“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com อุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา ... แน่นด้วยสาระ เพียบพร้อมด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอเริ่มต้นปี “ฉลูวัวทอง” ด้วยข่าวน่ายินดีและต้องชื่นชมเมื่อ “หมอศุภกิจ ศิริลักษณ์” อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แจ้งความคืบหน้า “โควิด-19”ว่ารัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข จะได้รับวัคซีนจาก “ซิโนแวค สัญชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน” 2,000,000 โดส โดยในราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ 200,000 โดส, เดือนมีนาคมอีก 800,000 โดส และเดือนเมษายนอีก 1,000,000 โดส ไม่นานนักคนไทยก็จะเลิกวิตกจริตหวาดหวั่นกับ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)”กันเสียที...
nn และขอส่งท้ายปีชวดสำหรับคดีดำที่ 317/2555 วันที่ 28 ธันวาคม 2563 เมื่อศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ “กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก” กระทรวงสาธารณสุขต้องพิจารณาคำขอจดทะเบียนสิทธิในภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยของ “ชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอสมุนไพรชื่อดัง ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี” และแจ้งให้ผลการพิจารณาให้นายชัยรัตน์ทราบ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าในคดีนี้ “หมอเณร”ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิในภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ต่อสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้เป็นผู้ทรงสิทธิและได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้มีการพิจารณาคำขอดังกล่าว รวมทั้งไม่มีคำสั่งเป็นประการใด จึงรับฟังได้ว่า อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ละเลยต่อหน้าที่ในฐานะนายทะเบียนกลาง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคำขอและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นจดทะเบียนทราบโดยเร็ว ส่วนคำขออื่นให้ยก...
nn บนเส้นทางการต่อสู้กับอำนาจรัฐ“ไม้หน้าสาม” ขอคารวะและชื่นชมในหัวใจอันเด็ดเดี่ยวของ“หมอเณร” ที่ยืนหยัดดำเนินการเรื่องนี้เกือบ 10 ปีในการส่งฟ้องศาลปกครอง แม้จะไม่ได้น้ำได้เนื้อจากการต่อสู้คดี และเตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์ เพื่อให้คดีนี้เป็นตัวอย่าง และเป็นแนวทางในการ “ปกป้องรักษาภูมิปัญญาบรรพบุรุษแพทย์แผนไทย”...
nn แต่จากคำพิพากษาของตุลาการศาลปกครองกลางครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นพฤติกรรมของข้าราชการไทย โดยเฉพาะกรมการแพทย์แผนไทย ที่ปฏิเสธและตั้งแง่ไม่สนับสนุนภูมิปัญญาบรรพบุรุษทำให้ตำรับยาอันทรงคุณค่าไร้โอกาสเติบโตในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยเท่าที่ควร ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายว่า เมื่อข้อมูลหลักฐาน “หมอเณร” ที่ชี้ชัดว่าตำรับยาสมุนไพรของหมอเณรมีสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน รักษาแผลเน่าที่เป็นอาการต่อเนื่องของโรคเบาหวานไม่ต้องตัดแขนขาอวัยวะในส่วนที่เป็นแผล ยุติจำนวนผู้พิการ หรือการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันโดยไม่ต้องผ่าตัด เหตุใดที่ผ่านมาหลายทศวรรษ กระทรวงสาธารณสุข และกรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงไม่นำพาต่อภูมิปัญญาและคัมภีร์ตำรับยาที่หมอเณรเพียรพยายามที่จะขึ้นจดทะเบียนสิทธิเพื่อปกป้องรักษาภูมิปัญญาเหล่านี้ ตรงข้ามกลับนำเวลาไปสนับสนุนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น การไปวิจัยสรรพคุณยารักษาโรคมะเร็งตำรับยา “หมอแสง” ที่สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ!?!?! ไม่สามารถรักษามะเร็งร้ายได้ แต่หมอแสงก็ตีตั๋วออกเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารขายในสนนราคา 2,999 บาท เป็นที่เรียบร้อย ถ้ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เข้าใจและเชื่อมั่น “กัญชากู้ชาติ” อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่หลงเสน่ห์และตื่นตูมก็สมควรเปิดใจรับยกย่องตำรับยาหมอเณร สมุนไพรไทยที่จะต่อยอดสร้างภูมิคุ้มกันให้กับบ้านเมือง โดยเฉพาะตำรับยาหมอเณรอาจเยียวยาบาดแผลของมนุษย์บางหมู่เหล่ามีความเป็น “คนเต็มคน” มากขึ้น มีหลักธรรมาภิบาล ไม่ละเลยละภูมิปัญญาบรรพบุรุษเยียงนี้ “หมอหนู นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข” ที่ได้รับคะแนนความนิยมจากการสำรวจความคิดเห็นของ “ซูเปอร์โพล”ช่วยสังคมไทยทราบที...
nn เรื่องนี้ก็เช่นกันกรณี“โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี” ประมาทเลินเล่อจนต้องฟันธงเลยว่าเป็นสถานพยาบาลแถวหน้าของเมืองนนท์ แต่เป็นตัวอย่างของอาการ “การ์ดตก”อย่างชัดเจน หลังจากมีประชาชนร้องเรียนมา“ไม้หน้าสาม” จึงเข้าไปสำรวจตรวจสอบพบตามข้อร้องเรียนว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ ไม่มีมาตรการคัดกรองคนไข้ ญาติผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการเลย หากเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลระดับอำเภออย่างโรงพยาบาลบางบัวทองแล้ว ต้องบอกว่าฟ้ากับเหว เพราะโรงพยาบาลบางบัวทองมีการคัดกรองที่เข้มงวดมากโดยตลอด วัดอุณหภูมิ ติดสติ๊กเกอร์สี แต่โรงพยาบาลระดับจังหวัด กลับไร้เรื่องราวเหล่านี้...
nn สุดท้ายฉบับนี้ คดีเปลืองผ้าเหลือง “คลิปฉาว” กลายเป็นไวรัลแพร่สะพัดสร้างความไม่สบายใจให้กับพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เมื่อในคลิปนั้นชัดเจนเห็น “พระเถรานุเถระ” รูปหนึ่งเดินออกจากกุฏิพร้อมสีกา สืบไปสืบมาก็กลายเป็นพระเถระที่อยู่ใน “วัดไชโยวรวิหาร พระอารามหลวง ชั้นโท (มหานิกาย) ในจังหวัดอ่างทอง” แม้จะไม่มีหลักฐานว่ามีการละเมิดพระธรรมวินัยเลยเถิดไปถึงไหนแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องมิบังควรเป็นเรื่อง “โลกวัชชะ” และ “ปัณณัตติวัชชะ” ขัดกับหลักพระธรรมวินัยพื้นฐานห้ามอยู่กับสีกาเพียงลำพัง จะเป็นจังหวะเหมาะหรือไม่ “พระครูพิศาลรักษาการเจ้าอาวาสวัดไชโยฯ” ควรทำเรื่องนี้ให้กระจ่างทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อขจัดเหลือบศาสนาให้หมดไปอย่าให้พุทธศาสนาต้องมีรอยแปดเปื้อนเพราะ “มารศาสนา”ที่แฝงตัวมาโกนหัวห่มผ้าเหลืองเลย งานนี้ท่านเจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง” คงต้องเทคแอ๊กชั่นอะไรสักอย่างแล้วกระมัง...
nn ข่าวเศร้าของวงการกีฬาและคนชายคา “แนวหน้า” หัวหน้าข่าวกีฬา “จำนงค์ จันทรสำเภา” อดีตนายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ถึงแก่กรรมโดยสงบ ตั้งศพสวดพระอภิธรรม ณ ศาลาจงอยู่อ่อน วัดหลักสี่ จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2564 เวลา 18.00 น. ทุกวัน พระราชทานเพลิงศพ 6 มกราคม 2564 เวลา 15.00 น.
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี