เข้าสู่พุทธศักราช 2564 แล้ว ประเดิมการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในวันที่ 5 มกราคมนี้ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะมีเรื่องสำคัญคือ พิจารณา กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปีที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เรียกประชุมสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
และทาง นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผอ.สำนักงบประมาณ ก็แถลงว่าที่ประชุมมีมติให้สำนักงบประมาณนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาวงเงินงบประมาณปีพ.ศ. 2565 ในวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยเป็นวงเงินที่ลดลงจากงบประมาณปี พ.ศ. 2564 จำนวน 185,900 ล้านบาทเศษ หรือลดลงร้อยละ 5.66 เป็นไปตามประมาณการด้านรายได้ที่กระทรวงการคลังประมาณการไว้ที่ 2.4 ล้านล้านบาท โดยจะเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 7 แสนล้านบาท
ซึ่งมีสมมุติฐานเศรษฐกิจและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ สศช. และ ธปท. ได้นำเสนอต่อที่ประชุมขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในปี 2565 ข้อมูลจาก สศช. ได้ประมาณการว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.5 โดยในปี 2564 ได้กำหนดไว้ที่ร้อยละ 4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อปี 2564 และปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 1.2 ขณะที่มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ปี 2565 อยู่ที่ 17.328 ล้านบาท สำหรับงบลงทุนในปี 2565 จะลดลงจากปี 2564 ที่วงเงิน 649,000 ล้านบาทหรือร้อยละ 19 ของวงเงินงบประมาณ โดยในปี 2565 ได้ตั้งงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 620,000 ล้านบาท คงไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ ที่ร้อยละ 20
ทั้งมอบนโยบายให้สำนักงบประมาณไปพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำให้ลดลงอย่างเหมาะสม โดยให้คงไว้สำหรับการดูแลงานประกันสังคม กองทุนหลักประกันสุขภาพฯ บัตรสวัสดิการต่างๆ รวมถึงกลุ่มเปราะบางทั้งหมด คนพิการ คนชรา เด็กเล็ก ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกำชับให้จัดสรรงบประมาณสำหรับการเยียวยากลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำ ในปี 2564 ได้ตั้งไว้ที่ 2.537 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 77 ของวงเงินงบประมาณ ส่วนในปี 2565 ตั้งไว้ที่ 2.354 ล้านล้านบาทหรือร้อยละ 75 ของวงเงินงบประมาณ ทั้งนี้ สำนักงบประมาณมีนโยบายในการที่จะลดงบประมาณรายจ่ายประจำมาโดยตลอด โดยจะขอให้ส่วนราชการทบทวน โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประสิทธิภาพในการใช้จ่าย และผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ทั้งงบลงทุนและงบประจำ กรณีที่เป็นงบรายจ่ายประจำก็ต้องพิจารณาตามเกณฑ์ สำหรับงบรายจ่ายประจำในปี 2565 ในส่วนของค่าใช้จ่ายในรายการที่เกี่ยวกับด้านสังคมยังคงไว้ตามเดิม ไม่ได้ปรับลด
สำหรับงบประมาณในส่วนที่เป็นสวัสดิการต่างๆ มีการตั้งงบประมาณไว้เพียงพออยู่แล้ว สำนักงบประมาณพยายามลดรายจ่ายประจำโดยต้องไม่กระทบต่อสังคม ยังมี พ.ร.ก.กู้เงินฯ ที่สามารถนำมา
ช่วยดูแลด้านของสังคม สำหรับรายจ่ายประจำที่สามารถชะลอ ลดลงได้ เช่น การเดินทางไปต่างประเทศการประชุมสัมมนา New Normal ที่เป็นการประชุมทางไกล ที่ลดลงได้บางส่วน โดยส่วนที่จะลดลงได้คือเงินที่จะสมทบรายการต่างๆ กองทุน ที่ส่วนราชการเสนอขอ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่ากระทรวงการคลังจะขอคืนเงินกองทุนต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ มาเก็บชะลอไว้ก่อน
ครับ งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท บ่งชี้ได้ว่าประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน และสามารถบ่งบอกถึงอนาคตประเทศได้กระนั้นก็ตาม ยังต้องผ่านอีกหลายด่าน และเราๆ ท่านๆ ประชาชนผู้เสียภาษีอากรต้องจับตาต่อไป ว่าได้นำงบประมาณไปใช้คุ้มค่าหรือไม่
ชี้แจงบทความ จาก ดร.ทศพร ศรีเอี่ยม กรรมการอำนวยการฯ ปี 2563-2565 วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ… ตามที่มีบทความเรื่อง MOU คลองไทยนานาชาติ ของท่านในหนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 13ธันวาคม 2563 เขียนเรื่องเกี่ยวกับคลองไทยโดยมีข้อความบางตอนระบุว่าในทางด้านวิศวกรรม เทคโนโลยีและเครื่องมือการก่อสร้างนั้นวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้ความร่วมมือเต็มที่
ขอเรียนข้อเท็จจริงให้ท่านทราบว่าในวาระการประชุมในสมัยนี้ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการมิได้เคยมีเรื่องนี้เข้ามาหารือเพื่อนำไปสู่การดำเนินการแต่อย่างใด จะมีเพียงในที่ประชุมกรรมการบริหารผู้จัดการ วสท. หารือว่ามีผู้อ้างว่าเป็นกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรขอให้จัดสัมมนาเรื่องนี้ ที่ประชุมจึงให้หลักการไปว่าให้เป็นการจัดสัมมนาให้ได้ข้อยุติทางวิศวกรรม
อนึ่ง การจัดกิจกรรมสนับสนุนการขุดคลองไทยที่ผ่านมา เป็นเพียงกรรมการบางคนหรืออดีตกรรมการไปร่วมกิจกรรมและให้ความเห็นเท่านั้นมิใช่เป็นนโยบายของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯสมัยปัจจุบันในการที่จะผลักดันให้มีการขุดคลองไทยตามที่ท่านกล่าวถึงแต่อย่างใดเพราะยังมิได้มีการประชุมกันในกรรมการอำนวยการถึงเรื่องดังกล่าว
ผมชี้แจงให้แล้วครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี