รู้ทันทุกความเคลื่อนไหวในสังคมไทยแน่นด้วยเนื้อหาสาระที่กลั่นออกมาคือข่าวสารข้อเท็จจริงที่ไม่ควรพลาด “อุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมาwww.naewna.com หนังสือพิมพ์แนวหน้า “ฉบับนี้” บุคคลแนวหน้าโดย “ไม้หน้าสาม” ยังเกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกที่ 3” อย่างใกล้ชิดแม้ล่าสุด ทำลายสถิติไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันเดียวกว่า 1.4 พันราย ผู้ติดเชื้อภายในประเทศ และมีผู้เสียชีวิตวานนี้มากถึง 7 ราย คลัสเตอร์จากสถานบันเทิงเริงรมย์เสนาบดีผู้มีอันจะกิน แพร่กระจายเป็นวงกว้างลามทั่วประเทศ “คริสตัลคลับ” และ “เอมเมอรัลด์ผับ” คืออัครสถานบันเทิงที่เป็นต้นน้ำการแพร่เชื้อโควิดรอบใหม่ น่าสนใจตรงที่ “คริสตัลคลับ” คือจุดนัดหมายใช้หารือกับ “ตัวแทนนักลงทุน กับ พ่อค้าวาณิช” เพื่อที่จะศึกษาการลงทุนที่อาจได้เปรียบทางธุรกิจใน “เมกะโปรเจกท์ของรัฐ” ใน “ยุคดิจิทัล 5G - การค้าเสรี” ที่ปราศจากการ “ฮั้วประมูล” ไร้การ “ล็อบบี้” แต่นิยมการดูแลปูเสื่อเลี้ยงรับรองตกลงราคาผลประโยชน์ตอบแทนยังคงเป็นมนต์ขลังเพื่อที่จะได้งานจากหน่วยงานราชการผ่าน “ตั๋วนักการเมือง-รัฐมนตรี” ทำให้ดัชนีไอ้ขี้โกงในยุคนี้จึงยังพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ สมคำร่ำลือที่ว่า “เชื้อชั่วไม่มีวันตาย”...
nn กรณีนี้ “ทหารแก่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “กัปตันเรือแป๊ะ” จะโบ้ยใบ้อารมณ์เสียใส่นักข่าว... “อะไรจะเกิด..ก็ต้องเกิด” มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ กระแสพัดเหวี่ยงเกรี้ยวกราดกลายเป็นคลิปไวรัลแพร่กระจายไปสู่สังคมวงกว้างอย่างรวดเร็ว ในฐานะผู้นำรัฐบาลควรฉุกคิดต้นเรื่องที่สังคมกำลังกระพือข้อสงสัยว่าคือตัวพาหะครั้งนี้ในคืนเดือนแรมก็ลองหยิกเล็บเจ็บเนื้อโชว์สปิริตท่านผู้นำเรียก มาฟื้นฝอยหาตะเข็บสักหน่อยก็น่าจะเป็นเหตุเป็นผลมิใช่น้อย...
nn พอถึง “วันข้างแรม ... พระจันทร์มืดเหลือแค่ดาวระยิบระยับ” ก็ขยิบตาให้ “สิระ เจนจาคะ สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร” เคลื่อนไหว ประกาศกร้าวจะเชิญ “บิ๊กโอ๋-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยและ เสนาบดีกระทรวงหูกวางคมนาคม” เข้าชี้แจงไทม์ไลน์การติดเชื้อโควิด-19 หลังนอนสงบเสงี่ยมเจียมตนรักษาตัวจากอาการป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่โรงพยาบาลจนหายไข้มาชี้แจงว่าไทม์ไลน์สืบเนื่องมาจากเสียงอื้ออึงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเวลานี้ เพื่อให้สังคมไทยได้รับรู้ได้พิจารณาพิพากษาตัดสินในเร็ววัน...nn งานนี้ถ้าไม่มีมูล “ท่านผู้ทรงเกียรติ – สิระ เจนจาคะ” คงไม่ “เปิดหน้าแย็บก่อนปล่อยฮุกซ้ายอัปเปอร์คัตขวา” เป็นแน่แท้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นอีกครั้งที่เจ็บฟรีหน้าแหกแตกจนหมอไม่รับเย็บแอนตาซิลไม่จ่าย ไม่ใช่แค่ขู่ให้เป็นข่าวเบี่ยงเบนประเด็น “ตาบอดคลำช้าง – วัคซีนโควิด-19”...
nn สองวันก่อน “หมอหนู – อนุทิน ชาญวีรกูล”กระซุ่นแถลงว่า “ไทยไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอนำส่งวัคซีนโควิด-19 แต่ไทยจะยืนด้วยขาของตนเอง” ฟังแล้วให้ฮึกเหิมภูมิใจความเป็นชาติไทยยิ่งนัก พอตื่นจากภวังค์โถ!! “ถ่มน้ำลายรดฟ้า”นี่หว่า...
nn สำเหนียกไหม“สมุนไพรไทย – ตำรับยาไทย”มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานควบคู่ความเป็นชาติไทยสังคมไทยมาแต่สมัยบรรพกาลครั้งกรุงสุโขทัยต่อเนื่องตราบจนปัจจุบัน ดังจะเห็นภูมิปัญญาบรรพชนอยู่ในส่วนประกอบอาหารคาว-หวานนั้น เป็นยารักษาโรค ดูแลสุขภาพ และเป็นยาอายุวัฒนะได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันสมุนไพรไทยยังมีสรรพคุณดูแลด้านความสวยความงามจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก “แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” เคยฉุกคิดลดทิฐิแล้วหันหน้าหารือกันบ้างหรือไม่ดังคำที่ว่า “กฎพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันคือทิ้งคำว่า “ทิฐิ - ศักดิ์ศรี และจำไว้ว่าบนโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์” คำบรรยายหอมหวานของกระทรวงสาธารณสุข ที่ตั้งแท่นไปสู่การจัดทำ “แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 พ.ศ.2560-2564” ซ้ำยังสำรากสำรอกด้วยว่าภายใน 5 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นประเทศส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของอาเซียน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ อันจะนำมาสู่ความมั่นคงทางสุขภาพและความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยต่อไปแต่น่าเสียดายที่ “อนุทิน” ไร้สำเหนียกไม่ประสากับสมุนไพรไทยอย่างที่กระซุ่นแถลงไว้เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งแต่น้อย วันๆ ยังหลงกลิ่นอายควันสายเขียว ที่เคยเพาะบ่มเชื้อให้ประชาชนเกษตรกรไทยเฝ้านิมิต “กัญชงกัญชากู้ชาติ ปลูกกัญชาพารวย” ถึงเวลาที่หมอหนูควรเลิก “ตระบัดสัตย์” ปฏิรูปวงการสาธารณสุขไทยทุ่มเทพัฒนาสมุนไพรไทยให้โกอินเตอร์ พร้อมเพิ่มงบประมาณวิจัยต่อยอดตำรับยาสมุนไพรไทยแผนโบราณทดแทนการนำเข้ายาปฏิชีวนะบางประเภทอย่างแท้จริง อย่างน้อยเวลานี้ มีสมุนไพรไทยหลายชนิดสามารถมาประกอบอาหารสู้รบกับโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี อาทิ “ฟ้าทะลายโจร, กระชายขาว, ใบยาสูบ” ก็ควรจะใช้วิกฤตินี้ส่งเสริมผลักดันให้เป็นรูปธรรม เพื่อความรุ่งเรืองของวงการสาธารณสุขไทยและของโลกโดยเร็ววัน เรื่อง่ายๆ เยี่ยงนี้ ไม่ต้องรอแก้กฎหมายไม่ต้องนิรโทษกรรมเกษตรกรแหกตาชาวบ้านทั้งสิ้น ดังคำ“ขงจื๊อ”ที่ว่า “คนที่รู้การศึกษาสู้คนที่ชอบเรียนไม่ได้ คนที่ชอบศึกษาสู้คนที่มีความสุขกับการศึกษาไม่ได้”...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี