แทบจะนึกไม่ออกว่า ทำไมจะดึงดันเดินหน้าโครงการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางทิศเหนือของสนามบินสุวรรณภูมิ (North Expansion) วงเงินลงทุนกว่า 42,000 ล้านบาท?
โดยเฉพาะเมื่อ ป.ป.ช. มีหนังสือ “ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษา โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 กรณีการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion)”
ยิ่งตรวจค้นรายละเอียด เหตุผล ข้อมูลข้อเท็จจริง ประกอบการเสนอแนะ “เพื่อป้องกันการทุจริต” ของ ป.ป.ช. ก็ยิ่งชัดเจน หนักแน่น
ขอสรุปคร่าวๆ ดังนี้
1. ที่ควรทำ กลับไม่ทำ
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 (2554 – 2560) ประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1, งานก่อสร้างสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก, งานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก,งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและระบบตรวจสอบวัตถุระเบิด
เมื่อพิจารณารายละเอียดของโครงการแล้วปรากฏว่า ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) มีความสำคัญกับการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 มาจากจำนวนผู้โดยสารที่ผ่านการเช็คอินที่อาคาร East Expansion
แต่ปัจจุบัน ทอท. ได้ปรับเปลี่ยนแผนการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก(East Expansion) เป็นงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก (West Expansion) และโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) ทั้งที่ยังมิได้เริ่มออกแบบและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
ดังนั้น การชะลอการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก จะทำให้เกิดความแออัดภายในอาคารผู้โดยสารหลักเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลต่อระดับการให้บริการสนามบินทั้งระบบ
2. North Expansion ภาพลวงตา หรือราคาจริง?
ป.ป.ช.พบประเด็นความไม่สมดุลระหว่างปริมาณผู้โดยสารของส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ด้านทิศเหนือ (North Expansion) กับจำนวนหลุมจอดอากาศยาน
เนื่องจาก หากเปรียบเทียบกับอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบันที่ออกแบบเพื่อรองรับผู้โดยสาร 45ล้านคนต่อปี ซึ่งมีจำนวนหลุมจอดประชิดอาคาร 51 หลุมจอด และอาคารเทียบเครื่องบินรองที่จะเปิดให้บริการในอนาคต (รองรับผู้โดยสารจากส่วนต่อขยาย East Expansion) มีจำนวนหลุมจอด 28 หลุมจอด รองรับผู้โดยสารสูงสุด 15 ล้านคนต่อปี
ในขณะที่ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) นั้น มีจำนวนหลุมจอดประชิดอาคารเพียง 14 หลุมจอด เท่านั้น (500,000 คน / 1 หลุมจอด)
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้ปริมาณผู้โดยสารสูงสุด 40 ล้านคนต่อปี ของอาคาร North Expansion ไม่สมดุลกับหลุมจอดอากาศยาน
3. ผลกระทบ หากก่อสร้างและเปิดใช้งาน North Expansion
(1) เกิดความแออัดของการจราจรในฝั่ง Air side เนื่องจากแผนแม่บทการพัฒนา
สนามบินสุวรรณภูมิได้มีการออกแบบให้สนามบินมีอาคารผู้โดยสาร 2 หลัง อาคารเทียบเครื่องบินรอง 2 หลัง และมีรันเวย์ 4 เส้น เพื่อรองรับผู้โดยสารสูงสุดที่ 120 ล้านคนต่อปี เป็นการออกแบบที่มีความสมดุลระหว่างพื้นที่ Landside และพื้นที่ Airside
ดังนั้น หากทำการก่อสร้างอาคาร North Expansion แต่ไม่มีก่อสร้างรันเวย์ เพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้การจราจรทางอากาศ และพื้นที่ Air Side ทั้งหมดเกิดความแออัด ส่งผลให้เครื่องบินต้องเสียเวลาในการบินขึ้น-ลง มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนแฝงแก่สายการบิน โดยข้อมูลการจราจรทางอากาศ ปรากฏว่า สนามบินสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินล่าช้าสะสม (Delay) 17 นาที
(2) สร้างความสับสนและไม่สะดวกแก่ผู้โดยสาร เนื่องจากต้องเดินทางไปมาระหว่างอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน (MTB) อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ (North Expansion) และอาคารเทียบเครื่องบินรอง (SAT)
ตัวอย่างเช่น กรณีที่ผู้โดยสารเช็คอินที่อาคาร North Expansion แต่ต้องโดยสารเครื่องบินที่อาคารเทียบเครื่องบินรองซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศใต้ของอาคารผู้โดยสารปัจจุบัน ผู้โดยสารจะต้องนั่งรถไฟ 3 ถึง 4 ต่อ เป็นการเพิ่มภาระให้ผู้โดยสารโดยไม่จำเป็น
(3) ทำให้การจราจรฝั่งทางหลวงพิเศษหมายเลข 7กรุงเทพฯ – ชลบุรี (มอเตอร์เวย์) ติดขัด
เนื่องจากอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่ตั้งอยู่รวมกันด้านฝั่งถนนมอเตอร์เวย์เพียงด้านเดียว ทำให้ปริมาณการสัญจรรถยนต์บนถนนมอเตอร์เกิดความติดขัดส่งผลให้ผู้ใช้บริการต้องเผื่อเวลาในการเดินทางมายังสนามบินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปี 2546 นั้น ได้มีการวางแผนให้สนามบินสุวรรณภูมิเกิดความสมดุลด้านการจราจร โดยออกแบบให้อาคารผู้สารหลังที่ 2 ตั้งอยู่บนพื้นที่ฝั่งถนนบางนา – ตราด เพื่อกระจายปริมาณรถยนต์ที่ใช้เส้นทางถนนมอเตอร์เวย์ อีกทั้งกรุงเทพมหานครได้มีการวางแผนก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา เพื่อเชื่อมสนามบินด้านฝั่งถนนบางนา – ตราด ไว้เรียบร้อยแล้ว
4. ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับงบประมาณในการลงทุน
เนื่องจากการก่อสร้างอาคาร North Expansion เพื่อรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปี ตามที่ทอท. เสนอนั้น จะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 42,000 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก (East & West Expansion) ซึ่งใช้งบประมาณเพียง 12,000 ล้านบาท แต่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี เช่นเดียวกับการก่อสร้างอาคาร North Expansion
5. การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
การจัดอันดับ 10 สนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุดในโลก 2018 ของ Airport Council International ปรากฏว่า มีเพียง สนามบิน Hartsfield-Jackson Atlanta International Airport (แอตแลนต้า)และสนามบินปักกิ่ง เท่านั้น ที่มีผู้โดยสารเกินกว่า100 ล้านคนต่อปี จึงเป็นการยากที่สนามบินสุวรรณภูมิจะมีจำนวนผู้โดยสารสูงสุดถึง 150 ล้านคนต่อปี
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้มีข้อสังเกตว่า การเพิ่มเป้าหมายการพัฒนาเพื่อรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดจาก 120 ล้านคนต่อปี เป็น 150 ล้านคนต่อปีในปี 2578 ทำให้มีการกำหนดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในท่าอากาศยานเพิ่มเติม คือ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ไม่สอดคล้องกับแผนแม่บทฯ ปี 2561 คาดการณ์ว่าในปี 2578 จะมีปริมาณผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำนวน 120.6 ล้านคน และแผนแม่บทฯ ดังกล่าวยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในระยะ 20 ปี อาทิ โครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการส่งเสริมการพัฒนาท่าอากาศยานของประเทศในภาพรวม
นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ที่กระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมทั่วโลก ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมธุรกิจการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศโดยตรง
6. ข้อเสนอแนะ
“...คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นควรมีข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ดังนี้
6.1 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ควรเร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 ซึ่งอยู่ในแผนงานเดิมโดยเร็ว ให้สอดคล้องกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ที่กำลังจะเปิดให้บริการในปี 2565 และในขณะที่ดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ทอท. ควรดำเนินโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตกในคราวเดียวกัน เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารสูงสุด 75 ล้านคนต่อปี เพื่อลดความแออัดของอาคารผู้โดยสารปัจจุบัน
6.2 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ควรดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามคำแนะนำของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ดำเนินการขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ เพื่อรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด120 ล้านคนต่อปี เป็นลำดับแรกก่อน แล้วจึงนำโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) มาพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง...”
นับเป็นข้อเสนอแนะที่สมเหตุสมผล เพื่อป้องกันการทุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของสนามบินสุวรรณภูมิและประเทศชาติส่วนรวมอย่างแท้จริง
เชื่อว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ย่อมรับฟังข้อเสนอแนะที่มีผลทางกฎหมายของ ป.ป.ช. และถ้านักการเมืองกลุ่มใดยังพยายามผลักดันจะทำต่อไปอีก ก็จะเป็นการเผยให้เห็น “ธาตุแท้”ชัดเจน
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี