“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)” เดิมคือ “กรมตำรวจ” ต่อมานักการเมืองมีความเห็นว่า “กรมตำรวจ” มีอำนาจยิ่งใหญ่มากของประเทศมีอำนาจจับกุมผู้ทำความผิดได้ทั่วประเทศโดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร ทำให้นักการเมืองกลัวว่าถ้าทำผิด “ตำรวจ” สามารถจับกุมคุมขังได้ทันที ทำให้นักการเมืองเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อลดบทบาทและอำนาจของตำรวจหลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อ “กรมตำรวจ” เป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ซึ่งเป็นเพียง “สำนักงาน” เท่านั้น
ต่อมาในระยะหลังนายตำรวจที่มักใหญ่ใฝ่สูงพยายามเพิ่มหน่วยงานของ สตช. ซึ่งจะต้องเพิ่มตำแหน่ง “นายพล” มากขึ้นด้วยความต้องการที่จะก้าวขึ้นเป็นหมายเลข 1 ของ สตช. การเพิ่มหน่วยงานของ สตช. มากขึ้นจนกระทั่งตำรวจเองยังงวยงงกับตำแหน่งที่เกิดขึ้นใหม่เนื่องจากหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาใหม่มักจะซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่เดิม....ที่สำคัญ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจใหม่เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564ให้ยุบงานตำรวจรถไฟภายใน 1 ปี ยุบงานตำรวจ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ภายใน 2 ปี ตัดโอนงานจราจร การกวดขันวินัยจราจรและการจอดรถให้ กทม. เมืองพัทยาและเทศบาลนครภายใน 5 ปี ตัดโอนอำนาจและหน้าที่ตาม พ.ร.บ. ธุรกิจรักษาความปลอดภัยให้หน่วยงานที่ ครม.กำหนดภายใน 2 ปี
โอนอำนาจและหน้าที่ตาม พ.ร.บ. สถานบริการให้หน่วยงานที่ ครม.กำหนดภายใน 2 ปี ภายใน 10 ปีห้าม สตช.จัดตั้งส่วนราชการหรือหน่วยงานขึ้นใหม่ แบ่งข้าราชการตำรวจเป็น 2 ประเภทคือมียศกับไม่มียศและแบ่งสายงานออกเป็น 5 สายงาน1.สายบริหาร 2.สายอำนวยการและสนับสนุน 3.สายสอบสวน 4.สายป้องกันและปราบปราม 5.สายงานวิชาชีพเฉพาะ และการประชุมในครั้งนี้ได้ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ด้วยการยกเลิกหลักสูตร “ด.ต.” ที่เลื่อนไหลเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรตั้งแต่ “ร.ต.ต.” ถึง “ร.ต.อ.” หลังปีพ.ศ.2563 เป็นการสอบคัดเลือกตามความรู้ความสามารถตามสายงานและตำแหน่งที่ว่างลง ทำให้เห็นได้ว่า “ตำรวจ” กำลังถูกลดทอน ตัด ยุบ อำนาจหน้าที่ที่สำคัญออกไปจาก “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ทำให้เห็นว่า “ตำรวจ” เป็นหน่วยงานที่มีผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้ายกลัวตำรวจมาก จึงต้องทำการตัดโอนหน้าที่ที่สำคัญออกไป
ถ้าพิจารณาดูให้ดี ไม่มีหน่วยงานใดๆ ที่นักการเมืองกล้าเข้าไปแตะต้องกันเลย มีแต่หน่วยงานของตำรวจที่ถูกเตะไป-มาเหมือนลูกฟุตบอลใครก็ตามที่ไม่ชอบตำรวจเมื่อได้เป็นนักการเมืองมักจะทำการลดทอนบทบาทและอำนาจของตำรวจเสมอไป ที่สำคัญต้องห้ามไม่ให้ตำรวจจับกุมผู้ทำความผิดได้ จึงจะสมบูรณ์ ตำรวจในขณะนี้เริ่มถูกบีบไปเรื่อยๆ... “จะพึ่งพ่อพึ่งแม่ก็แลหายจะพึ่งกายโอ้อกก็ตกอับ”....สวัสดีครับ....เกลือสมุทร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี