แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ความสุขสวัสดีนี้เป็นสิ่งที่พึ่งปรารถนาอย่างยิ่งของคนเรา แต่จะสำเร็จผลเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถและสติปัญญาในการประพฤติตัวปฏิบัติงานของแต่ละบุคคล ในปีใหม่นี้จึงขอให้ชาวไทยทุกคนได้ตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงแน่วแน่ ที่จะประพฤติตัวปฏิบัติงานให้เต็มกำลังความสามารถ โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดกำกับอยู่ตลอดเวลากล่าวคือ จะคิดจะทำสิ่งใด ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีให้รอบคอบ ทำให้ดีให้ถูกต้อง ข้อสำคัญจะต้องระลึกรู้ โดยตระหนักว่าประโยชน์ส่วนรวมนั้น เป็นประโยชน์ที่แต่ละคนพึงยึดถือเป็นเป้าหมายหลักในการประพฤติตัวและปฏิบัติงาน เพราะเป็นประโยชน์ที่ยั่งยืนแท้จริง ซึ่งทุกคนมีส่วนได้รับทั่วถึงกัน ความสุขความสวัสดีจักได้เกิดมีขึ้นทั้งแก่บุคคล ทั้งแก่ชาติบ้านเมืองไทย ดังที่ทุกคนทุกฝ่ายตั้งใจปรารถนา…(ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ พ.ศ. 2553 ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแด่พสกนิกรชาวไทย เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2552)...
nn ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2564 ในนามของหนังสือพิมพ์แนวหน้า และรายการแนวหน้าวาไรตี้ขออนุญาตส่งความปรารถนาดีให้กับคุณผู้อ่านหนังสือพิมพ์ และคุณผู้ชมรายการทุกท่าน รวมถึงทุกท่านที่ช่วยอุปถัมภ์สนับสนุนกิจการของแนวหน้าด้วยดีเสมอ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณงามความดีทั้งหลายในสากลโลก โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านประสบความสุข ความเจริญ มีสุขภาพกายและใจเข้มแข็งแข็งแรงมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ตลอดปี พ.ศ. 2564 และตลอดไป และขอให้ดำรงความเป็นกัลยาณมิตรต่อกันตลอดไปตราบนานแสนนาน ...
nn ข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้คนในบ้านเราอย่างมาก กล่าวได้ว่ามากเสียจนหลายคนเกิดอาการโรคประสาท เพราะปริวิตกจนเกินเหตุ แต่ที่น่าวิตกมากกว่านั้นก็คือ มีการส่งข่าวเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 ผ่าน Social Media กันอย่างบ้าคลั่ง เรียกว่าบ้าคลั่งจนถึงต้องปลอมเสียงของคณบดี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล คุณหมอประสิทธิ์ วัฒนาภา โดยสร้างความเท็จว่าคุณหมอออกมาเตือนเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขั้นรุนแรงในบ้านเมืองของเรา ล่าสุด รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คุณหมอนริศ กิจณรงค์ ออกมาชี้แจงผ่านเอกสารของมหาวิทยาลัย แล้วว่าเป็นเรื่องเท็จ ขออย่าส่งต่อข้อความเท็จ แล้วขอให้ประชาชนติดตามข่าวเรื่องโควิด-19 จากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.)...
nn ข้อเท็จจริงประการหนึ่งจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในบ้านของเราคือ พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศไทยมากขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งต่างจากเมื่อหลายเดือนก่อนที่ไม่พบการติดเชื้อภายในบ้านของเรา พบว่าติดเชื้อในแต่ละวันสูงเกินร้อยกว่าราย รวมจำนวนผู้ป่วยสะสมที่ติดเชื้อในประเทศไทยสูงถึง 4,447 ราย จากยอดผู้ป่วยสะสมรวมทั้งหมด 6,440 ราย รักษาหายแล้ว 4,188 ราย ยังคงรักษาอยู่ 2,195 ราย เสียชีวิต 61 ราย @ นอกจากมีข่าวเท็จเรื่องโควิด-19 มากมายแล้ว ในบ้านเมืองของเรายังมีข่าวเท็จเรื่องธนาคารต่างๆ ส่ง SMS (ข้อความสั้นผ่านโทรศัทพ์มือถือ) และผ่าน Social Media เพื่อล่อลวงให้ผู้หลงเชื่อระบุข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรเครดิต/บัตรเอทีเอ็ม หมายเลขบัญชีธนาคาร รหัสเอทีเอ็ม/บัตรเครดิต ซึ่งมีผู้หลงเชื่อจำนวนหนึ่งกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไป สุดท้ายก็สูญเงินฝากที่มีอยู่ในธนาคาร และถูกตัดเงินผ่านบัตรเครดิต เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ขอให้คุณผู้อ่านแนวหน้าโปรดอย่างหลงเชื่อ และโปรดเตือนคนใกล้ชิดว่าอย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดติดต่อกับธนาคารโดยตรง โดยไปที่ธนาคาร หรือใช้หมายเลขโทรศัพท์ของธนาคารเท่านั้น และหากมีผู้โทรฯ เข้าโทรศัพท์ของคุณเพื่อขอข้อมูลส่วนตัวก็ไม่จำเป็นต้องสนทนากับมิจฉาชีพ แนะนำว่าตัดสายที่โทรฯ เข้ามาโดยทันที อย่าเสียเวลาพูดด้วย...
nn รัฐบาลทุกรัฐบาล รวมถึงรัฐบาลล่าสุดต่างประกาศว่าจะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นกันอย่างครึกโครม แต่ส่วนมากแล้วก็เป็นได้แค่เพียงคำโฆษณาชวนเชื่อ เพราะยิ่งประกาศว่าจะปราบ ก็ยิ่งมีการคอร์รัปชั่นมากขึ้น ล่าสุด ป.ป.ช. เปิดเผยเรื่องที่ได้รับรองเรียนจากประชาชนมากเป็นอันดับหนึ่งคือการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง วงเงินรวมประมาณ 2 แสน 7 พันล้านบาท อันดับสองคือ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ วงเงินรวมประมาณ 2 หมื่น 4 พันล้านบาท แต่เมื่อดูผลการศึกษาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย ที่ศึกษาโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ป.ป.ช. และองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ แล้วพบตรงกันว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยมิได้ลดลง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ไม่ว่าผู้บริหารประเทศจะมาจากการเลือกตั้ง หรือจากการรัฐประหาร ก็มิได้ทำให้การทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยมีความแตกต่างกัน หากจะสรุปก็คือ ใครก็ตามเมื่อขึ้นไปยึดกุมอำนาจรัฐได้แล้ว ก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังกับการกำจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ทำได้เหมือนๆ กันคือดีแต่พูดปาวๆ ว่าจะปราบคอร์รัปชั่น...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี