ชื่อบทความวันนี้ออกจะแปลกไปสักหน่อยแต่ไม่เกินเลยไปจากความเป็นจริง และเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศถูกทำให้มึนงงและสับสนจนกระทั่งไม่ทราบว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทย และต่างชาติกำลังทำอะไรกับประเทศไทย
ซึ่งถ้าหากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ประเทศไทยเราจะดักดานและถูกปิดโอกาสในการทำมาค้าขายติดต่อเชื่อมโยงกับนานาประเทศ จะกลายเป็นประเทศบ้านนอกที่จะทำการสิ่งใดก็ต้องพึ่งพาอาศัยประเทศลาว กัมพูชา หรือแม้แต่พม่า
นั่นคือมีความพยายามอย่างยิ่งยวดและต่อเนื่องยาวนานในการปิดกั้นประเทศไทยไม่ให้ติดต่อเชื่อมโยงไปสู่โลกภายนอกทางด้านเหนือของประเทศ ซึ่งสามารถไปสู่
ประชากรโลกกว่า 4,000 ล้านคนได้ แต่วางกลกำหนดให้ประเทศไทยออกสู่โลกภายนอกได้ก็แต่โดยทางอากาศและโดยทางแหลมฉบัง มาบตาพุด ซึ่งเป็นสภาพที่ทำให้ประเทศไทยถูกขังไว้ในโอ่ง
อันการคมนาคมไปมาหาสู่ถึงกันได้ไม่ว่าด้วยคนหรือด้วยการส่งสินค้าไปทำมาค้าขายกัน แต่อดีตมาได้พึ่งพาอาศัยทางน้ำ โดยเฉพาะคือทางทะเลและมหาสมุทร ไปทางด้านตะวันออกคือ อ่าวไทย มหาสมุทรแปซิฟิก ไปสู่ประเทศต่างๆ ทางด้านตะวันออก และไปทางด้านตะวันตก คือมหาสมุทรอินเดียไปสู่ประเทศต่างๆ ทางด้านตะวันตก
โดยสภาพภูมิยุทธศาสตร์ของประเทศไทยจึงกำหนดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้ามาตั้งแต่โบราณและปัจจุบันนี้ภูมิยุทธศาสตร์นี้ก็ยังเลอเลิศอยู่ แต่กลับไม่มีการส่งเสริมยกระดับหรือขยายศักยภาพของความเป็นประเทศ Ocean Link เลย รอวันเวลาที่ผู้มีสติปัญญามาบริหารประเทศ เมื่อนั้นประเทศไทยก็คงจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น โดยอาศัยพื้นฐานยุทธศาสตร์ Ocean Link นี้
สำหรับการติดต่อไปมาค้าขายในทางบกนั้น แต่ก่อนมามีความจำกัดมากและสามารถติดต่อค้าขายกันได้เฉพาะประเทศที่มีชายแดนติดต่อกัน จนกระทั่งมีการก่อสร้างผ่านสาย R3A จึงสามารถเชื่อมต่อไปมาค้าขายทางบกกับประเทศจีนผ่านประเทศลาวได้ และในบางฤดูกาลก็ยังสามารถส่งสินค้าผ่านแม่น้ำโขงไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับแม่น้ำโขงอีก 5 ประเทศได้
หลังจากประธานสี จิ้น ผิง ได้กำหนดยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมเชื่อมต่อแผ่นดินใหญ่ของโลกทั่วโลกโดยเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงสำหรับขนคนโดยสารขนสินค้า และขนทั้งคนและสินค้าได้สุดแท้แต่ละประเทศจะเลือกสรรเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
ได้มีการกำหนดเส้นทางสายไหมเชื่อมต่อประเทศที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ของโลกทั่วโลก แม้กระทั่งอังกฤษที่เป็นเกาะหรือมาเลเซีย อินโดนีเซีย ก็เข้าเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมนี้ เพราะประเทศทั้งหลายได้เห็นประโยชน์ของการเชื่อมต่อไปมาค้าขายทั่วโลก
จะมีก็ประเทศที่เป็นเกาะห่างไกลอยู่นอกเส้นทางสายไหมไม่กี่ประเทศ ได้แก่ ทวีปอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่นเท่านั้น
อันการจะเชื่อมโยงประเทศไทยเข้ากับเส้นทางสายไหมของโลกเพื่อไปมาค้าขายกับประชากรโลกกว่า 4,000 ล้านคนมีเส้นทางเฉพาะจากเมืองคุนหมิงของประเทศจีนมายังนครเวียงจันทน์ของลาว เชื่อมต่อนครเวียงจันทน์กับจังหวัดหนองคายมายังโคราช กรุงเทพฯ และสุไหงโก-ลก ลงไปสู่มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ซึ่งเป็นประเทศอาเซียนตอนล่าง
เมื่อครั้งยึดอำนาจใหม่ๆ รัฐบาล คสช. ทราบและเข้าใจความจำเป็นและผลประโยชน์ดังกล่าวนี้จึงได้ทำความตกลงในการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมดังกล่าว ซึ่งได้มีการวางแผนเสร็จสิ้นแล้วในยุคสมัยที่พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และถ้าหากได้ดำเนินการตามแผนการนั้นในปี 2565 ประเทศไทยก็จะสามารถเชื่อมต่อไปมาค้าขายกับบรรดาประเทศทั้งหลายในเส้นทางสายไหมทั่วโลกได้
แต่ในที่สุดก็มีการบูดเบี้ยวกันขึ้น และในที่สุดก็จะสร้างช่วงกรุงเทพฯ-โคราช ก่อนด้วยเงินลงทุนถึง 176,000 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จในปี 2570 ซึ่งมีฐานะเป็นเพียงเส้นทางในประเทศ เชื่อมต่อกับใครไม่ได้
ดังนั้นวันใดที่มีผู้มีสติปัญญาความสามารถมาบริหารบ้านเมืองจะต้องรีบเร่งสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อจากหนองคายกับนครเวียงจันทน์ให้เร็วที่สุด ซึ่งมีระยะทางแค่ 16 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนไม่ถึง 30,000 ล้านบาท ก็จะทำให้ภาคเหนือและภาคอีสานเจริญรุ่งเรือง การค้าและการท่องเที่ยวเฟื่องฟูในฉับพลัน และทำให้ประเทศไทยเชื่อมต่อกับประเทศทั่วโลกในเส้นทางสายไหมได้
อีกทางหนึ่งคือการเชื่อมต่อโดยทางแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศร่วมกันใช้สอย 6 ประเทศคือ จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งเดิมเป็นแม่น้ำแห่งอาชญากรรมและยาเสพติด และกำลังถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนาโดยปฏิญญาซันย่า ซึ่งริเริ่มโดย
พระปัญญาทัศน์ของบุคคลสำคัญของประเทศไทย
แต่ในที่สุดประเทศไทยก็เบี้ยวไม่ลงนามในแผนปฏิบัติการปฏิญญาซันย่า ในขณะที่อีก 5 ประเทศเดินหน้าเชื่อมต่อไปมาค้าขายท่องเที่ยวกันและจะปรากฏผลที่ชัดเจนขึ้นในปีหน้า ในขณะที่ประเทศไทยก็จะกลายเป็นประเทศชายป่าชายเขาที่ตลอดแนวมืดสนิท ในขณะฝั่งตรงกันข้ามสว่างไสวรุ่งเรือง
สภาพเช่นนี้คือการปิดประเทศไทยทางด้านเหนือไม่ให้ติดต่อไปมาค้าขายท่องเที่ยวกับชาวโลกได้ คงเหลือแต่ทางออกคือแหลมฉบัง มาบตาพุด ไปสู่โลก ซึ่งอยู่ในสภาพเสียเปรียบประเทศต่างๆ ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าเหตุใดจึงมีการถอนการลงทุนไปลงทุนที่เวียดนาม กัมพูชา และประเทศอื่นแทน
ประชาชนชาวไทยจะต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ และต้องร่วมกันดำเนินการให้มีการเปิดประเทศทางด้านเหนือ อย่าให้ประเทศไทยถูกขังไว้ในโอ่งอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี