีหัวหน้าพรรคคนเดียวกัน แม้อีกคนจะบอกว่าไม่ได้ลงในนามพรรค เช่นในจังหวัดเชียงราย ที่ผู้สมัครที่ลงในนามอิสระแต่คนในพื้นที่ก็รู้ว่ามาจากพรรคการเมืองพรรคเดียวกันใช่หรือไม่? แต่ผู้สมัครอิสระก็สามารถเอาชนะ
ผู้สมัครที่ลงแข่งในนามของพรรคไปได้
ขณะที่เชียงใหม่ก็เป็นการแข่งขันกันเองระหว่าง เพื่อไทย กับ เพื่อไทย อีกเช่นเดียวกันแต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ลงสมัครในนามของพรรคเป็นฝ่ายชนะคนที่ลงสมัครในนามอิสระไป
เพราะฉะนั้นจึงอาจไม่สามารถเอาปัจจัยเรื่องของหัวหน้าพรรคมาเป็นปัจจัยในการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ เพราะ 2 จังหวัดดังกล่าว ก็อาจแสดงให้เห็นว่า น้ำหนักของผู้สมัครและฐานการเมืองของแต่ละคนมีผลต่อการตัดสินใจเลือกของประชาชนในท้องถิ่นนั้น
อย่างไรก็ตาม จังหวัดที่ชนะเลือกตั้ง อบจ. ในครั้งนี้ก็อาจชนะด้วยฐานเสียงในพื้นที่ที่อาจไม่ได้อิงกับ สส. ที่ได้เมื่อปีก่อนเสียทั้งหมด หรือบางพื้นที่ก็มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ในจังหวัดชลบุรี ที่ปีที่แล้วพรรคอนาคตใหม่พลิกมาชนะได้ในหลายเขตในขณะพื้นที่ที่แพ้ก็เก็บคะแนนบัญชีรายชื่อได้ไม่น้อย จึงน่าจะเป็นคู่ที่สูสี แต่ผลการเลือกตั้งกลับพบว่า ตัวแทนจากบ้านใหญ่ชนะแบบขาดลอย นำห่างคณะก้าวหน้า แสนกว่าคะแนน และถึงแม้จะได้ ส.อบจ. เองก็ได้แค่เพียง 1 คน จากทั้งหมด 42 ที่นั่ง แล้วลักษณะเช่นนี้ก็เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ที่พรรคอนาคตใหม่ชนะเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว นี่ยังไม่นับการลงแข่งในหลายพื้นที่ ที่เพื่อไทยยอมถอยไม่ส่งลงแล้วก็ยังไม่สามารถเก็บชัยชนะ นายกอบจ.ได้แม้แต่คนเดียว
ดังนั้น นอกจากปัจจัยอิงความนิยมหัวหน้าพรรคอาจไม่ส่งผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นมากนัก อาจกำลังมีประเด็นกระแสความนิยมของประชาชนบนโลกแห่งความเป็นจริงได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วด้วย
“ประเพณีแผ่นดินนี้ เกิดจลาจลแล้วก็เป็นสุขเล่า เป็นสุขแล้วก็เกิดจลาจลเล่า เป็นธรรมดามาแต่ก่อน”
ซุยเป๋ง สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี