ตลอดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สังคมไทยค่อนข้างมีปฏิกิริยาสูงต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองสามตะกร้าที่เคลื่อนไหวบิดเบือนข้อมูลสังคมให้เกิดความแปลกแยกโดยไม่ละอายแก่ใจซีกหนึ่งก็เสนอแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นความผิดอาญาต่อองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่3 ปี ถึง 15 ปี”
กฎหมายไทยสมัยใหม่บรรจุความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ครั้งแรกในกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2453) ในประมวลกฎหมายไม่มีนิยามว่าพฤติการณ์แบบใดเข้าข่าย “ดูหมิ่น” บ้าง
มีการตีความอย่างกว้างขวางซึ่งสะท้อนสถานะอันล่วงละเมิดมิได้ของพระมหากษัตริย์ เฉกเช่นพระมหากษัตริย์ในสมัยขุนศึกศักดินาหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์อาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตนายกรัฐมนตรี ตีความบทบัญญัตินี้ว่า กฎหมายห้ามนี้ครอบคลุมถึงการวิจารณ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และเป็นบทบัญญัติที่สอดคล้องกับมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560อีกด้วย จึงไม่น่าใช่เครื่องมือทางการเมืองที่ใช้จัดการผู้เห็นต่างและนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ในลักษณะข่มขู่ปิดปากอันไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
ประเด็นที่นักการเมืองสามานย์ปลุกปั่นบิดเบือนสังคมไทยกรณี “วัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)” จึงเข้าข่ายความผิด เพราะไม่ใช่แค่ต้องการให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงต่อความผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดินของ “ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ” และต้องการให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงวัคซีนโดยเท่าเทียมกันแต่กลับจาบจ้วงลามปามสถาบันพระมหากษัตริย์และองค์พระมหากษัตริย์โดยปราศจากข้อเท็จจริง หรืออาจเป็นข้อเท็จจริงก็นำเสนอไม่หมด
เราเชื่อว่าที่สุดสังคมไทยที่ยึดในจารีต ขนบธรรมเนียมประเพณีจะแยกแยะได้
กลุ่มสามานย์ชนที่เคลื่อนไหวก็ยังเป็นกลุ่มเดิมๆที่เปลี่ยนที่ยืนใหม่จากอีแอบข้างหลังนักเรียนนักศึกษาเยาวชนทั้งหลายออกมาเปิดหน้าสนองตัณหา สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเท่านั้น
แม้ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและผู้มีอำนาจหน้าที่ที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลบังคับใช้ยึดถือกฎหมายอย่างเคร่งครัด จะแอ๊กชั่นงูๆ ปลาๆ ไม่ได้ใช้ทุกมาตราทุกฉบับสั่งสอนคนสามานย์ ลดความเหลื่อมล้ำทางกฎหมายก็ตามที
ฉันใดก็ฉันนั้น สังคมไทยศึกษาได้ พิจารณาเป็นเช่นคำพังเพยที่ว่า “คบคนดีอัปรีย์กินหัว คบคนชั่วมีหน้ามีตา”
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาเหล่านักการเมืองจำบทเรียนการเลือกตั้ง นายกอบจ. และ ส.อบจ.ที่ผ่านมาได้หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี