เรื่องราวของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ไม่ได้เป็นความลับอะไรกันอีกต่อไปแล้วเพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในหลายภูมิภาคของโลก ตั้งแต่ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา และกำลังจะมาถึงเอเชียอาคเนย์
การล่าอาณานิคมยุคใหม่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการบรรลุถึงยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ที่ได้ประกาศต่อชาวโลกในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งได้ประกาศโดยเปิดเผยว่ายุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกคือยุทธศาสตร์เพื่อการต่อต้านรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ
เหตุที่ต้องต่อต้านรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ก็เพราะทั้งสี่ประเทศนี้เป็นแกนนำสำคัญของขั้วอำนาจใหญ่ของโลกคือ กลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นขั้วอำนาจสำคัญที่ปรากฏขึ้นในโลกหลังจากยุคโซเวียตล่มสลายลง และเป็นขั้วอำนาจเดียวที่ยืนขึ้นท้าทายกับการครองอำนาจของกลุ่มนาโตที่ครองอำนาจในโลกนี้มาอย่างยาวนานนับศตวรรษแล้ว
และกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ก็ได้ร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น โดยใช้ยุทธศาสตร์สันติภาพและการพัฒนาเป็นยุทธศาสตร์นำ ซึ่งแน่นอนว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่ท้าทายและเผชิญหน้ากับยุทธศาสตร์ความขัดแย้งและสงครามซึ่งขับเคลื่อนโดยขั้วอำนาจนาโตมาตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
บรรดาประเทศที่ถูกคว่ำบาตรทั้งหลายในโลกพากันมารวมตัวกันเข้าเป็นภาคีกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ แม้ประเทศนอกกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เมื่อใดก็ตามที่ถูกคว่ำบาตรโดยขั้วอำนาจของนาโตก็จะแสวงหาความร่วมมือและความช่วยเหลือจากกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เพื่อรักษาตัวให้รอดปลอดภัย ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง
ต่อมากลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้โดยเฉพาะรัสเซีย อิหร่าน จีน และเกาหลีเหนือ ยังได้แสดงอาการท่าทีพร้อมเผชิญหน้าด้วยแสนยานุภาพกับขั้วอำนาจนาโตชนิดที่ไม่เคยมีประเทศใดในโลกหาญกล้าท้าทายมาก่อน
การเปิดตัวแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์แบบใหม่ของประเทศกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ได้เปิดตัวอย่างต่อเนื่องแทบทุกเดือนในแต่ละปี ซึ่งบางเดือนก็มีกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้แสดงแสนยานุภาพและอาวุธยุทโธปกรณ์แบบใหม่พร้อมกันก็มี
เป็นการเปิดตัวแสนยานุภาพทั้งทางบก ทางนาวี อวกาศ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ทางชีวภาพที่นอกจากจะไม่ด้อยศักยะกว่าของกลุ่มนาโตแม้แต่น้อยแล้ว หลายเรื่องราวและหลากหลายนวัตกรรมยังปรากฏด้วยว่ามีความเหนือกว่ากลุ่มนาโตมากมายนัก
ดังเช่นเรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งเคยเป็นแสนยานุภาพเชิงรุกที่มีอานุภาพสูงสุดในประวัติศาสตร์ทางการทหาร เพราะเป็นเรือขนาดใหญ่ราคาสูงลิบลิ่ว สามารถบรรทุกเครื่องบินทิ้งระเบิดหรือเครื่องบินโจมตีได้ถึง 400 ลำซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีความเร็วเหนือเสียงถึง 1.5 เท่า โดยแต่ละกองเรือก็จะมีเรือบริษัทบริวารทั้งเรือผิวน้ำ ใต้น้ำ รวมกันถึง 23 ลำ จึงเป็นกองกำลังแสนยานุภาพทางนาวีที่ไม่เคยมีชาติใดต้านทานได้มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่กลับถูกท้าทายโดยนวัตกรรมใหม่ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินยุคใหม่ของกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้
เรือบรรทุกเครื่องบินอันเป็นนวัตกรรมใหม่ของกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เปิดเผยตัวครั้งแรกโดยอิหร่าน จากนั้นก็ตามมาด้วยรัสเซียและจีน โดยเกาหลีเหนือยังคงเงียบกริบ โดยมีนัยสำคัญที่ทำให้เห็นว่าหลักในการคิดเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินอันเป็นนวัตกรรมใหม่นี้มีหลักนิยมอย่างเดียวกัน
คือเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดเล็ก มีขนาด 1 ใน 5ของเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ จึงมีราคาถูกกว่า ใช้เวลาสร้างได้เร็วกว่า และไม่ต้องมีเรือบริษัทบริวารถึง 23 ลำอันเป็นการตัดรอนงบประมาณจำนวนมหาศาลที่ส่งผลกระทบต่อความเข้มแข็งของแสนยานุภาพทางการทหารโดยภาพรวม
เรือบรรทุกเครื่องบินแบบใหม่นี้มีขนาดเล็ก 1 ใน 5 ของเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐและไม่ต้องมีเรือบริษัทบริวารแวดล้อมจำนวนมาก แต่มีสมรรถนะสูงลิ่ว เพราะสิ่งที่บรรทุกหลักคือขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ซึ่งอาจมีความเร็วเหนือเสียงตั้งแต่ 5-15 เท่า อันหมายความว่ามีความเร็วกว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดสำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินแบบเก่าถึง 12 เท่า และมีรัศมีปฏิบัติการนับ 5,000 ไมล์ จึงทำให้เรือบรรทุกเครื่องบินแบบเก่าตกเป็นเป้าหมายการโจมตีในระยะไกลโพ้น
โดยเรือบรรทุกเครื่องบินแต่ละลำสามารถบรรทุกขีปนาวุธตั้งแต่ 2-500 ลูก ไม่ได้ด้อยกว่าเรือบรรทุกเครื่องบินแบบเก่าเลย แต่ราคาถูกกว่ากันมากและค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่ากันชนิดเทียบกันไม่ได้
เรือบรรทุกเครื่องบินแบบใหม่นี้มีการบรรทุกเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เพียง 4 ลำ สำหรับโจมตีทำลายเรือดำน้ำ แต่มีโดรนทั้งล่องหนและไม่ล่องหนจำนวนมากสำหรับต่อต้านและโจมตีเครื่องบินและเรือดำน้ำด้วย
นี่เฉพาะเรือเรือบรรทุกเครื่องบินเรื่องเดียว ซึ่งขณะนี้กลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้คงจะผลิตออกมามากมาย
เพราะการท้าทายเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ จึงเป็นที่มาของการประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เพื่อต่อต้านสี่พันธมิตรคือรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ เป็นเหตุให้กลุ่มนาโตต้องเสริมแสนยานุภาพเข้ามายังมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย และทำให้ภูมิภาคอาเซียนกลายเป็นภูมิยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ ประดุจดังสาวงามจึงตกเป็นที่หมายตาของนักเลงต่างถิ่น
นั่นจึงเป็นที่มาของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ต่อประเทศกลุ่มอาเซียน หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ปลาหมึกยักษ์ ซึ่งมีเป้าหมายคือการตั้งรัฐอิสลามแห่งไอซิสขึ้นในอาเซียนตอนใต้มาแล้ว โดยอาจจะมีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้งก็ได้
ในภูมิภาคอาเซียนนี้การบรรลุถึงเป้าหมายในการต่อต้านรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือที่มีผลมากที่สุดก็คือ พม่า และไทย เพราะลาว กัมพูชา และเวียดนามนั้นเป็นประเทศสังคมนิยมที่มีระบบการบริหารเข้มแข็งและผนึกแน่นกับทั้งรัสเซียและจีน รวมทั้งประเทศสังคมนิยมอื่นๆ จึงแทรกได้ยาก คงเหลือแต่ประเทศไทยและพม่าซึ่งกำลังแกว่งไกวไหวเอนว่าจะเป็นประชาธิปไตยแบบฝรั่งหรือจะเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแบบไทย หรือเป็นประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมแบบพม่า
ดังนั้นทั้งพม่าและไทยจึงมีจุดอ่อนในระบอบการปกครองที่นักล่าอาณานิคมหมายจ้องตาเป็นมัน โดยเฉพาะประเทศไทยนั้นได้ถูกกำหนดให้เป็นฐานทางการเงินใหม่แทนฮ่องกง หลังจากนักล่าอาณานิคมได้สูญเสียฮ่องกงให้แก่จีนไปเรียบร้อยแล้ว
แต่การล่าประเทศไทยเป็นอาณานิคมนั้นมีก้างขวางคออันใหญ่ก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมที่ยึดเหนี่ยวจิตใจประชาชนมานับพันปี ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้สถาบันพระมหากษัตริย์ตกเป็นเป้าแห่งการบ่อนทำลายอย่างต่อเนื่องดังที่ทราบกันอยู่ ซึ่งถึงวันนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังดำรงสถิตมั่นเป็นขวัญกำลังใจให้ประชาชนไทยทั้งผอง
ดังนั้นในท่ามกลางกระแสการล่าอาณานิคมดังกล่าวพม่าจึงกลายเป็นจุดอ่อนที่สุด เพราะบางส่วนในรัฐบาลพม่าในอดีตฝักใฝ่ต้องการนำประเทศให้เป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกจึงเข้าทางนักล่าอาณานิคม
สถานการณ์ในพม่าขณะนี้จึงไม่ใช่สถานการณ์ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ แต่เป็นสถานการณ์ล่าอาณานิคมแบบใหม่ ซึ่งถ้าหากขยายตัวต่อไปก็จะสามารถเชื่อมต่อการเคลื่อนไหวล่าประเทศไทยเป็นอาณานิคมควบประสานกันไปด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอันใดที่ขบวนการม็อบกาเหว่าทั้งพม่าและไทยจึงขับเคลื่อนในลักษณะเดียวกันและเชื่อมโยงกัน
แต่พม่านั้นดูเหมือนว่ายังมีรัสเซีย อิหร่าน และจีนเป็นเงาทะมึนอยู่ข้างหลัง ดังที่ได้แสดงท่าทีวีโต้ญัตติของสหรัฐที่ให้ลงโทษพม่าให้ปรากฏมาแล้ว ในขณะที่ไทยเราดูเหมือนหนึ่งว่ามีสภาพไม่ต่างกับเนื้อที่อยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า จึงน่าวิตกยิ่งนัก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี