ข้อเขียนขนาดยาวล่าสุดของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ว่าด้วยเรื่อง“ดร.ไตรรงค์กำลังกลัวอะไร?”
แต่อ่านแล้ว นึกถึงคำว่า “ประชาธิปไตยอสุรกาย”
เพราะอะไร?
คาดว่า หลังสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ ประเด็นการเมืองก็คงจะกลับมาปลุกระดมกันอีกครั้ง
เว้นเสียแต่ว่า อสุรกายบ้าคลั่งประชาธิปไตยทั้งหลายจะถูกจองจำ หรือติดเชื้อโควิดไปเสียก่อน เพราะเห็นประกาศว่าจะกลับมาม็อบกันอีกอย่างแน่นอนหลังสงกรานต์
ขอยกบางช่วงบางตอน จากข้อเขียนของ ดร.ไตรรงค์ อาทิ
1. กรณีศึกษา บทเรียนจากเม็กซิโก
“...ตั้งแต่กองทัพประชาชนเพื่อกู้เอกราช นำโดยนายพลฮัวเรซ (JUAREZ) และนายพลดิอาซ (DIAZ) สามารถขับไล่กองทัพฝรั่งเศสที่มายึดครองเม็กซิโกเป็นเมืองขึ้นออกไปได้ใน ค.ศ. 1866 เป็นครั้งแรกที่ได้เอกราชอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้น ก็มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ นายพลฮัวเรซลงสมัครรับเลือกตั้งชนะด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเม็กซิโก ได้รับเลือกตั้งถึง 2 สมัย คือ ค.ศ. 1867 และ 1871 การทำงานหนักเกินไปจึงเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจวาย นายพลดิอาซ (DIAZ) จึงขึ้นรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีแทน
ปี ค.ศ. 1876 ประธานาธิบดีดิอาซ ยึดอำนาจตนเองประกาศเป็นเผด็จการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งต้องดำรงตำแหน่งได้เพียงสมัยเดียว (NO RE-ELECTION) เป็นที่ชื่นชมของประชาชนจำนวนมาก หลังจากนั้นท่านประธานาธิบดีดิอาซ ก็ลงเลือกตั้งได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเป็นประธานาธิบดีอยู่ 4 ปี
พอถึง ค.ศ. 1880 ท่านดิอาซก็ไม่ลงสมัคร ประกาศสนับสนุนให้คนใกล้ชิดของตน คือ นายกอนซาเลซ ลงสมัครเป็นประธานาธิบดีก็ชนะด้วยเสียงท่วมท้นอีก
แต่การบริหารราชการแผ่นดินจริงๆ นั้นก็คือนายพลดิอาซที่คอยสั่งการอยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายแต่งตั้งนายพลในทั้ง 3 กองทัพ รวมทั้งในกรมตำรวจ ผู้จะดำรงตำแหน่ง กกต. เป็นต้น
อยู่ต่อมาอีก 4 ปี คือ ค.ศ. 1884 ท่านดิอาซ (DIAZ) ก็ประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เขาก็ชนะด้วยเสียงท่วมท้น หลังจากนั้นเขาก็ได้กระชับอำนาจของตนด้วยนโยบายหลายวิธี เช่น
แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประธานาธิบดีเป็นติดต่อกันหลายสมัยได้
กระชับการนำนายพลทหารทั้ง 3 กองทัพมาเป็นลูกน้อง โดยเขาบอกพรรคพวกว่าต้องให้เงินแก่นายพลทั้งหลายให้มากๆ จนเขาพอใจที่จะไม่เป็นศัตรูกับเรา เขาพูดแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “The dog with the bone in it’s mouth cannot bark and bite” แปลเป็นไทยได้ว่า “หมาที่มีกระดูกอยู่ในปาก จะทำให้มันไม่สามารถเห่าและกัดได้”
ให้มีการจัดตั้งกองทัพประชาชน โดยการซื้ออาวุธปืนที่มีคุณภาพสูงให้แก่หัวคะแนนไว้ควบคุมคะแนนเสียงในทุกตำบล
ใช้นโยบายประชานิยมโดยการแจกเงินเสมือนเป็นเงินเดือนให้หัวคะแนน และให้หัวคะแนนประจำตำบลทำโครงการเพื่อเอาใจคนในตำบลโดยเสนอโครงการโดยตรงให้รัฐบาล ประชาชนจะพอใจ และหัวคะแนนก็จะได้หาเศษหาเลยจากโครงการเหล่านั้นด้วย
...เมื่อ กกต. ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นล้วนเป็นคนของประธานาธิบดี การเลือกตั้งทั้งระดับชาติ (สส. หรือ สว.) และระดับท้องถิ่น เช่น ผู้ว่าราชการรัฐ
และนายกเทศมนตรี ท่านดิอาซก็แทบจะกำหนดได้เกือบ 100% โดยใช้ทั้งเงินซื้อเสียง+อำนาจปืน+อำนาจการโกงการนับคะแนนการเลือกตั้ง
โดยวิธีนี้ท่านดิอาซ (DIAZ) จึงสามารถชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีได้ถึง 7 ครั้ง ครองอำนาจอยู่ถึง 30 ปี (ค.ศ. 1880 - 1910)...”
หลังจากนั้น ดร.ไตรรงค์ยังได้อธิบายความถึงการแย่งชิงอำนาจกันเพื่อจะเป็น “ประธานาธิบดี”
ถึงขนาดสหรัฐก็ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงในเม็กซิโก
เกิดการยึดอำนาจกัน สังหารกัน สลับๆ กันไปกับการเลือกตั้ง
พอให้ได้อ้างกันว่าเป็นประชาธิปไตย
2. บทเรียนอะไร? ดร.ไตรรงค์บอกว่า
“สรุปทั้งหมดที่เล่ามา เพื่อให้เป็นตัวอย่างของการสรรหาประมุขของประเทศ สำหรับประเทศที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นรากแก้วของประเทศ
จะเห็นได้ว่า มันจะเต็มไปด้วยความสกปรก ไร้ธรรมาภิบาล ไร้หลักนิติธรรม และไร้มนุษยธรรม
เหตุการณ์คล้ายๆ กันก็เคยเกิดขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา สมัยประธานาธิบดีเปรอง (PERON) และเคยเกิดขึ้นในประเทศเปรู สมัยประธานาธิบดีฟูจิมูริ (FUJIMURI) จะต่างกันตรงที่องค์กรไล่ล่าคู่ต่อสู้ทางการเมืองของเปรอง ชื่อว่า หน่วย NLA และหน่วยไล่ล่าดังกล่าวของฟูจิมูริชื่อหน่วย SIN และจะ
น่าเศร้ามากยิ่งขึ้นถ้าศึกษาให้เห็นถึงการสรรหาประมุขของประเทศ (ที่เรียกว่าประธานาธิบดี) จนเกิดความแตกแยกนิรันดร์กาลอย่างที่เกิดขึ้นในปากีสถานบังกลาเทศ และเวเนซุเอลา
เป็นความโชคดีของประเทศไทยแล้ว ที่เราไม่ต้องมาแข่งขันเลือกตั้งเพื่อหาประมุขของประเทศ เพราะเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขภายใต้การปกครองในระบบรัฐสภา เหมือนประเทศอังกฤษ ที่กษัตริย์จะไม่ก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล แต่ยังคงมีสิทธิและอำนาจในการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาล เมื่อเห็นว่าชาติกำลังจะมีภัย (PREROGATIVE)
แต่ก็มีบางครั้งที่เคยฉายแสงความชั่วร้ายของระบบเผด็จการรัฐสภาได้เคยเกิดขึ้น กล่าวคือ อดีตนายกรัฐมนตรีสามารถชี้นิ้ว (DILDO)มาจาก
ต่างประเทศ เพื่อตั้ง DIDAZO ให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศได้ถึง 3 ครั้ง อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายในทางเศรษฐกิจหลายแสนล้านบาท แต่ยังดี
ที่ไม่มีการฆ่าคนตายไปหลายร้อยคนโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมเหมือนที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างที่รู้ๆ กัน
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงยังเห็นว่า #ประเทศไทยโชคดีมากที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างน้อยเราก็จะไม่มีวันที่จะมีประมุขของรัฐไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่นร่วมกับพวกนักการเมืองและข้าราชการกังฉิน และก็ไม่มีทางที่ประมุขของเราจะไปหาประโยชน์จากขบวนการค้ายาเสพติด และปล่อยให้ทหารตำรวจดีๆ ถูกขบวนการอุบาทว์เหล่านั้นฆ่าตายอย่างน่าเวทนา
เพราะประมุขของเราไม่ต้องใช้เงินสกปรกในการรักษาตำแหน่งของตน เป็นตำแหน่งที่ชอบธรรมทางประวัติศาสตร์ที่ประชาชนรักและหวงแหนให้ดำรงอยู่ เพราะเป็นจิตวิญญาณของสังคมไทยมาแต่โบราณกาลที่ต้องการเช่นนั้น เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ ดุจรากแก้วของประเทศในการสานคนในชาติให้เกิดความสามัคคีเป็นชาติเดียวกัน
ใครก็ตามที่มีส่วนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องพึงระวังเอาไว้ว่าอย่าไปสร้างเงื่อนไขเปิดโอกาสให้นักการเมืองเลวสร้างระบบ DIDAZO ขึ้นมาเพื่อเอาไว้ป้องกันมิให้มีการขุดคุ้ยการกระทำผิดกฎหมายของบุคคลผู้ชี้นิ้ว (DILDO) มิฉะนั้น ประเทศก็จะต้องประสบกับความเสียหาย ไร้หลักนิติธรรม ไร้ศีลธรรม และไร้มนุษยธรรม
เพราะที่ Mexico ในอดีตกาล เผด็จการเขาใช้หลักที่ว่า #หมาที่มีกระดูกอยู่ในปากจะไม่เห่าและจะไม่กัด แต่ในประเทศไทยนั้น #หมาที่ได้กระดูกมันจะทั้งเห่าและทั้งกัดคนที่ขัดผลประโยชน์ของเจ้านายผู้ให้กระดูกมัน
พวกเขาต้องการสร้างประธานาธิบดีที่เป็นเผด็จการรัฐสภา ที่คนไทยผู้รู้ทันไม่ควรสนับสนุนและควรช่วยกันขัดขวาง…”
3. ช่วงนี้ คนไทยร่วมใจกันสู้กับเชื้อโรคโควิดไปก่อน
แต่หลังสงกรานต์ คนไทยที่รู้เท่าทันจะต้องร่วมใจกันต่อสู้กับ“เชื้อร้ายทางการเมือง” ที่ดื้อยา พยายามจะแย่งชิงอำนาจรัฐ ต้องการเขียนกติกาใหม่ เพื่อสร้างระบบการเมือง DIDAZO ที่ยอมสนองตอบผลประโยชน์ของนักโทษหนีคดีทุจริตโกงกิน โดยอ้างว่าต้องการประชาธิปไตย แต่แท้จริงเป็นประชาธิปไตยอสุรกายที่พุ่งเป้าจะบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี