ในวาระขึ้นปีใหม่ปีนี้ นับเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งของประชาชนชาวไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน ส.ค.ส. 2564 แก่ข้าราชบริพารและข้าราชการหลายหมู่เหล่า รวมทั้งประชาชนด้วย รวมทั้งพระราชทานพรปีใหม่ให้แก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
เนื้อหาการพระราชทานพรโดยสรุปรวมก็คือ เพื่อความสันติสุข สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ปลอดภัยทั้งปวงของประเทศชาติและประชาชน โดยทรงขอร้องให้ทุกคนทุกฝ่ายมีเมตตาต่อกัน มีความสามัคคีต่อกัน
สำหรับ ส.ค.ส. พระราชทานในปีนี้มีองค์ประกอบสามส่วน คือ บทพระคาถาสำหรับเจริญเมตตาแผ่ไปทั้งสิบทิศ ภาพลายพระหัตถ์เป็นรูปอาณาประชาราษฎรสามัคคียิ้มแย้มแจ่มใสด้วยมีใจเมตตาแผ่ให้แก่กันทั่วทั้งสิบทิศ และส่วนที่สามคือแนวพระราชดำริเพื่อความอยู่ดีมีสุขและความพ้นจากความยากจนของประชาชนผู้ยากไร้ในชนบททั้งผอง นั่นคือแนวพระราชดำริโคก หนอง นา
ลายพระหัตถ์และลายเส้นทั้งหลาย ตลอดจนตัวอักขระและอุณาโลมตามรูปแบบวิธีการเขียนยันต์ลงอักขระอาคมแต่โบราณ ได้แสดงออกถึงน้ำพระทัยที่ทรงตั้งใจมั่นที่จะให้ความร่มเย็นเป็นสุขบังเกิดขึ้นแก่อาณาประชาราษฎรอย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
ลายเส้นสม่ำเสมอ อักขระไม่มีผิดเพี้ยนผิดพลาดลักษณะเส้นที่เป็นคล้ายกับยันต์และอุณาโลมต่างๆ สอดคล้องกับแบบแผนการเขียนยันต์อันศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะการวางทิศทั้งหลาย นั่นแสดงถึงน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยห่วงหาอาทรราษฎรของพระองค์ ดังที่ทรงมีกระแสพระราชดำรัสอย่างชัดเจนว่า
“ข้าพเจ้ารักประชาชนทุกหมู่เหล่าเสมอกัน”
นั่นคือน้ำพระทัยแท้ของพระมหากษัตริย์ที่ทรงคิดตรัส และทรงปฏิบัติ ตลอดจนทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทั้งหลายที่เป็นอย่างเดียวกัน ไม่ว่าในที่ลับ ในที่แจ้ง
ในบทพระคาถานั้นเป็นบทพระคาถาที่มีเนื้อความแผ่เมตตาไปทั้งสิบทิศ คือทิศทั้งแปด ตั้งแต่ทิศบูรพาไปจนถึงทิศอีสานรวมแปดทิศ อันเป็นปูมอรรถทิศหรือที่เรียกตามภาษาของนักฮวงจุ้ยว่าปูมอรรถทิศหรือโป๊ยก่วย และยังบวกด้วยอีกสองทิศในแนวตั้งคือทิศเบื้องบนและทิศเบื้องล่าง
ทิศเบื้องบนนั้นย่อมหมายถึงเทพยดาอารักษ์ทั้งหลาย รวมทั้งสมมุติเทพทั้งหลายด้วย ส่วนทิศเบื้องล่างนั้นก็หมายถึงผู้ที่มีฐานะต่ำต้อยด้อยราคา แม้กระทั่งผู้ที่ตกลำบากยากเข็ญอยู่ในคุกก็ตาม ย่อมจัดว่าเป็นทิศเบื้องล่าง
เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเรื่องทิศทั้งหก ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่เป็นอุปการะและปฏิการะซึ่งกันและกันของคนทั้งหลาย ตั้งแต่พระราชาลงมาจนกระทั่งขอทานต่ำต้อยก็ทรงแสดงไว้ด้วยอาการที่เป็นทิศทั้งหก แต่ต่อมาก็ขยายจากทิศทั้งสี่ที่เป็นทิศทวาร และเป็นต้นตอของราศีธาตุเพิ่มขึ้นอีกสี่ทิศในด้านเฉียง อันเป็นทิศที่กำหนดขึ้นเพื่อตั้งบทพระคาถาพระอิติปิโสแปดทิศ
ดังนั้นสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคิดคำนึงจึงมิได้จำกัดอยู่เฉพาะหมู่เฉพาะเหล่า หรือเฉพาะกลุ่มในเรื่องใดๆ หากทรงคำนึงถึงทุกหมู่เหล่า ทุกสารทิศทุกหนทุกแห่ง ทุกชั้นชน ทุกสาขาอาชีพ แม้กระทั่งมิตรประเทศในทิศทั้งแปดด้วย และถ้าพูดอีกนัยหนึ่งก็อาจจะรวมถึงทิศเบื้องบนคือเทวดาหรือเทวโลกกับทิศเบื้องต่ำคือยมโลกหรือนาคพิภพด้วยก็ได้
ในบทพระคาถานั้นมีข้อความสำคัญสี่วรรค คือ เมตตาเจโตวิมุติ กรุณาเจโตวิมุติ มุทิตาเจโตวิมุติ และอุเบกขาเจโตวิมุติ
วิมุติมีความหมายถึงภาวะของการหลุดออกหรือพ้นออกไปจากสภาพที่ติดยึดหรือยึดมั่นถือมั่นและเป็นต้นตอแห่งปัญหาหรือสาเหตุแห่งทุกข์นั่นเอง เพื่อถึงซึ่งนิโรธคือความเป็นอิสระสูงสุดหรือภาวะที่สลัดพ้นออกไปจากภาวะที่ติดยึดทั้งหลาย
เจโตมีความหมายถึงรูปแบบการปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งเป็นวิถีทางแห่งการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีวิถีทางหลุดพ้นอยู่สามวิถีคือ เจโตวิมุติ วชิระวิมุติ และปัญญาวิมุติ
วชิระวิมุตินั้นหมายถึงภาวะการหลุดพ้นและเข้าถึงซึ่งภาวะดับทุกข์หรือความเป็นอิสระสูงสุดด้วยความศรัทธาสูงสุด และเข้าสู่ภาวะหลุดพ้นในชั่วแวบเดียวดุจดังสายฟ้าแลบ ดังที่พุทธศาสนานิกายวัชรยานยึดถือปฏิบัติอยู่ในทิเบต เป็นต้น
ปัญญาวิมุตินั้นหมายถึงภาวะการหลุดพ้นและเข้าถึงซึ่งภาวะดับทุกข์และความเป็นอิสระสูงสุดด้วยปัญญา คือเห็นความจริงตามความเป็นจริงว่าสรรพสิ่งมีแต่ความเกิดและความดับ มีสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตนของใครที่จะยึดมั่นถือมั่นเป็นของตนหรือเป็นตัวตนของตนได้ ซึ่งมีรูปแบบปฏิบัติที่เรียกว่าอานาปานสติ
ส่วนเจโตวิมุตินั้นหมายถึงภาวะการหลุดพ้นและการเข้าถึงซึ่งภาวะดับทุกข์และความเป็นอิสระสูงสุดด้วยกำลังอำนาจแห่งจิต ซึ่งมีรูปแบบการปฏิบัติหรือกรรมฐานวิธีจำนวน 35 รูปแบบ คือ กสิณ 10 แบบ อสุภสัญญาอีก 10 แบบ อัปปมัญญา 4 แบบ อาหาเรปฏิกูลสัญญาและจตุธาตุววัฏฐานรวม 2 แบบ และอนุสติอีก 9 แบบ โดยอัปปมัญญา 4 แบบนั้นก็คือ
เมตตาอัปปมัญญา กรุณาอัปปมัญญา มุทิตาอัปปมัญญาและอุเบกขาอัปปมัญญา ดังนั้น บทพระคาถาที่ทรงแสดงไว้ก็คือการบรรลุมรรคผลด้วยอัปปมัญญาสี่ประการนี้ที่จะต้องแผ่ไปทั้งสิบทิศ
สรุปรวมก็คือการเจริญพรหมวิหารธรรมเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขและความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระราชอาณาจักรโดยมีเรื่องแนวพระราชดำริเรื่องโคก หนอง นา เป็นพื้นฐานนั่นเอง
เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้ว ขอจงทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี