วัคซีน ไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับการรับมือกับโรคโควิด-19 แต่เป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่จะยุติปัญหา ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระยะยาว
หลายประเทศฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่าประเทศไทย แต่ก็ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันมากกว่าประเทศหลายเท่าตัว
นั่นหมายความว่า ในสถานการณ์เฉพาะหน้า หรืออย่างน้อยในปีนี้ ปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้การฉีดวัคซีน คือ การป้องกันตัวเองของประชาชน และมาตรการควบคุมมิให้เกิดพื้นที่เสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยงของภาครัฐนั่นเอง
1.ล่าสุด ไทยเราฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 5 แสนโดส
จำกัดในพื้นที่จังหวัดและบุคคลกลุ่มเป้าหมาย
แต่เดือน พ.ค.นี้เป็นต้นไป ประชาชนทั่วไปจะสามารถจองฉีดวัคซีนได้แล้ว ผ่านแอปพลิเคชั่น ไลน์“หมอพร้อม” หรือหากไม่มีสมาร์ทโฟน เจ้าหน้าที่และ อสม.จะไปชี้แจงและเชิญมารับวัคซีน
2.จำนวนการฉีดวัคซีนต่อวันของไทย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วันที่ 01/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 12,897 โดสต่อวัน
วันที่ 02/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 27,240 โดสต่อวัน
วันที่ 03/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 12,372 โดสต่อวัน
วันที่ 04/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 13,230 โดสต่อวัน
วันที่ 05/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 37,397 โดสต่อวัน
วันที่ 06/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 29,108 โดสต่อวัน
วันที่ 07/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 67,763 โดสต่อวัน
วันที่ 08/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 74,622 โดสต่อวัน
วันที่ 09/04/64 ฉีดวัคซีนได้ 71,006 โดสต่อวัน
ขณะนี้ เรื่องวัคซีนยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้เดิม เมื่อวัคซีนที่รัฐจัดซื้อไว้ส่งม็อบลอตใหญ่ คนทั่วไปก็จะได้รับบริการวัคซีน “ฟรี” และจำนวนการฉีดต่อวันก็จะสูงขึ้นกว่าปัจจุบันมาก
ล่าสุด วัคซีนลอตสาม จากซิโนแวค ก็เดินทางเข้ามาถึงไทยแล้ว 1 ล้านโดส (เดิมลอตนี้จะเข้ามาเดือนหน้า)
มาไวกว่ากำหนดเดิม
หลังตรวจสอบคุณภาพเสร็จ ก็จะแจกจ่ายไปยังจังหวัดต่างๆ เพิ่มเติม
3.ยิ่งกว่านั้น ล่าสุด ภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมจัดหา-บริการวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบให้ ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานในการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม ซึ่งภาคเอกชนได้แสดงเจตจำนงมีส่วนร่วมในการจัดหาวัคซีน โดยอาศัยว่าอาจมีความคล่องตัวมากกว่าภาครัฐ รวมทั้งยินดีทำตามแผนบริหารจัดการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการกระจายวัคซีนและบริการฉีดวัคซีน
4.สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้ความเห็นที่น่าสนใจมาก ระบุว่า
“#ประเทศไทยต้องชนะ
“เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ
เมื่อถึงคราวปรึกษางาน ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม
ยามมีข้าวน้ำ ต้องการผู้เป็นที่รัก
ยามเกิดปัญหา ต้องการบัณฑิต”
#ชื่นชมและขอบคุณนายกลุงตู่ที่ปรับแผนเร่งด่วนจัดหาและฉีดวัคซีน
ที่มีคำสั่งตั้งคณะทำงานพิจารณาจัดหาวัคซีนโควิดที่มี ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.ปิยะสกล เป็นประธานและนำภาคเอกชนมาร่วมด้วย วางเป้าหมายให้เสร็จใน 1 เดือน
เพื่อเป็นประโยชน์เสริมต่อจากที่ท่านนายกรัฐมนตรี ศบค.คณะอาจารย์แพทย์ที่ปรึกษาและคณะทำงานด้านวัคซีนและกระทรวงสาธารณสุข อาจทำไปมากแล้ว จึงขอเสนอความเห็นเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาปรับแผนฉุกเฉิน ดังนี้
1) นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศบค. ควรพิจารณาสั่งการให้ระดมฉีดวัคซีนซิโนแวค 1.3 ล้านโดสให้เร็วที่สุดตามความเร่งด่วน ดังนี้
1.1 แบ่งการระดมฉีดวัคซีนให้กับจังหวัดที่ระบาดเป็นหนัก, กลาง, เบา
สัปดาห์แรก ระดมฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และสายงานอื่นที่สัมผัสผู้ป่วย อย่างทั่วถึงภายในพื้นที่ระบาดหนัก
สัปดาห์ที่ 2 ระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในจังหวัดระบาดหนักและฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสายงานอื่นที่สัมผัสผู้ป่วย ในจังหวัดระบาดปานกลาง
สัปดาห์ที่ 3 ระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในจังหวัดระบาดปานกลาง และฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสายงานอื่นที่สัมผัสผู้ป่วย ในจังหวัดระบาดเบา
สัปดาห์สุดท้าย ระดมฉีดให้ประชาชนในจังหวัดระบาดเบา
1.2 กำหนดพื้นที่ฉีดของประชาชน
1.2.1 กรุงเทพฯอาศัยข้อมูลที่อยู่ของเคสที่พบอาการแล้วเป็นหมุดหมายขีดวงในเขต หรือแขวง
1.2.2 ต่างจังหวัด เขตเมือง ใช้หลักเดียวกับกทม.ใช้ขนาดวง แค่ระดับตำบลอำเภอ ส่วนนอกเขตเมืองที่ประชากรไม่หนาแน่น ไม่ต้องเร่งระดมฉีด ใช้แค่มาตรการกักตัวได้
2) มาตรการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม
2.1 มอบคณะทำงานให้หน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นตามพ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 13 (5) ที่ยกเว้นให้กระทรวง ทบวง กรม ที่มีหน้าที่ในการป้องกันหรือบำบัดโรคสภากาชาดไทย องค์การเภสัชกรรม หรืออาจหมายรวมถึงโรงงานเภสัชกรรมทหาร ที่เคยได้รับการยกเว้นในภาวะสงคราม เพื่อสั่งนำเข้าวัคซีนจากผู้ผลิตอื่น อาทิ Sputnik V จากรัสเซียหรือ Convidecia หรือเรียกในอีกชื่อว่า Ad5-nCoV ของ Cansino Biologics (จีน) หรือ Sinopharm (จีน) หรือ covaxin ของ Bharat Biotech / ICMR (อินเดีย) หรือ Pfizer (สหรัฐอเมริกา) / Biontech (เยอรมนี) หรือ Moderna / National Institutes of Health (NIH) (สหรัฐอเมริกา)
เพื่อให้คณะทำงานวัคซีน และรพ.เอกชน มีทางเลือกและสรุปร่วมกันจะสามารถเจรจาซื้อจากผู้ผลิตรายใดที่ยอมขายให้ในราคาที่พร้อมสู้ในตลาด และฉีดให้กับประชาชนที่มีกำลังซื้อเพื่อลดภาระรัฐบาลบางส่วนอาจถึง 5 แสนถึง 1 ล้านคน
ซึ่งจะช่วยเร่งเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันหมู่ให้มากขึ้นเร็วขึ้นครอบคลุมขึ้นแบบเดียวกับที่อังกฤษและหลายประเทศสร้างหลากหลายทางเลือกในการสั่งซื้อวัคซีน
2.2 ศบค. ควรสั่งการให้สธ. เร่งเจรจากับ Oxford (สหราชอาณาจักร) / AstraZeneca ที่ไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสูตรนี้ และกำลังผลิตอยู่ โดยขอความช่วยเหลือในการแลกเปลี่ยนวัคซีน AstraZeneca จากประเทศที่ผลิตได้มาก เช่น อินเดีย เกาหลี เพื่อขอยืมมาใช้ระดมฉีดเร่งด่วนก่อนในเดือนเม.ย. พ.ค.นี้ ประมาณ 5 แสน-1 ล้านโด้ส โดยสยามไบโอไซน์ไทยจะผลิตภายใต้ข้อตกลงกับOxford (สหราชอาณาจักร) / AstraZeneca ส่งมอบคืนให้พร้อมส่วนต่างในห้วงเวลาที่สามารถผลิตได้เต็มขีดความสามารถแล้ว (200 ล้านโดส/ปี)….”
5.วัคซีนที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ คือ ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน
ในระดับบุคคล การใช้ชีวิต สามารถดำเนินต่อไปได้ ทำงานได้ แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ รักษาระยะห่าง
ในระดับสังคม ก็จะต้องดำเนินการตามแผนของภาครัฐ ที่ดูภาพรวม ประเมินสถานการณ์ แล้วตัดสินใจออกมาตรการต่างๆ ออกมา เราจะต้องเชื่อมั่น ร่วมมือ เพราะนี่คือกลุ่มผู้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่ทำงานพาประเทศเรารอดพ้นวิกฤติโควิดมาได้ตั้งแต่รอบแรก
อย่าไปหลงตามลมปากของคนบางจำพวกที่วันๆ นั่งมโนนึกเอาเอง พ่น บ่น ฟูมฟาย ก่นด่า โจมตีทุกเรื่อง ไร้ประโยชน์ ไร้สาระใดๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี