ขบวนกาเหว่าปราชัยในการชูธงเรื่องคณะราษฎรว่าเป็นวีรชนในการสร้างประชาธิปไตยอย่างย่อยยับ เพราะถูกความจริงทางประวัติศาสตร์ตีโต้อย่างชัดเจนว่าคณะราษฎรที่มุ่งเชิดชูเป็นแบบอย่างแห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นแท้จริงก็แค่มหาโจรปล้นทรัพย์สมบัติของพระมหากษัตริย์
พวกกาเหว่าจึงหันมารณรงค์ให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งกระบวนการในการล้มเจ้า ซึ่งคงจะเคลื่อนไหวมากขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงต้นปี 2564
ทิศทางการเคลื่อนไหวก็คือมาตรา 112 เป็นกฎหมายป่าเถื่อน ล้าหลัง ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ปิดปากประชาชน เป็นอุปสรรคในการปฏิรูปประเทศไทย จึงต้องยกเลิกเสีย โดยไม่ยอมบอกความจริงว่าแท้จริงแล้วเป็นแค่การต้องการให้ยกเลิกกฎหมาย ซึ่งพวกกาเหว่าได้กระทำความผิดตามที่กฎหมายดังกล่าวบัญญัติไว้ ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากนี้
การทำความผิดแล้วเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายเพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องรับผิดเป็นความเหลวไหลเลอะเทอะที่สุดไม่ว่าในยุคไหนๆ ที่สำคัญคือเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าจะมาแอบอ้างบิดเบือนกันในยุคนี้สมัยนี้
เพราะคนทั้งหลายย่อมรู้กันโดยทั่วไปว่ามาตรา 112 ดังกล่าวนั้นเป็นบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายหลักของประเทศในยุคที่มีการปฏิรูปทางกฎหมายครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยถือต้นแบบมาจากอารยประเทศทั้งหลาย และเป็นหลักการอย่างเดียวกันกับทุกประเทศทั่วโลก
ประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าวได้บังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 นับถึงวันนี้ก็ 64 ปีแล้ว ระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ในการบริหารบ้านเมืองหรือมีปัญหาต่อระบอบประชาธิปไตย และได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นบทบัญญัติหลักแห่งกฎหมายในทางอาญาที่เชิดหน้าชูตาฉบับหนึ่งของประเทศไทย
ที่ประเทศทั้งหลายล้วนยอมรับนับถือ
มาตรา 112 นั้นเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทซึ่งอยู่ในหมวดเดียวกันกับกฎหมายเรื่องหมิ่นประมาท โดยประมวลกฎหมายอาญาได้วางหลักเกี่ยวกับการคุ้มครองบุคคลสำคัญและบุคคลต่างๆ รวมทั้งบัญญัติโทษที่เกิดจากการกระทำความผิด โดยสอดคล้องกับหลักการบัญญัติกฎหมายและโทษในทางอาญา
โดยสรุปคือประมวลกฎหมายอาญาได้บัญญัติความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นไว้รวม 5 ลักษณะคือ
การดูหมิ่นประมุขแห่งรัฐหรือพระมหากษัตริย์ของพระราชอาณาจักรไทย
การดูหมิ่นประมุขรัฐต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี หรือประธานาธิบดี หรือนายกรัฐมนตรี ที่มีสถานะเป็นประมุขแห่งรัฐ
การดูหมิ่นเอกอัครราชทูตต่างประเทศในฐานะที่เป็นผู้แทนของรัฐต่างประเทศที่ได้ถวายสาส์นตราตั้งต่อพระมหากษัตริย์ให้เป็นทูตประจำราชอาณาจักรไทย
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่และกระทำการตามอำนาจหน้าที่
การดูหมิ่นราษฎรด้วยกันเอง
บทบัญญัติแห่งกฎหมายได้ครอบคลุมบุคคลทุกประเภทตั้งแต่ชาวบ้านร้านถิ่นอย่างเราท่านไปจนถึงประมุขแห่งรัฐคือพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล และมีบทบัญญัติว่าด้วยการลงโทษเป็นลำดับลดหลั่นกันไป
และถ้าจะว่ากันถึงบทบัญญัติในการลงโทษแล้วก็ต้องถือว่าบทบัญญัติที่ลงโทษขั้นสูงในกรณีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์นั้น หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วประมวลกฎหมายอาญาของไทยยังมีโทษน้อยกว่าหลายประเทศ ซึ่งเป็นไปตามหลักเมตตาธรรมประจำประเทศไทย
การใช้และบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าวเป็นมาโดยราบรื่น แต่มีบางยุคบางสมัยที่นักการเมืองได้ใช้อำนาจทางการเมืองบังคับใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง ซึ่งกระทบต่อประมุขแห่งรัฐ
ทำให้การบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีลักษณะอาการเป็นสามประการคือ
ประการแรก การบังคับใช้กฎหมายในกรณีมีการกระทำความผิดครบตามองค์ประกอบความผิดที่กฎหมายบัญญัติ
ประการที่สอง การบังคับใช้กฎหมายเพื่อเป็นเครื่องมือในทางการเมืองในการทำลายคู่แข่งทางการเมืองโดยกล่าวหาว่าดูหมิ่นพระมหากษัตริย์หรือเป็นปรปักษ์กับพระมหากษัตริย์
ประการที่สาม การบังคับใช้กฎหมายเพื่ออวดอ้างว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทำนองเดียวกับการสร้างกลุ่มโจรขึ้นแล้วไปปราบโจรและอ้างว่าเป็นผลงานในการปราบโจร
การบังคับใช้กฎหมายในประการที่สองและสามทำความเดือดร้อนให้กับพระมหากษัตริย์ เพราะบางยุคบางสมัยได้ใช้เป็นเครื่องมือที่ก่อความเดือดร้อนแก่นักการเมืองอื่นและราษฎรอื่นๆ ด้วย ดังนั้นพระมหากษัตริย์จึงมีพระราชปรารภเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเรื่องนี้ว่าทำให้พระองค์ท่านเดือดร้อน
ซึ่งต้องเข้าใจว่าที่ทำให้พระมหากษัตริย์เดือดร้อนนั้นก็คือการใช้กฎหมายมาตรา 112 เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองหรือเพื่อทำลายกันในทางการเมือง ในกรณีเช่นนี้แหละที่พระมหากษัตริย์มีพระราชปรารภว่าทำให้พระองค์ท่านเดือดร้อน และไม่มีพระราชประสงค์ให้ใช้กฎหมายในลักษณะเช่นนี้
ดังนั้น รัฐบาล ตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษาตุลาการทั้งปวงจึงพึงทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าพระมหากษัตริย์มิได้ทรงห้ามการบังคับใช้มาตรา 112 สำหรับกรณีที่มีการกระทำความผิดตามกฎหมายจริงๆ แต่ที่ทรงปรารภว่าทำให้พระองค์ท่านเดือดร้อนก็เพราะการใช้มาตรา 112 เพื่อประโยชน์และทำลายล้างกันในทางการเมืองเท่านั้น
ดังนั้นอย่าได้แอบอ้างเพื่อไม่ทำหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ หรือแอบอ้างเพื่อใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายกันในทางการเมืองอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี