lเป็นบทสรุป ที่ค่อนข้างเป็นระบบ และกระบวนการ ตั้งแต่เริ่มต้น จากการเดินทาง ไปสู่เป้าหมายในชีวิตของคนคนหนึ่ง ที่รักและปรารถนาด้วยความหวังความเชื่อมั่น ที่ค่อยสะสมและก่อตัวขึ้นในความคิดชีวิตและจิตใจ โดยผ่านชีวิตที่เป็นจริง ที่ต้องผจญภัย เรื่องราวต่างๆ มามากมายหลากหลายโดยหลายเรื่อง เป็นการเข้าร่วมโดยสมัครใจ ตั้งแต่เริ่มต้น ท่ามกลางการต่อสู้ จนถึงจบการต่อสู้ครั้งหนึ่งๆ และได้หยุดพักเป็นช่วงๆ แต่ไม่นานนัก ก็มีเหตุการณ์ครั้งใหม่ เกิดขึ้นมาอีกและเราก็เข้าร่วมกับมัน ด้วยความรักความสมัครใจ และอาจด้วย “ความเป็นหนุ่มเป็นสาว” และหลายครั้ง มันมิได้ง่ายๆ สบายๆ
“ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับดอกไม้ หอมยวลชวนจิตไซร้ ไป่มี”
(คำขวัญของโรงเรียนเตรียมทหารฯ)
และก่อนหน้านั้น อาจจะมี “การเดินเข้าไปร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน”
แต่หัวใจคือ “ความบริสุทธิ์ และความสมัครใจ เต็มใจ คิดเองทำเอง”
แต่จากการเดินทาง ที่ยังไม่รู้เป้าหมาย และยังไม่มีความคิดที่ชัดเจนนัก ว่า “จะไปถึงไหน”
เป็นการเดินทางสายสั้นๆ ที่คิดว่า “ง่าย และคงไปถึงเป้าหมาย ในเวลาไม่นานนัก”
แต่ “ขอโทษ ทั้งต่อตัวเอง และผู้เป็นที่รัก รวมทั้งผู้รักและปรารถนาดีต่อเราอย่างจริงใจและเชื่อมั่น”
ทางสร้างชีวิตเส้นนี้ ที่หวังจะสร้างบ้านประชาธิปไตย มันยากจริงหนอ เพราะผ่านชีวิต ทั้งฤดูหนาว ร้อน ฝน และ
วนกลับไปกลับมา ๗๒ รอบ
ยังไปไม่ถึงไหนเลย !
และหากถามว่า “แล้วจะไปถึงเมื่อไหร”?
คำตอบจากใจจริง คือ “ไม่รู้”?
lผมได้เริ่มต้น ด้วย
1.การเริ่มมีความคิด หรือการตื่นตัวทางการเมือง จากการสะสมขั้นปริมาณ > สู่คุณภาพ
หลายคนเริ่ม “ความรัก : บ้านเกิดเมืองนอน” มาจากหลากหลายสายธาร .............จึงอยากให้ท่านผู้อ่านและเพื่อนมิตร
พิจารณา “เส้นทางชีวิตอุดมคติ เริ่มมาได้อย่างไร”? ตั้งแต่เรื่องเล็กๆและส่งต่อมาถึง เรื่องที่ใหญ่ขึ้น จนถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย แนวทางการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่เกิดขึ้น และเข้าไปร่วม
โดยมี “แนวคิดหลัก” ที่นำเสนอว่า :
“แนวทางการเลือกตั้งทั่วไป ที่ดำเนินการมาตลอดของสังคมไทย” ไม่สามารถนำพาประชาชนและประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงได้
l2.บทบาทของสถาบัน กลุ่มองค์กรฯ ต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย
(๑) ส่วนที่มีบทบาทโดยตรง ตามการยอมรับของ
สังคมไทย และสังคมโลก
(๒) ส่วนที่มีบทบาททางอ้อม หรือเสริม/คัดค้าน
(๓) บทบาทของสถาบันหลักสำคัญของสังคม
โดยสุดท้าย หรือท้ายสุด
คุณูปการของสถาบันและในหลวงฯ ที่ได้ทำให้กับประชาชนและแผ่นดินไทย
จะได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้น และจักเป็นผลดีต่อประชาชนและประเทศชาติ
l3.การขับเคลื่อน สร้างบ้านประชาธิปไตย
๑. ต้องวิเคราะห์สภาพและลักษณะของสังคมไทย ตามสภาพที่เป็นจริง
๒.ปัจจัยและเงื่อนไขของฐานะบทบาทของประเทศมหาอำนาจโลก รวมทั้งฐานะและอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจ และประเทศต่างๆ ที่มีต่อสังคมไทยในทุกด้าน
๓.กำหนดเป้าหมายที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ประเทศและประชาชน
๔.หลักทฤษฎี ต้องมีการศึกษา วิเคราะห์กลุ่มพลังต่างๆ ที่มีศักยภาพและพลังที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลง
๕.แนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอนที่จะก้าวต่อไปอย่างเอาจริง ต่อเนื่อง
l4.แหนหน้ามองฟ้า ตาดูดิน : การสร้างบ้านประชาธิปไตย มีแสงสว่างจากปลายอุโมงค์ ….
เรื่องส่วนรวม มีมากมายเป็นกองพะเนินเทินทึก *pile up mountain high* เราไปคิด และทำหมดไม่ได้ เพราะเรามีชีวิตเดียวที่มีเวลาจำกัด ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต เราต้องคัดสรร เรื่องสำคัญที่สุด เรื่องที่เป็นใจกลาง เป็นห่วงโซ่ของปัญหาเมื่อเราทำได้แล้ว จุดหรือปัญหาอื่นๆ ก็จะแก้ได้ ตามมา โดยวันนี้ เราก็ยัง “สามารถทำเรื่องอื่นที่สำคัญรองลงมา” รองรับ เตรียมพร้อม ซึ่งเป็นการสะสมกำลัง สะสมความพร้อม ซึ่งสามารถทำได้ในหลายลักษณะ......
หน้าที่หลักของ “นักปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงโลก” คือ การให้
“การศึกษา” แก่ผู้คน ควรเน้น “คนที่มีอุดมคติ” รักจะทำหน้าที่ที่มีเกียรติยิ่งในการเข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
l5.แต่เราจะฟันฝ่าข้ามไปให้ถึงด้วยความฝันอันสูงสุด
เราต้องเริ่มต้น ด้วยการหาสัจจะ จากความเป็นจริง
๑.ปัญหาความยาก ที่จะออกจากวิกฤติไปสู่ประชาธิปไตย อยู่ตรงไหนบ้าง?
๒.โอกาสการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตย โดยสถาบันหลักต่างๆ
บทบาทของสถาบันหลักที่สำคัญ มี ๒ ประการ
หนึ่ง. การนำหรือเป็นผู้นำพาไปสู่ประชาธิปไตยตามบทบาทหน้าที่โดยตรง
สอง. สนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดความรักสามัคคี และความผาสุกของประชาชน
ต้องมีการปฏิวัติ หรือปฏิรูปใหญ่ บทบาทของสถาบันหลักฯ ที่ควรมีควรเป็นควรจะมีการปฏิรูป การรักษาปกป้อง และพัฒนาประชาธิปไตยตามสภาพที่เป็นจริงของสังคมไทย
6.สิ่งที่ประชาชนผู้มีอุดมคติ ควรทำ What is to be done?
๑.พัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ และทำเพื่อบ้านเมือง ด้วยสติปัญญาความจริง
๒.เสริมสร้างพัฒนาให้เกิดการร่วมกลุ่ม เป็นองค์กรภาคประชาชนที่แท้จริง
๓.สนับสนุนผู้นำรัฐบาล รัฐสภาฯ ในสิ่งที่ดีงามถูกต้อง เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
๔.การตรวจสอบ ควบคุม สถาบัน หน่วยงาน ที่มีการ
กระทำมิชอบต่อบ้านเมือง
๕.การรวมตัวใหญ่ ของผู้มีอุดมคติ : ในการแสวงหาแนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีจังหวะก้าวขั้นตอน : ตามสภาพและลักษณะที่เป็นจริงของสังคมไทย คือ นำมาใช้ได้จริง
๖.ต้องมีการดำเนินการ ตามสภาพที่เป็นจริง ต้องเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ให้ประสบความสำเร็จ ทำได้เช่นนี้ เราก็จะนอนตายตาหลับ
lการต่อสู้ทางการเมือง ทั้งในอดีตและในสภาพปัจจุบัน ยังคงเป็นเวทีของการต่อสู้ของ ๒ ฝ่าย
๑.ฝ่ายนักการเมืองที่ต้องการอำนาจรัฐ และใช้ไปเพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องกลุ่มของตน
๒.ฝ่ายที่หวังรักษาและอนุรักษ์สภาพสังคมการเมืองให้อยู่ในเกณฑ์ ที่ประชาชนและประเทศพอรับได้
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการรักษาผลประโยชน์ ในกรอบของกลุ่มตน มิได้ไปถึงประชาชนส่วนใหญ่
lแต่สิ่งที่ประชาชน ผู้มีอุดมคติปรารถนา คือ “การสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นในสังคมไทย” มีหลากหลายกรอบคิดของผู้นำในแต่ละฝ่ายที่สำคัญคือ
๑.ต้องขจัดหรือทำลาย “ต้นตออุปสรรคใหญ่” ที่คิดว่า “เป็นผู้กำหนดและบงการทุกเรื่องในสังคม” คือ สถาบันหลักของสังคมไทย (เป็นความคิดของแกนนำของฝ่ายค้านและนักวิชาการแดงฯ)
๒.ต้องปฏิวัติหรือปฏิรูป “ระบบและโครงสร้างการเมืองฯ ที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม และการพัฒนาคุณภาพของประชาชน ให้เป็น “พลเมือง” (Active Citizen) ให้มีอิสระคิดเองทำเอง
๓.ต้องการผู้นำในระดับรัฐบุรุษ ที่มาเป็นผู้นำของกลุ่มหรือสถาบันที่มีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายอื่นๆ
๔.การเปลี่ยนแปลงใหญ่นี้ : จากบทสรุปของประเทศต่างๆ คือ “ต้องใช้อำนาจที่เป็นธรรม” ลดอำนาจรัฐที่มิชอบ และ
สร้างอำนาจของประชาชนที่ชอบธรรม โดยทำเป็นจังหวะก้าวและขั้นตอน
และสุดท้ายต้องมีการปฏิวัติ หรือปฏิรูปอย่างเป็นกระบวนการหลายขั้นตอน อย่างเอาจริง
สิ่งที่นักอุดมคติควรทำ คือ “การนำไปคิดต่อให้เป็นรูปธรรม และมีการปฏิบัติที่เป็นจริง”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี