“อุดมการณ์มั่นคง ตรงไปตรงมา ทำโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ทำโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง หนังสือพิมพ์แนวหน้า แน่นด้วยสาระข้อเท็จจริง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง บันเทิง กีฬา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ตระหนักและห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา(โควิด-19) สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7)” ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและกระจายไปเกือบทุกภูมิภาคของประเทศจากจุดเริ่มต้นที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อจนวันนี้ติดเชื้อมากกว่าวันละ 1,500-1,700 ราย...
nn ล่าสุด “หมอโอภาส การย์กวินพงศ์อธิบดีกรมควบคุมโรค” ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มีผู้ป่วยอาการหนัก 128 ราย และในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งมีอาการป่วยรุนแรงและคาดว่าน่าจะเสียชีวิต จำนวน 28 ราย เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดจึงเสนอให้ช่วยกัน “เวิร์กฟอร์มโฮม”...
nn จะโทษใครหรือ?? “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” อภิชาตบุตรของ “คนแดนไกล” นักการเมืองผู้หนีอาญาแผ่นดินนาม “ทักษิณ ชินวัตร” ฉวยโอกาสออกมากระแหนะกระแหนขับไล่ “ทหารแก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไร้ประสิทธิภาพบริหารแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ราว “ตาบอดคลำช้าง” บริหารบ้านเมืองไม่เอาไหนเยี่ยงนี้ควรเปิดทางให้ “บัณฑิต” ผู้มากปัญญาบริหารบ้านเมืองแทน ไอ้โหนนางห้อยกระสือกระหังที่เหม็นขี้หน้า “ทหารแก่” สบช่องผสมโรงกันอย่างสนุกสนาน ทว่าจะหาบัณฑิตนายกฯคนใหม่ที่ดีพร้อมบริหารราชการแผ่นดินในเพลานี้ได้ อย่างไรก็ตาม กติกานายกรัฐมนตรีต้องมาจากมาตรา 88ในรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 เพราะถ้าจะใช้กติกานายกฯคนนอกปรายตาไปก็เห็นแต่ประดา “นักการเมืองผู้ไร้จริยธรรมนักการเมือง ผู้ไม่เคยพูดความจริง” สลอนไปหมด ผสมผเสปนเปกับ “นักการเมืองที่เคียงข้างผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ประชาชน” ตอบคำถามนี้ทีเถิด“โอ๊ค ชินวัตร” พอจะทราบไหมนักการเมืองชังชาติเหล่านั้นมีใครบ้าง? ใช่ “สัมภเวสีแดนไกล”ที่เคยกอบโกยหากินจากภาษีพี่น้องประชาชนบนผืนแผ่นดินนี้ด้วย “กุศโลบายทุจริตเชิงนโยบาย” ไหม ได้โปรดกรุณาตอบให้ชัดครบจบจริงเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้สังคมไทยเรียนรู้และจดจำทีเถิด...
nnข่าวใหญ่ที่ “ไม้หน้าสาม” บอกเล่าช้าไปสักนิดกรณี “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (ทส.)” กรณี ป.ป.ท. มีมติปลด “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้พิทักษ์ผืนป่าแก่งกระจาน อดีตข้าราชการพลเรือนดีเด่นปี 2554” กระทำความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามป.อาญา มาตรา 157 ข้อหาเผาบ้านพักชาวกะเหรี่ยงบางกลอย จังหวัดเพชรบุรี ที่บุกรุกพื้นที่ป่าแก่งกระจานเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งโทษที่ต้องทัณฑ์นั้นคือให้ออกจากราชการ โดยการ “ปลดออก หรือไล่ออก” ประเด็นนี้น่าสนใจยิ่งเพราะถือเป็นการบั่นทอนทำลายขวัญข้าราชการที่มุ่งมั่นพิทักษ์ผืนป่า และสัตว์ป่าการผลักดันชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกป่า และมีพฤติกรรมไล่ล่าสัตว์ป่า เป็นโจทย์ใหญ่ซึ่งรัฐจะต้องหามาตรการที่สมดุลในการอนุรักษ์ กับเรื่องสิทธิมนุษยชนของ “ชนกลุ่มน้อย, ชาติพันธุ์” ที่มีกลุ่มทุนต่างชาติ (เอ็นจีโอ) ถือหางให้ท้าย เพราะที่ผ่านมาวันดีคืนดีประเทศไทยถูกเวทีต่างชาติกดดันในฐานะที่เป็นประเทศสนับสนุนส่งเสริมการล่าสัตว์ป่าสัตว์สงวน ส่งผลกระทบถูกต่างชาติกดดันกีดกั้นทางการค้าด้วยเงื่อนไขเดิม ครั้นเมื่อรัฐเข้มงวดตรวจตราใช้กฎหมายเข้มข้นเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่ากลับเจอดำเนินคดีอย่างมีเงื่อนงำ เช่นกรณี “พญาเสือชัยวัฒน์”...
nn ว่ากันว่า “ชนกลุ่มน้อยที่อ้างสิทธิมนุษยชน” ส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมรับออเดอร์จาก “ขบวนการลักลอบล่าสัตว์ป่าข้ามชาติบ้าง ไฮโซไฮซ้อมหาเศรษฐีเมืองไทยบ้าง” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนอาวุธที่ล้ำสมัย แถมมีเงินก้อนโตล่อตาล่อใจในการล่าสัตว์ป่า การปะทะกับพรานป่า หรือชนเผ่าบ่อยครั้ง น่าเศร้าใจที่หลายเหตุการณ์เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าตกเป็นเป้าคมกระสุนพรานป่า เพราะมีอาวุธที่ร้ายแรงกว่าเจ้าหน้าที่ ...
nn ล่าสุดกรณี “กลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ” เปิดฉากยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หนึ่งในพรานป่ากลุ่มนี้ถูกจับกุมได้คือ “ซูดิ๊ เวนะ” พนักงานสอบสวนสภ.แก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน รวมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ พบ “ซากลูกช้าง” ถูกยิงที่บริเวณศีรษะ งวงและอวัยวะเพศถูกตัด ซึ่งเป็นการฆ่าที่โหดเหี้ยมที่สุด ทว่ากลุ่มพรานพร้อมอาวุธสงครามหนีไปได้ 2 ราย ทิ้งไว้แต่ปลอกกระสุนอาก้า และคาร์บิน ไว้ให้ดูต่างหน้าแม้ผู้ต้องหาจะยอมรับสารภาพว่าร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน พกพาอาวุธปืนร้ายแรงล่าสัตว์ป่า แต่กลุ่มชาติพันธุ์กลับออกมาให้ข่าวพลิกลิ้นสองแฉกสร้างความสับสนต่างๆ นานาว่า... “ถูกเจ้าหน้าที่ใส่ร้าย” พวกเขาแค่เข้าไปตีรังผึ้งเท่านั้น นับเป็นข้ออ้างที่คลาสสิกตลอดกาลก็ว่าได้ เมื่อผู้พิทักษ์ป่ายึดมั่นในอุดมการณ์ปกป้องผืนป่า และสัตว์ป่าถูกกลเกมของคนโลภสาดสีตีไข่เช่นนี้ อนาคตสัตว์ป่า จะถูกพวกคนบาปเหล่านี้ไล่ล่าอย่างไม่มีวันจบสิ้นกระนั้นหรือ???...
nn “โลกโซเชียล”พิพากษาประณามกรณีที่มีการเผยแพร่แชทไลน์การสนทนาระหว่าง “นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนของไทยซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำมวลชน “กลุ่มราษฎร 2563” อย่าง “ลูกเกด-ชลธิชา แจ้งเร็ว” ที่มีการพูดคุยคล้ายรายงานผลสัมฤทธิ์กิจกรรมชุมนุมทางการเมืองของม็อบ 3 กีบให้จารชนต่างชาติที่ใช้นามแฝงในไลน์ว่า “Agent H.” ทำให้เกิดคำถามว่า Agent H. นั้นเป็นนามแฝงของจารชนชาติใด และที่สำคัญยังตั้งประเด็นของ Agent H. ว่าใช่ฝรั่งสัญชาติมะกัน นี้เป็นท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง “ขบวนการม็อบ 3 กีบ” ผ่าน ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือไม่ เพราะมีการวางแผนกันอย่างดีมีโค้ดแสดงตัวบุคคลอย่างมืออาชีพ...
nn ล่าสุด มีการเปิดเผยแชทเพิ่มรัวๆ อีกชุดหนึ่งโดยบอกว่า เป็นการสนทนากันระหว่าง “ลูกเกด กับ Agent H.” ที่มีลักษณะการเร่งเร้าให้สถานการณ์การชุมนุมในประเทศไทยเกิดความรุนแรงขึ้น โดยมีการส่งข่าวสารการชุมนุมในเมียนมา และการสลายการชุมนุมกระทั่งที่มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตกว่า 700 ราย โดยบอกว่า ต้องทำให้มีประชาชนเสียชีวิตแบบเมียนมา เพื่อที่จะกดดันให้ “ทหารแก่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” คุมสถานการณ์ไม่ได้ พร้อมกับทิ้งท้ายว่า หากภารกิจสำเร็จจะยอมจ่ายไม่อั้นด้วย? “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา”...
nn ทิ้งท้ายชื่นชมโครงการดีๆ สักนิดด้วยวิวัฒนาการก้าวไกล คมนาคมก้าวหน้า “วิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า” ก็ประกาศความตื่นเต้นดีใจ บริการเรือเฟอร์รี่ข้ามภูมิภาค “จาก “ท่าเรือจุกเสม็ด สัตหีบ ศรีราชา ชลบุรี ไปถึงท่าเรือสวัสดิ์วัฒนา สงขลา” โดย “บริษัทซีฮอส” เพื่อเชื่อมต่อระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกไปยังระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่ยาวที่สุดด้วยระยะทาง 600 กิโลเมตร ในขณะที่เดินทางทางถนนใช้ระยะทางราว 1,000 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินทางจากเสม็ดถึงสงขลาราว 20 ชั่วโมง เป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นการเพิ่มศักยภาพการขนส่งทางน้ำ ลดต้นทุนการขนส่ง, ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและลดมลพิษฝุ่นละออง PM2.5 ด้วย โดยเรือดังกล่าวสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ราว 600 คน รถเทรลเลอร์ 80 คัน และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอีก 20 คัน แว่วว่ากำลังจะเพิ่มขยายเส้นทางเดินเรือเพิ่มอีก 3 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1 สัตหีบ-หัวหิน-ปราณบุรี, 2.สัตหีบ-เกาะช้าง-สีหนุวิลล์ -โฮจิมินห์และ 3.สัตหีบ-เกาะสมุย-สิงคโปร์
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี