โคขวิดได้ระบาดรอบสองชนิดระเบิดเถิดเทิงแล้ว และครั้งนี้เป็นการแพร่ระบาดที่ต่างจากรอบแรกซึ่งเริ่มต้นที่สนามมวยโดยคนที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์กติกาและไม่รับผิดชอบต่อบ้านเมืองนำเชื้อมาแพร่จนเป็นเหตุให้ล็อกดาวน์ทั้งประเทศและเสียหายร่วม 2 ล้านล้านบาท
ยังไม่รวมความเสียหายของภาคเอกชนซึ่งอาจมีการขอเยียวยาให้รัฐชดใช้ค่าเสียหายตามกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน นับตั้งแต่วันประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจนกว่าความเสียหายจะสิ้นสุดลง
โคขวิดระบาดรอบที่สองนี้เกิดขึ้นในขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดรอบแรกประสบความสำเร็จจนถึงขั้นเปิดรับผู้คนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศโดยผ่านกระบวนการกักตรวจ และเกิดขึ้นในขณะที่ยังประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น บรรดาความรับผิดชอบทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงอยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น
เหตุที่ต้องรับผิดชอบก็เพราะว่าเมื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว บรรดาอำนาจทั้งปวงในการป้องกัน ควบคุม สกัด และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสจากทุกส่วนราชการจะโอนมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรีตามกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจมอบหมายอำนาจนี้ให้แก่คณะบุคคลหรือหน่วยงานใดก็ได้ แต่ทั้งหมดนั้นยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี
ดังนั้นบรรดาคนทั้งหลายที่เที่ยวเชียร์ส่งเดชให้คงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไว้ หรือคิดจะใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามอำเภอใจหรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่นนั้นจึงต้องสังวรให้จงหนัก เพราะเมื่ออำนาจหน้าที่มากเท่าใด ความรับผิดชอบก็มากขึ้นเท่านั้น
เพราะความรับผิดชอบตามกฎหมายระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องใช้อำนาจแก้ไข หยุด เพิกถอน หรือระงับโครงการหรือการกระทำใดๆ ถ้าหากจะเกิดความเสียหายแก่รัฐ หากไม่กระทำหรือกระทำโดยไม่ชอบก็ย่อมเป็นความผิดทางอาญา ดังตัวอย่างกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกมาแล้ว
ดังนั้นเมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ความรับผิดชอบจึงเพิ่มขึ้นเป็นซ้ำสอง ดังนั้นจึงดูแคลนเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะขณะนี้ก็มีคนบางพวกกำลังท่องโคลงของศรีปราชญ์กันอยู่ว่า
“ธรณีนี่นี้เป็นพยาน เราก็ศิษย์มีอาจารย์หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนองฯ”
โคขวิดระบาดรอบนี้จึงมีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน และเป็นความรับผิดชอบตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนั้นจึงควรต้องสังวรในเรื่องนี้ไว้ให้มาก
การระบาดของโคขวิดรอบนี้ขณะนี้ข้อเท็จจริงชัดเจนแล้วว่ามีแหล่งต้นตอมาจากประเทศอินเดีย และระบาดเข้าสู่บังกลาเทศ จากบังกลาเทศก็เข้าสู่พม่า และแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายได้เดินทางเข้ามายังภาคเหนือ ภาคตะวันออก รวมทั้งจังหวัดสมุทรสาครด้วย
ขณะนี้มีการปฏิเสธว่าไม่มีการขนแรงงานเถื่อน ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้อย่างนั้นก็หมายความว่าเชื้อไวรัสลอยมาตามสายลมจากอินเดีย หรือมิฉะนั้นก็มีแรงงานต่างด้าวที่ติดเชื้อหลบหนีเข้าเมืองมาในระยะทางอันแสนไกล ผ่านจังหวัด ผ่านด่านผ่านจุดตรวจมากมายโดยไม่มีใครตรวจพบ ดังนั้นจึงอาจจะเป็นผู้มีฤทธิ์ในการล่องหนได้ หากไม่ใช่กรณีเช่นว่านี้ก็ยากที่จะทำให้คนทั้งหลายเชื่อถือว่าไม่มีขบวนการขนแรงงานเถื่อน
และเมื่อเป็นการขนแรงงานเถื่อนกันระดับนี้ กระทั่งไม่มีใครไต่สวนให้ได้ความว่าความจริงเป็นอย่างไร นั่นแหละคือคำรับสารภาพว่าขบวนการนี้ไม่ใช่ธรรมดา หากไม่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจมากในบ้านเมืองแล้ว ที่ไหนเลยจะทำการผ่านภาค ผ่านจังหวัด ข้ามประเทศมาได้ถึงปานนี้
การที่ไม่มีคำตอบบางครั้งก็คือคำตอบที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ครั้นเกิดเหตุระบาดขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าอาหารทะเล ทำนองเดียวกับรูปแบบการแพร่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่น เพราะจากศูนย์กลางอาหารทะเลก็กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศและเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก เพราะแต่ละตลาดในแต่ละจังหวัดก็เป็นศูนย์กลาง เป็นชุมชนทั้งสิ้น จึงติดเข้าไปถึงบ่อน ซึ่งมีลักษณะที่จะแพร่เชื้อได้โดยง่าย
และเมื่อติดเชื้อขึ้นจากบ่อนแล้วก็ยากที่จะตรวจสอบโรคเพราะทุกคนล้วนปกปิดไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ามีบ่อนหรือมีการเข้าไปเล่นการพนัน จึงเป็นเหตุให้มีการแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
แม้ผู้คนจะรู้กันทั่วประเทศว่าการระบาดของโคขวิดครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการเล่นพนันในบ่อนหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกและหลายจังหวัด แต่ดูเหมือนว่าไม่มีคำตอบว่าเป็นบ่อนของใคร
ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ทั้งที่เป็นเรื่องเสียหายใหญ่หลวงขนาดนี้
แนวข่าวที่คนทั้งหลายได้รับทราบในขณะนี้คือประเทศไทยไม่มีบ่อน มีแต่โกดัง ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่คล้ายกับบ่อน และนี่ก็คือคำรับสารภาพเช่นเดียวกันว่าขบวนการบ่อนการพนันครั้งนี้ใหญ่มโหฬารและยิ่งใหญ่ขนาดไหน และเมื่อมองไปตามสายแล้วก็จะนับนิ้วได้ว่ามีใครที่มีอำนาจคุ้มครองป้องกันได้ขนาดนี้
การแพร่ระบาดในลักษณะแบบนี้จึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว และเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่วิกฤติรอบแรกยังไม่ทันฟื้นตัว ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนทุกข์เข็ญแสนสาหัสแก่อาณาประชาราษฎรทั้งประเทศ เป็นความเดือดร้อนทุกข์เข็ญที่ท่วมทับด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจที่ราษฎรถูกกระทำและต้องรับผิดชอบโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดเหตุครั้งนี้เลย
และเมื่อเกิดเหตุระบาดแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการป้องกันแก้ไขให้เป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น ดูประหนึ่งว่าชีวิตของประชาชนทั่วประเทศกำลังตกเป็นตัวประกันให้กับบางขบวนการที่คิดทำมาหากินหาประโยชน์จากภัยพิบัติครั้งนี้ ซึ่งต้องถือว่าเป็นความคิดที่โหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์
อะไรเล่าที่ควรทำอย่างเร่งด่วนในสถานการณ์เช่นนี้
ประการแรก ต้องรีบฟื้นประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการใช้ยารักษาโคขวิด ฉบับลงวันที่ 29 มีนาคม 2563 กลับมาใช้ใหม่ เพราะได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาผู้ติดเชื้อ โคขวิดจำนวนกว่า 3,500 คน ในช่วงเดือนเมษายน 2563 ประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่ประกาศดังกล่าวถูกยกเลิก โดยใช้ประกาศลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 แทนซึ่งประกาศฉบับนี้มุ่งเน้นการใช้ยารักษาโรคปอดบวมมาทดแทนยาเดิมซึ่งตกอันดับไปและก็ผ่านการพิสูจน์เช่นเดียวกันว่ารักษาได้ช้า เฉพาะที่ระบาดครั้งใหม่ไม่กี่วันก็มีคนตายหลายคนแล้ว หากไม่รีบดำเนินการก็จะมีผู้คนเสียชีวิตมากกว่านี้อย่างแน่นอน
ประการที่สอง ความจริงจากทุกประเทศทั่วโลกในรอบปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าโคขวิดเป็นโรคที่รักษาให้หายได้อย่างรวดเร็ว และผู้ป่วยเกือบทั้งหมดปลอดภัยมีผู้เสียชีวิตในอัตราส่วนที่น้อยมาก และอาจน้อยกว่าไข้หวัดสเปนหรือโรคซาร์สในอดีตหลายเท่า แต่ที่เป็นวิกฤติทั่วโลกก็เพราะมีบางขบวนการต้องการเก็งกำไรในการผลิตวัคซีนออกขาย จึงสร้างระบบการปั่นกระแสให้เกิดความตกใจขึ้นทั่วโลกจนชาวโลกหลงผิดคิดว่าโคขวิดเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย ซึ่งมิได้เป็นความจริงเช่นนั้น
ดังนั้นจึงต้องรีบทำความเข้าใจว่าโคขวิดเป็นโรคที่รักษาให้หายได้ในเวลาตั้งแต่ 48 ชั่วโมงถึง 4 วันเท่านั้น ไม่ควรตื่นตระหนกตกใจจนเกินการ หรือออกมาตรการซ้ำเติมความเสียหายยิ่งกว่าการแพร่ระบาดของไวรัส
ประการที่สาม ต้องคัดค้านความคิดเห็นใดๆ ที่ต้องการผูกขาดการค้าวัคซีนหรือจำกัดการใช้วัคซีนเฉพาะจากบางประเทศ นั่นคือนายกรัฐมนตรีต้องใช้อำนาจตามกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินโดยพลันให้สภากาชาดไทยโรงพยาบาลของรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนที่มีมาตรฐานสามารถนำเข้าวัคซีนโดยเสรีเพื่อป้องกันชีวิตให้กับประชาชน
ความล่าช้าใดๆ ในเรื่องนี้ก็ให้รู้เถิดว่าทุกคนที่ติดโรคระบาดและทุกชีวิตที่เสียไปต้องมีผู้รับผิดชอบจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี