วันที่ 10 เดือนธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการของประเทศไทย เพื่อรำลึกถึง และเฉลิมฉลองการสถาปนากฎหมายรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุดของราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (กษัตริย์เป็นใหญ่แต่ผู้เดียว เป็นตัวกฎหมาย เป็นเจ้าแผ่นดิน และเจ้ามหาชีวิต) มาสู่การที่กษัตริย์ทรงดำรงอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และวางรากฐานให้ราชอาณาจักรไทยเดินหน้าไปสู่การเป็นสังคมเสรีประชาธิปไตย หรือนัยหนึ่งก็คือการที่ราชอาณาจักรไทย “สวมเสื้อ” ประชาธิปไตย มีจิตวิญญาณ และสาระเนื้อหาของการเป็นสังคมประชาธิปไตย ที่กล่าวมาคือผลจากการเปลี่ยนการปกครอง และเป้าหมายสูงสุดของราชอาณาจักรไทยที่จักต้องเป็นสังคมประชาธิปไตยให้ได้
ปวงชนชาวไทยทุกคนจึงมีภาระหน้าที่และสิทธิที่จะช่วยกันจรรโลงและขับเคลื่อนความเป็นประชาธิปไตยของราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะเป็นอื่นใดมิได้ เพราะเป็นสัญญาประชาคมระหว่างองค์พระมหากษัตริย์ กับคณะผู้ปฏิวัติรัฐประหารเมื่อเดือนมิถุนายน 2475 และการยกร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญต่อมาจนแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2475
จากนั้นมาจนบัดนี้ สังคมไทยในความเป็นราชอาณาจักรก็เทียวไล้เทียวขื่อ เพียรพยายาม “ก่อร่างสร้างตัว” หรือเสริมสร้างความเป็นสังคมประชาธิปไตย ซึ่งก็มีขึ้นมีลง มีการก้าวไปข้างหน้าบ้าง แล้วก็ถอยหลังกลับมาบ้าง จนวันนี้ ก็ยังเป็นสังคมประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ การที่จะหันหัวกลับไปในทิศทางของการเป็นประชาธิปไตยเต็มใบได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะการต่อกรกันระหว่างฝ่ายครึ่งใบ กับฝ่ายเต็มใบ (ซึ่งตอนนี้ฝ่ายครึ่งใบก็ดูจะมีไพ่เหนือกว่า)
อย่าลืมว่า การคงอยู่ของฝ่ายประชาธิปไตยครึ่งใบนั้นถือเป็นการขัดต่อสัญญาประชาคมดังกล่าว และขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับแรกของราชอาณาจักรไทย อีกทั้งเป็นการต่อเวลาของความขัดแย้งในสังคมไทย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาก้าวหน้าของราชอาณาจักรไทย ที่พื้นฐานของคนคือ ความเป็น “ไท” เป็นเสรีชน และความเป็นลูกหลานของท่านพ่อขุน ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรไทย นามว่า “สุโขทัย” ที่พ่อขุนเป็นผู้ปกครอง แต่ฟังลูกบ้าน และร่วมกันป้องกันและสร้างชาติ มิได้มีนัยของอำนาจนิยมใดๆ
ในวันนี้ของราชอาณาจักรไทย กลุ่มผู้นำประเทศร่วมกันปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจถึง 2 ครั้ง 2 ครา ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 10 ปี
การยึดอำนาจก็ตามด้วยการฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้วเขียนขึ้นใหม่ตามอำเภอใจ
วันที่ 10 ธันวาคมนั้น เป็นวันเฉลิมฉลองกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อผู้ยึดอำนาจและครองอำนาจนึกถึงที่มาที่ไป ก็คงจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ ในการที่จะจัดงานการเฉลิมฉลองวันรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทย
ฉะนั้น วันที่ 10 ธันวาคม ปี 2563 จึงกลายเป็นแค่วันหยุดเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น แม้กระทั่งแวดวงวิชาการ ปัญญาชน และสื่อ ก็พลอยเงียบสงบกันไปหมด ยิ่งบรรดาพรรคการเมืองผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเมืองแบบประชาธิปไตย ก็ยิ่งเลือกที่จะไม่กระดุกกระดิก ไม่กระโตกกระตาก แต่อย่างใด
จึงเป็นเรื่องน่าอดสู น่าเศร้า ฉะนั้น ผู้ที่คิดถึงเรื่องวันที่ 10 ธันวาคม ก็ทำได้เพียงแค่แสดงความสงสารกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ที่ถูกฉีกครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังถูกรังแกเป็นนิจสิน เพราะผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินก็มักจะไม่มีจิตวิญญาณเป็นประชาธิปไตย
ก็เป็นเรื่องที่นักประชาธิปไตยที่แท้จริง (ไม่ใช่พวกจอมปลอม) จะต้องแบกภาระมุ่งหน้าฟันฝ่ากันต่อไป
ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่ง ราชอาณาจักรไทยจะได้จัดงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญในวันที่10 ธันวาคม กันอย่างสมเกียรติและภาคภูมิใจ ไม่เหมือนครั้งปี พ.ศ. 2563
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี