บทบรรณาธิการฉบับนี้ เราขออัญเชิญพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระองค์ท่าน กษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักเคารพเทิดทูนของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าและเป็นข้อคิดเตือนสติคนไทยทุกหมู่เหล่าที่กำลังประสบวิกฤติเศรษฐกิจเพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่
พระราชดำรัสในครั้งนั้น มีความโดยสรุปว่า
“ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจจริง ซึ่งปรารถนาดี มุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุขความสวัสดีโดยประการต่างๆ
ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคง ทั้งนั้น จะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยทุกคน ทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติรู้ตัวด้วยปัญญารู้คิด ความสุจริตจริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่าทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรง หนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติ บ้านเมือง อันเป็นถิ่นที่อยู่ ที่ทำกินของเรา มีความเจริญ มั่นคง ยั่งยืนไป... ”
ท่านจำได้หรือไม่ว่า ในปี พ.ศ.2552 “ราชอาณาจักรไทย” ได้รับผลกระทบและความเสียหายอย่างรุนแรงจากการที่มวลชนคนเสื้อแดง ผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องคดีอาญาจนต้องหลบหนีลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ผู้สนับสนุนเหล่านี้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งตามวิถีทางประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คนเสื้อแดงเหล่านี้ได้ระดมพลส่วนหนึ่งนำโดย“อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง สส.กทม. พรรคเพื่อไทย”เดินทางมุ่งหน้าไปยังโรงแรมรอยัลคลีฟ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ โดยจะขอส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมด้วยโดยให้ผู้นำประเทศที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ออกมารับหนังสือข้อเสนอดังกล่าว ขณะที่มีพี่น้องประชาชนอีกส่วนหนึ่งเห็นต่างจึงสวมใส่เสื้อสีน้ำเงินมาต่อต้านกลุ่มเสื้อแดง จนเกิดการปะทะกัน ผู้นำประเทศและผู้เข้าร่วมประชุมต่างคนต่างหนีเอาตัวรอดกันอลหม่าน ทำให้ความชุลมุนวุ่นวายบานปลายเป็นเหตุให้การประชุมต้องเลิกล้มไปโดยปริยาย
“สัมภเวสีทักษิณ” ที่ไม่พอใจแกนนำเสื้อแดงที่ยกพลบุกมาจนถึงสถานที่ประชุมแต่กลับเลือกเจรจา จึงออกมาวีดีโอคอลปลุกเร้ามวลชน พร้อมประกาศว่า “ผมแพ้ไม่ได้ ประท้วงแล้ว ต้องมีอะไรติดไม่ติดมือออกมา”
วันนี้เราเห็นว่ารัฐบาลเรือแป๊ะของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำลังประสบวิกฤตการณ์ในรูปแบบคล้ายคลึงกันมีการปลุกเร้าให้มวลชนออกมาต่อต้านรัฐบาลนี้ด้วยความเท็จ โดยอาศัยวิกฤติโควิด-19 ประเด็นการจัดหาและฉีดวัคซีน รวมทั้งเศรษฐกิจที่ถดถอยเป็นแรงจูงใจ ดังนั้นเราจึงมุ่งหวังให้ทุกฝ่ายตั้งสติ น้อมนำพระราชดำรัสนี้มาเป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกฝ่ายได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี