ปีใหม่ผ่านไปไม่กี่วัน ขบวนการกาเหว่าก็ออกลายประสานขานรับกันราวกับลูกระนาด แต่เฉพาะในโซเชียลมีเดีย ส่วนบนท้องถนนก็เห็นอยู่เพียง 2-3 คนเพราะคงเกรงใจท่านโคขวิด หรือไม่ก็คงไม่มีใครอยากจะร่วมด้วยช่วยกันอีกแล้ว ซึ่งจะต้องคอยดูกันต่อไป
ที่ว่าออกลายประสานขานรับกันเป็นลูกระนาดนั้นก็มีเนื้อหาสรุปว่าการก่อม็อบชุมนุมหลายครั้งในปี 2563 นั้นเป็นเพียงการทดสอบกำลังหรือซ้อมรบ
เท่านั้น แต่ของจริงจะเกิดขึ้นในปี 2564 ซึ่งตั้งความหวังว่าจะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในประเทศไทยชนิดถอนรากถอนโคน
ก็ไม่ต้องอ้อมค้อมกัน ความหมายที่ตีระนาดประสานขานรับกันนั้นก็ชัดเจนแล้วว่าต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้เป็นระบอบสาธารณรัฐ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะขาประจำกาเหว่าทั้งหลายนั้นก็ส่งเสียงตีฆ้องร้องป่าวเรื่องนี้มาจนเบื่อหน่ายที่จะฟังกันอยู่แล้ว
ไม่เพียงแต่ตีฆ้องร้องป่าว ยังโอ้อวดเป็นการใหญ่ว่าการเคลื่อนไหวของกาเหว่าในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นการปฏิวัติชิงไห่ ซึ่งทำให้คนที่ไม่สันทัดในประวัติศาสตร์จีนก็จะงุนงงสงสัยและอาจหลงเข้าใจว่าเป็นการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นคอมมิวนิสต์ ดังที่พวกกาเหว่าใจร้อนบางคนทนตื่นเต้นกับตัวเองไม่ไหว เปิดหน้าออกมาก่อนว่าเป็นการต่อสู้เพื่อไปสู่ความเป็นคอมมิวนิสต์ถึงขนาดใช้สัญลักษณ์ค้อนเคียวกันทีเดียว
เมื่อสัญญาณชัดเจนอย่างนี้ก็มาดูกันว่าหมากการเมืองแบบนี้ฝ่ายอื่นเขาเดินหมากกันอย่างไร เพราะในเมื่อเป็นหมากรุกการเมืองแล้ว จึงไม่ใช่ที่ใครเดินแต่ข้างเดียวหรือนึกเอาเองก็จะสำเร็จได้ดังใจปรารถนา
ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่า ที่เข้าใจว่าเป็นการก่อม็อบในลักษณะกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมามีลักษณะเป็นการปฏิวัติชิงไห่นั้นเป็นการเข้าใจผิด
การปฏิวัติชิงไห่เริ่มต้นจากนักเรียนจีนที่ไปเรียนในฝรั่งเศสหลายคน ตั้งแต่ซุน ยัด เซ็น โจว เอิน ไหลเติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นต้น ได้ก่อการเคลื่อนไหวขึ้นในประเทศจีนซึ่งอยู่ในช่วงที่ราชวงศ์ชิงอ่อนแออย่างหนักจึงเกิดการชุมนุมขึ้นในหลายมณฑลของประเทศจีน ทำให้ราชสำนักตกใจ และมอบอำนาจให้นายพลหยวน ซี ไข ซึ่งเข้าใจว่าเป็นนายพลที่จงรักภักดีเพราะคำหนึ่งก็บ้วนส่วย สองคำก็ว่าบ้วนส่วย
เมื่อนายพลหยวน ซี ไข มีอำนาจจัดการกับม็อบชิงไห่แล้ว กลับแอบไปสนับสนุนม็อบโดยทำทีว่าปราบม็อบแต่กลับยิ่งทำให้ม็อบขยายตัวออกไป ประกอบทั้งขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักจีนกับประชาชนห่างเหินมาก ผลจากการนั้นจึงทำให้คณะผู้ก่อการอดีตนักศึกษาจากฝรั่งเศสเข้าใจผิดคิดว่านายพลหยวน ซี ไข เป็นพวกหัวก้าวหน้า จึงทำความตกลงกันยกให้หยวน ซี ไขเป็นผู้นำและสนับสนุนให้เป็นประธานาธิบดี ดังนั้นหยวน ซี ไข จึงยึดอำนาจและเป็นประธานาธิบดี
ครั้นเป็นประธานาธิบดีแล้วก็หักหลังขบวนการปฏิวัติชิงไห่ต่อไปอีก ทำการปราบปรามขบวนการปฏิวัติชิงไห่อย่างกว้างขวาง และเตรียมที่จะสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ตั้งราชวงศ์ใหม่ จึงเกิดการต่อต้านทั่วประเทศจีน มณฑลต่างๆ จำนวนมากประกาศแยกตัวเป็นอิสระ ทำให้หยวน ซี ไข ตกใจและป่วยเสียชีวิต ดร.ซุน ยัด เซ็น
จึงดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสืบต่อมา
ดังนั้นการปฏิวัติชิงไห่จึงไม่ใช่เป็นการปฏิวัติเพื่อเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นผลจากสงครามประชาชาติและสงครามปลดแอกระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับก๊กมินตั๋งในภายหลังต่างหาก
ดังนั้นจะอ้างประวัติศาสตร์อะไรจึงควรศึกษาทำความเข้าใจเสียให้ถ่องแท้จะได้ไม่ปล่อยไก่เหมือนการบิดเบือนประวัติศาสตร์ไทย ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดสถาบันดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
เมื่อม็อบกาเหว่าตีฆ้องร้องป่าวกันอย่างนั้น รัฐบาลก็เตรียมการตั้งรับในท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติหลายอย่างที่ประดังเข้ามา แต่ดูเหมือนว่ามีการปักใจแน่วแน่ที่จะต้องกำราบปราบปรามขบวนการล้มเจ้าให้ถึงรากถึงโคนในครั้งนี้ และอาจไม่เว้นแม้กระทั่งพวกอาจมอาเจียนทั้งหลายในมหาวิทยาลัยที่เป็นต้นตอเพาะเชื้อโคขวิดล้มเจ้าในสถาบันการศึกษาต่างๆ จนทำให้ครอบครัวทั้งหลายแตกแยกและเดือดร้อนกันทั่วทั้งประเทศ
ดูเหมือนว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านก็บอกอยู่ว่าไม่เก่งทางเศรษฐกิจ แต่ที่ไม่พูดก็คืออั๊วะเก่งในเรื่องอำนาจเว้ย ไม่เห็นหรือว่าได้ครองอำนาจอย่างเด็ดขาดมาเป็นเวลาต่อเนื่องถึง7 ปีแล้ว เพียงแค่นี้เรื่องเดียวก็ประมาทลุงตู่ไม่ได้แล้วไม่ต้องพูดเรื่องชะตาหรือดวงเมืองให้เปลืองเนื้อที่
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงเข้าใจสภาพดังกล่าวกระจ่างแจ้ง แม้จะไม่พูดให้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไร แต่ ส.ค.ส. 2564 ที่แจกจ่ายไปยังพรรคพวกเพื่อนพ้องน้องพี่กลับเป็น ส.ค.ส. ที่ส่งสัญญาณชัดเจน
นั่นคือเป็น ส.ค.ส. ที่เป็นรูปลิงตัวหนึ่งผิวกายสีแดง ทำหน้าที่เป็นสารถีให้กับชายคนหนึ่งซึ่งผิวกายสีขาว ซึ่งมีคนสงสัยสอบถามมาว่ามีความหมายว่าอย่างไรหรือส่งสัญญาณอะไร
พิเคราะห์ดูภาพ ส.ค.ส. นั้นแล้วก็เข้าใจความหมายได้ชัดว่าต้องการส่งสัญญาณว่าขอทำหน้าที่เป็นหนุมานอาสานำพลลิงช่วยเหลือพระรามไปปราบปรามอสูรร้าย ซึ่งเป็นเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพิ่งเสด็จฯไปชมโขนเรื่องนี้เป็นการส่วนพระองค์เมื่อไม่กี่วันมานี้
น่าเสียดายที่คนทำแบบ ส.ค.ส. ดังกล่าวน่าจะใคร่ครวญบุคลิกลักษณะของพระรามและหนุมานในรามเกียรติ์ให้ละเอียดกว่านี้สักหน่อย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี