สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานว่านายอเล็กซานดอร์ ฟอมิน รมช.กลาโหม รัสเซีย ได้เยือนพม่าอย่างเป็นทางการเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
การเยือนพม่าครั้งนี้นายอเล็กซานดอร์ ฟอมินจะเข้าร่วมพิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพพม่าด้วย
“พม่าเป็นพันธมิตรที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้และเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของรัสเซีย” นายฟอมิน กล่าวเมื่อพบกับพลเอกมิน อ่องไลง์ และกล่าวต่อไปว่า
“ท่านเป็นแขกพิเศษ เป็นนายพลอาวุโสที่ให้เกียรติไปร่วมเฉลิมฉลองเพื่อรำลึกครบรอบ 75 ปีแห่งความรักชาติของเรา”นายฟอมิน อ้างถึงคราวที่มิน อ่องไลง์ ไปร่วมฉลองครบรอบ 75 ปี้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในกรุงมอสโก
“วันนี้เรามาเยือนตอบแทนท่าน”นายฟอมิน กล่าว
หลังจากการแสดงแสนยานุภาพอันเกรียงไกรซึ่งอาวุธที่มาแสดงส่วนใหญ่ทำในรัสเซีย พลเอกมิน อ่องไลง์ กล่าวระหว่างพิธีว่า “รัสเซียเป็นมิตรแท้ของเรา” ที่พูดเช่นนี้อาจเป็นเพราะพิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพพม่านี้ไม่มีทูตตะวันตกเข้าร่วมพิธีแม้แต่คนเดียว (สังเกตจากทีวีของรัฐถ่ายทอดสด)
ที่สำคัญ รมช. กลาโหมรัสเซียเข้าร่วมพิธีสวนสนามวันกองทัพพม่าในขณะที่สหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศอียูเพิ่งประกาศแซงก์ชั่นกองทัพพม่าและนายพลอีกหลายรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจ
และการเยือนพม่าหลังจากทหารยึดอำนาจที่สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกกล่าวหาว่าทหารพม่าฆ่าประชาชนผู้ต่อต้านการยึดอำนาจไปแล้วหลายร้อยราย แต่กองทัพพม่ายืนยันว่ามีคนตายแค่ 162 รายและไม่แน่ใจว่าผู้ประท้วงหลายรายทำให้ตายกันเองหรือเปล่า
นายพลมิน อ่อง ไลง์ กล่าวในพิธีสวนสนามว่า “กองทัพปกป้องประชาชนและมีความมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาประชาธิปไตย..กองทัพแสวงหาความร่วมมือกับคนทั้งชาติเพื่อปกป้องประชาธิปไตย..”
และกล่าวเสริมหลังจากพิธีสวนสนามว่า.”เจ้าหน้าที่รับผิดชอบทั่วไปก็พยายามปกป้องประชาชนและฟื้นฟูความสงบ..
..“การกระทำความรุนแรงที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพและการสร้างความรุนแรงเพื่อให้ข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลมีน้ำหนักเป็นกระทำที่ไม่เหมาะสม” “พลเอกมิน อ่องไลง์” บอกใบ้ถึงข้อสงสัยที่ว่า ฝ่ายต่อต้านการยึดอำนาจหรือมือที่สามทำให้ผู้ประท้วงตายเพื่อให้ประชาคมนานาชาติกดดันทหาร
คณะผู้บริหารรัฐ (State Administration Coucil= SAC) ที่ตั้งขึ้นหลังจากยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งพลเอกมิน อ่องไลง์ กล่าวหาว่า“ทำผิด กม.เลือกตั้งและคอร์รัปชั่น เป็นเหตุให้ทหารต้องเข้ามาปกป้องระบอบประชาธิปไตย ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ”
SAC ตั้งข้อสังเกตสงสัยและกล่าวหาว่ากลุ่มผู้ต่อต้านการยึดอำนาจซึ่งจัดการโดย “คณะผู้แทนรัฐสภาและรัฐบาลเงาสหภาพพม่าที่มีนายManh Win Khaig รักษาการรองประธานาธิบดี ล้วนเป็นคนของพรรคเอนแอลดีของนางออง ซาน ซู จี คนเหล่านี้ปลุกระดมให้เกิดความรุนแรงหรือทำให้มีคนตายเพื่อได้แห่ศพ
เพื่อพิสูจน์ว่ากลุ่มผู้ประท้วงมีส่วนทำให้คนตายเมื่อวันที่ 5 มี.ค. SAC ขุดศพหญิงวัย 19 ปีที่ถูกยิงตายขึ้นมาพิสูจน์ใหม่ปรากฏว่าเธอถูกยิงมาจากข้างหลังกระสุนทะลุเข้ากะโหลกข้างหลังใบหูขวาและพบว่าเป็นกระสุนขนาดเล็กที่ยิงด้วยปืนปากกา
เมื่อตำรวจและทหารตั้งแถวประจันหน้ากับผู้ประท้วงแล้วกระสุนจะอ้อมมาเจาะกะโหลกข้างหลังได้อย่างไร และกระสุนที่มีขนาดเล็กกว่ากระสุนของตำรวจและทหาร
ตั้งแต่นั้นมาปรากฏการแย่งศพ ระหว่างเจ้าหน้าที่กับญาติผู้ตายก็เกิดขึ้น หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ของสิงคโปร์ รายงานว่าในมัณฑะเลย์เกิดโกลาหลในการซ่อนศพแย่งศพแอบทำพิธีทางศาสนาและเผาศพไม่ให้เจ้าหน้าที่รับรู้
สัปเหร่อคนหนึ่งเล่าว่าเพียงอาทิตย์เดียวเขาเผาโลงเปล่าถึงสี่โลง เพราะญาติผู้ตายต้องการให้จัดพิธีเนื่องจากศพไม่รู้หายไปไหนหรือทหารเอาไปเผาเสียแล้วก็ไม่รู้
สรุปว่าในพม่าเวลานี้ไม่มีใครไว้ใจใครและไม่มีใครรู้ข่าวสารที่แท้จริง ผู้ประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจรับฟังข่าวสารที่พูดต่อๆ กันมาและส่วนใหญ่แห่ตามข่าวลือกันไป
ผู้เขียนได้พูดคุยกับแรงงานพม่าหลายรายส่วนใหญ่เข้าใจว่าทหารพม่ากำลังเข้าตาจนเพราะจะมีทหารต่างชาติเข้ามาช่วยเหลือประชาชนและปิดล้อมคว่ำบาตรทหารพม่า
“จบแล้วทหารพม่าต่างชาติคว่ำบาตรทั่วโลกและทหารอเมริกาจะเข้ามาช่วยเหลือประชาชน ทหารพม่าฆ่าประชาชน ฆ่าเด็ก ใช้ไม่ได้” แรงงานพม่าระดับโฟร์แมนคนหนึ่งพูดกับผู้เขียน
เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้สูญเสียอำนาจในพม่าสร้างเรื่องสร้างนิยายเพื่อให้ผู้สนับสนุนออกไปตายเหมือน
ผู้สูญเสียอำนาจในประเทศไทย
จำได้ว่าหลังจากถูกยึดอำนาจเมื่อ 19 ก.ย. 2549 ผู้สูญเสียอำนาจประกาศว่าจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น
และนำกำลังทหารต่างชาติเข้ามายึดอำนาจคืนในประเทศไทย
การสร้างนิยายว่าใช้ทหารต่างชาติเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้ ทำให้สมุนบริวารและผู้สนับสนุนฮึกเหิมประท้วงต่อต้านทหาร ต่อต้านสถาบันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายสร้างความวุ่นวายในประเทศไทยมาจนวันนี้
ผู้ประท้วงผู้สนับสนุนฝ่ายสูญเสียอำนาจในประเทศไทยฉันใด ผู้ประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจพม่าก็ฉันนั้น เพราะคนในยุคนี้ไม่ว่าไทยว่าพม่าต่างตกเป็นเหยื่อปฏิบัติการข่าวของประเทศตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา
ข่าวเรื่องต่างชาติคว่ำบาตรทหารพม่า ข่าวทหารจงใจฆ่าประชาชน ข่าวต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงในพม่ามาจากปฏิบัติการข่าวของตะวันตกทั้งสิ้น
ปฏิบัติการข่าวเริ่มจากสหรัฐอเมริกากับกลุ่มประเทศอียูสนับสนุนยุยงให้ผู้สนับสนุนนางออง ซาน ซู จี ลุกขึ้นมาประท้วงเรียกร้องให้ปล่อยนางแล้วฟื้นฟูรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้ง 8 พ.ย 2563 ขึ้นมา
ผู้ประท้วงวันแรกๆเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ตำรวจเพียงเอาเชือกฟางกั้นไว้แล้วเขียนป้ายว่าห้ามล้ำเส้น ผู้ประท้วงก็ไม่กล้าขัดขืนแล้ว
แต่หลายวันต่อมาปรากฏว่าเริ่มปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่และมีผู้หญิงถูกยิงได้รับบาดเจ็บสองคน ข่าวลือแพร่กระจายว่าทหารยิงผู้หญิงตายตั้งแต่นั้นมาผู้ประท้วงเริ่มรุนแรง ในขณะเดียวกันปฏิบัติการข่าวจากสื่อตะวันตกก็มีแต่ข่าวร้ายรายวัน
จนกระทั่งถึงวันที่ 2 มี.ค.ผู้หญิงวัย 19 ปีถูกยิงตายการประท้วงเริ่มกลายเป็นจลาจล เมื่อ SAC จับทางได้ก็ขุดศพขึ้นมาพิสูจน์ใหม่ แต่ความจริงที่ได้กลับพ่ายปฏิบัติการข่าวซึ่งก้าวหน้าไปเร็วกว่าความจริง
จากการต่อต้านทหารยึดอำนาจบานปลายกลายมาเป็นต่อต้านประเทศจีน จากปฏิบัติการข่าวที่ว่าจีนสนับสนุนทหารให้ทำการปฏิวัติ กิจการโรงงานทรัพย์สินของจีนถูกเผาทำลาย ขบวนการอารยะขัดขืนกลายขบวนการอนาธิปไตย ก่อจลาจลจนต้องประกาศกฎอัยการศึก
การเดินทางเยือนพม่าของ รมช.กลาโหม รัสเซียจึงเป็นนัยสำคัญคือ
1.ดับกระแสข่าวลือที่ว่าสหรัฐอเมริกาจะส่งทหารมาปราบทหารพม่าและช่วยเหลือประชาชน เพราะรัสเซียเป็นพันธมิตรแนบแน่นกับทหารพม่า รัสเซียช่วยฝึกทหารให้พม่าหลายพันนาย
ในสมัยรัฐบาลพลเอกตานฉ่วย พม่าส่งทหารหลายร้อยนายไปฝึกอบรมศึกษาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในรัสเซีย พม่ามีแหล่งยูเรเนียมอยู่ในรัฐคะฉิ่นและมัณฑะเลย์ พร้อมที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้ถ้าอเมริกาเข้ามาวุ่นวายเรื่องภายใน
2.รัสเซียกับจีนเป็นสมาชิกถาวรของ“สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อเมริกาพยายามจะให้สหประชาชาติประณาม ทหารยึดอำนาจในพม่าและตั้งตนเป็นผู้บริหารรัฐ SAC ก็ไม่สามารถทำได้เมื่อรัสเซียกับจีนขัดขวาง
จึงสรุปว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียเยือนพม่า คือการตบหน้าสหรัฐอเมริกากับตะวันตก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี