หนังสือ “สิบวันเขย่าโลก” และ “กรงเล็บปีศาจ” แปลโดย สุทิน วรรณบวร
ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 73 หน้าฝน อยู่มาจนได้เห็นความขัดแย้งทางการเมืองนานกว่าหกทศวรรษโดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองที่ก้าวล่วงไปถึงสถาบันฯ
เราเติบโตทันได้รับรู้วันเสียงปืนแตก 8 ส.ค.2508 ตอนนั้นเริ่มการพูดจากปลุกระดมคุกคามสถาบันฯ ตลอดถึงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมประเพณีเคยได้ยินเสียงปลุกระดมให้จับปืนเข้าป่าลุกขึ้นมาสู้กับอำนาจรัฐ
จากทศวรรษ 2510 เมื่อผันชีวิตบ้านป่ามาเป็นคนเมือง ก็ได้รู้ได้เห็นการต่อสู้ทางการเมืองระบอบรัฐสภา ในยุคนั้นประเด็นที่ถกเถียงกันคือ เผด็จการทหาร คอมมิวนิสต์ ทุนนิยมการปลุกระดมต่อต้านสถาบัน มีบ้างประปรายแต่ส่วนใหญ่มาจากวิทยุคลื่นสั้นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
จนกระทั่งถึงปี 2516 หนังสือเกี่ยวลัทธิมาร์กซิส เลนิน หนังสือเกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย (บอลเชวิค) ลัทธิสังคมนิยมมีแพร่หลายทั้งบนดินใต้ดิน ได้ฟังเพลง คนกับควาย เพลงรวงข้าว ฯลฯ ได้เห็นคนนุ่งกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อถุงแป้ง สะพายย่ามรองเท้าแตะ การปลุกระดมต่อต้านสถาบันฯเริ่มมีประปรายในหมู่นักการเมืองปัญญาชน ตลอดจนถึงนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
การต่อสู้ทางการเมืองที่พาดพิงถึงสถาบันเข้มข้นขึ้นตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมาเมื่อฝ่ายสังคมนิยมเป็นที่ยอมรับแพร่หลาย การต่อสู้ทางลัทธิ อุดมการณ์ที่ก้าวล่วงไปถึงการคุมคามสถาบันฯก็เข้มข้นขึ้นตามลำดับทั้งในหมู่ปัญญาชนเมืองและในชนบทห่างไกล
หลังเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ที่มีการสังหารหมู่นักศึกษาโดยใช้ข้อหาลบหลู่สถาบันฯเป็นข้ออ้าง ทำให้นักศึกษาจำนวนมากหนีตายเข้าป่าไปพร้อมความแค้นฝังใจ แม้หลายปีต่อมารัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรมทั่วไป รับนักศึกษารับทหารป่าเข้าโครงการร่วมพัฒนาชาติไทย
นักศึกษาและทหารป่าส่วนใหญ่ กลับมาใช้ชีวิตในเมือง กลับมาเรียนต่อจนจบการศึกษาทำมาหากินเหมือนชาวบ้านทั่วไป แต่ยังมีนักศึกษาและอดีตทหารป่าบางส่วนที่ฝังใจลัทธิสังคมนิยม ลัทธิคอมมิวนิสต์และความแค้นฝังใจมาแต่ในอดีต
ตั้งแต่ออกจากป่า 2525 เป็นต้นมาจนถึงวันที่ภัยคอมมิวนิสต์หมดไปจากประเทศไทยในทศวรรษ 2530 อดีตนักศึกษาและทหารป่าที่ฝังใจในความแค้นต่อสถาบันและหลงละเมออยู่กับลัทธิที่พ้นยุคหมดสมัย เมื่อได้โอกาสสั่นคลอนสถาบันคนเหล่านั้นก็ทำทันที
ขบวนการสั่นคลอนสถาบันที่ดูเหมือนว่าจะเงียบหายไปเกือบยี่สิบปีเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่หลังพฤษภาทมิฬ 2535 เมื่ออดีตนักศึกษาที่เคยเข้าป่าเปิดฉากเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันฯมาจากอเมริกา
การใส่ร้ายป้ายสีโจมตีสถาบันได้รับการตอบรับและขยายความไปมาในหมู่อดีตนักศึกษาอดีตทหารป่าในประเทศที่ได้เข้าไปมีบทบาททางการเมืองกับอดีตนักศึกษาที่ลงหลักปักฐานในอเมริกา
และขบวนการกัดแซะสั่นคลอนสถาบันก็ขยายตัวเติบโตถึงจุดเดือดเมื่ออดีตนักศึกษาและอดีตทหารป่าได้กลายเป็นมันสมองและกำลังสำคัญของ #ธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติพยาบาทสถาบัน# ในต้นทศวรรษ 2540
2540 เป็นทศวรรษแห่งความมืดมนที่ธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติพยาบาทสถาบัน ประสานเป็นเนื้อเดียวกับอดีตนักศึกษาและอดีตทหารป่า นับว่าเป็นห้วงเวลาที่ภัยคุกคามสถาบันฯร้ายแรงที่สุดเท่าที่พบเห็นมา
เพราะว่าในยุคนั้นมีการโจมตีใส่ร้ายสถาบันอย่างเป็นระบบจากทั้งในและต่างประเทศ ด้านต่างประเทศฝ่ายทุนสามานย์ฯลงทุนจ้างล็อบบี้ยิสต์ บริษัทประชาสัมพันธ์ จัดตั้งสถาบันศูนย์ศึกษาในต่างประเทศเพื่อด้อยค่าทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันโดยเฉพาะ
ที่สำคัญฝ่ายทุนสามานย์ฯจัดการให้อดีตนักข่าวอเมริกันที่เคยมาทำงานในประเทศไทยเขียนหนังสือชื่ิอ The King Never Smile ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลใส่ร้ายที่นำไปขยายความในสื่อต่างประเทศ
ในเวลาเดียวกันอดีตทหารป่าอดีตนักศึกษาที่เคยหนีเข้าป่าและบริวารรุ่นใหม่ของทุนสามานย์ฯ เปิดสถานวิทยุ สถานีโทรทัศน์ สื่อสังคม จัดการรายการโจมตีสถาบันโจ๋งครึ่ม นอกจากนั้นยังมีแกนนำมวลชนจัดตั้งชุมชน หมู่บ้านต่อต้านสถาบันออกหน้าท้าทาย
แต่หลังจากทหารเข้าควบคุมอำนาจ 22 พ.ค. 2557 เป็นต้นมา ภัยคุกคามสถาบันดูเหมือนว่าลดน้อยถอยลงไปมาก สื่อต่างประเทศลดความร้อนแรงลงไป หมู่บ้านชุมชนโจมตีสถาบันค่อยๆ สลายตัวตามลำดับ แกนนำต่อต้านสถาบันฯหลายคนกลับตัวกลับใจหลายคนลดบทบาทลง มีบ้างที่ติดคุกติดตะรางคดีอาญา แต่ส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับคดีละเมิดสถาบันฯ
ตั้งแต่ปี 2508 เป็นต้นมา เราพบว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ถูกคุกคามโดยลัทธิอุดมการณ์การเมือง ความแค้นฝังใจและความมักใหญ่ใฝ่สูงของคนบางกลุ่มอย่างร้ายแรงมาเป็นระยะๆ
#แต่แทนที่จะสั่นคลอนหรือกระทบกระเทือนหวั่นไหว สถาบันกลับเจริญรุ่งเรืองแข็งแรงมั่นคงที่เป็นหลักยึดมั่นเป็นศูนย์ดวงใจของคนมากขึ้นทุกวัน#
ในทางกลับกันผู้ที่คิดร้ายต่อสถาบันฯส่วนใหญ่แพ้ภัยตัวเอง ยุติบทบาทลงไป กลับเนื้อกลับตัวเปลี่ยนใจมาเป็นฝ่ายอยู่ข้างสถาบันฯมากขึ้นทุกวัน ไม่เชื่อให้ลองสังเกตคนในหมู่บ้าน ตำบล ในชุมชนใกล้ๆ ตัว จะพบว่าคนที่เคยต่อต้านสถาบันฯได้เปลี่ยนท่าทีและที่ลดบทบาทมีมากขึ้นทุกวัน
เขียนมายืดยาวก็เพื่อให้เพื่อนๆได้ลดความกังวลกับสิ่งที่ได้เห็นพฤติกรรมจาบจ้วงก้าวร้าวของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งมีหลายชื่อแต่ส่วนใหญ่อ้างถึงคณะราษฎร เมื่อปี 2475ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่หลงละเมอเพ้อพกอยู่กับอดีตที่ล้มเหลว ทั้งๆ ที่วันนี้ บริบทสังคมสถานการณ์ เงื่อนไข เหตุปัจจัยไม่อำนวยให้พวกให้คนที่ตัวเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ร้ายไปได้มากกว่านี้
สุทิน วรรณบวร
ปล.ในยุคลัทธิการเมืองแพร่หลายได้แปลหนังสือไว้หลายเล่มที่เป็นไฮไลท์ก็มีเรื่อง #สิบวันเขย่าโลก กับ กรงเล็บปีศาจ# เรื่องราวปฏิวัติบอลเชวิคและต่อต้านเผด็จการในกรีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี