เป็นภิกษุไร้หลักธรรมอันถ่องแท้
แค่เผยแผ่ติดตลกพอขำขำ
เป็นพระไม่เข้าใจกฎแห่งกรรม
กฎหมายเพียงมาทำเป็นเครื่องมือ
ให้รับกรรมตามระบอบกบิลเมือง
มันเป็นเรื่องทางโลกคนเขาถือ
ไม่ใช่ “กิจของสงฆ์” เขาร่ำลือ
ที่ทำคือ โลกวัชชะ...นะ พยอม ๚ะ๛
เอางี้นะ...
วันนี้ขอเปิดประเด็นด้วยบทกวีสอนคนห่มเหลืองของ “ศุภมาส เสนะเวส” เป็นบทกวีที่มีความหมายตรงกับไอ้เท่งหนังตะลุงที่ตำหนิพระไม่อยู่ในศีลกินในธรรมว่า “บวชหนีหนี้ บวชหนีงาน บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามชาวบ้าน”
คำพูดของไอ้เท่งยืนยันได้จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของคนห่มเหลืองว่า “สนุกตามชาวบ้าน” เพราะไม่ว่ามีเรื่องอะไร ที่เป็นประเด็นดังสังคมกำลังกล่าวขานห่มเหลืองคนนั้นก็เล่นด้วย แต่เน้นวาทะที่ตลกโปกฮาเช่นว่า “ถ้าให้หมาเลือกเหล้ากับขี้ ลองทายซิว่าหมาจะเลือกอะไร”
วันนี้กลุ่มชังชาติพยาบาทสถาบันปลุกระดมปลุกปั่นกระแสกดดันให้ศาลปล่อยจำเลยคดีอาญามาตรา 112 ซึ่งมีโทษหนักเพราะเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
นอกจากหมิ่นพระมหากษัตริย์และราชวงศ์แล้วจำเลยในคดีนี้ยังคุกคามให้ตรวจสอบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ให้ปฏิรูปสถาบันฯแต่จากพฤติกรรมที่กระทำซ้ำซากอนุมานได้ว่าคนกลุ่มนี้มีเป้าหมายล้มล้างสถาบันฯ ให้ได้ในเร็ววัน
ถึงได้ประกาศว่า “ให้มันจบในรุ่นเรา” เมื่อจำเลยกลุ่มนี้ประกาศล้มล้างสถาบันฯให้ได้ในเร็ววันขึ้นมา ปรากฏว่าบรรดานักวิชาการกลุ่มที่ล้างสมองนศ.ให้ชิงชังสถาบันฯกับกลุ่มทุนสามานย์ปล้นชาติพยาบาทสถาบันฯ แห่กันออกมาสรรเสริญเยินยอว่าจำเลยเหล่านี้เป็นคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าที่กล้าหาญออกมาท้าทายสถาบันฯ โดยที่ไม่เคยมีคนรุ่นไหนหรือใครกล้าทำ...
จากการสรรเสริญเยินยอส่งเสริมให้ท้ายสนับสนุนทั้งกำลังคนและปัจจัยทำให้บรรดาจำเลยที่เรียกตัวเองว่าคนรุ่นใหม่ เหลิงในความยิ่งใหญ่และเข้าใจเอาเองว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยเห็นด้วย
จำเลยจึงเหิมเกริมในพฤติกรรมจัดการชุมนุมประท้วงตำหนิด่าว่าสถาบันฯด้วยภาษาหยาบชั่วช้าเลวทรามมากขึ้นทุกวัน เมื่อเจ้าหน้าที่ห้ามปรามขัดขวางก็ต่อสู้ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินของราชการและทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย
เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายก็มีนักการเมืองไปประกันตัวให้ ตลอดถึงใช้ผู้ที่อ้างว่าเป็นนักการทูตต่างชาติมากดดันให้ปล่อยจำเลยโดยไม่มีเงื่อนไข
การจับแล้วปล่อยๆๆ ให้ออกมาสร้างความชั่วช้าเลวร้ายต่ำทรามมากขึ้นไปหลายครั้งหลายคราสร้างความโกรธแค้นไม่พอใจให้กับคนไทยส่วนใหญ่ที่เคารพรักศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงวุ่นวายได้ถ้าประชาชนส่วนใหญ่หมดความอดทน
จนสุดท้ายศาลได้พิจารณาเห็นว่าการกระทำของจำเลยกระทบกระเทือนจิตใจคนส่วนใหญ่ ประกอบกับพฤติกรรมทำผิดกฎหมายซ้ำซาก ศาลเคยเมตตาให้ปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้วหลายครั้งแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล ยังไปเดินสายทำในสิ่งที่ ก.ม.ห้ามจึงมีคำสั่งให้คุมขังจำเลยไว้จนพิจารณาคดีแล้วเสร็จ
พอศาลไม่ให้ประกันตัวขบวนการนักกฎหมายที่มีเป้าหมายล้มเจ้า ก็ออกมาโวยวายว่าไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมสากล แต่กลุ่มคนรักชาติและนักกฎหมายฝ่ายจงรักภักดีออกมาตอบโต้ว่ามีหลายคดีที่ต้องคุมขังจำเลยไว้ระหว่างพิจารณา
เราไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ก็ตอบโต้ไปว่าหลักยุติธรรมสากลอะไรที่ไม่ให้ขังจำเลยระหว่างพิจารณาคดีดูตัวอย่างในสหรัฐอเมริกาสิ มีจำเลยคนหนึ่งโทรศัพท์ไปขู่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันที่ 5 มี.ค. วันที่ 20อัยการนำจำเลยขึ้นฟ้องศาลรัฐบาลกลาง (Federal Judge) มีคำสั่งให้ขังจำเลยไว้จนพิจารณาคดีแล้วเสร็จ
แค่โทรศัพท์ขู่ประธานาธิบดีศาลยังมีคำสั่งให้ขังไว้จนคดีแล้วเสร็จ แต่จำเลยในเมืองไทยด่าเจ้าด่าราชวงศ์ด้วยคำกักขฬะชั่วช้าหยาบคายซ้ำซากมาหลายเดือนประชาชนส่วนใหญ่จึงเห็นด้วยที่ไม่ให้ประกันตัว
เมื่อการเคลื่อนไหวของนักวิชาการล้มเจ้าซาลงไป จำเลยกลับมีพฤติกรรมเลวทรามครั้งใหญ่ เมื่อถึงวันศาลนัดตรวจเอกสารจำเลยย่ามใจลุกขึ้นยืนบนม้านั่งอ่านแถลงการณ์โจมตีศาลหน้าบัลลังก์ดังที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีคนแสดงพฤติกรรมไม่เคารพศาล ไม่เคารพสถาบันฯ ไม่เคารพรัฐบาล ไม่เคารพก.ม. ไม่เคารพรัฐสภา ซึ่งเป็นสันดานชั่วช้าเกินเยียวยาที่ประกาศในศาลว่าถ้าไม่ได้รับอิสรภาพจะอดอาหารจนตาย
สถิติจากกรมราชทัณฑ์เมื่อเดือน ก.พ. 2564 พบว่ามีผู้ต้องขังในเรือนจำ 125 แห่งทั่วประเทศ รวมกัน313,167 คน ถ้าผู้ต้องขังอดอาหารประท้วงแล้วได้รับอิสรภาพ ผู้ต้องขังสามแสนกว่าคนไม่อดอาหารตามด้วยหรือ
แต่ขบวนการล้มเจ้าไม่ยอมเข้าใจ ไม่ยอมรับก.ม.ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม กลับสร้างประเด็นเคลื่อนไหวใหม่ “ให้ไว้ชีวิตเพื่อนเรา” (#Save..ชื่อจำเลย) ปล่อยเพื่อนเรา (Free our friend) ที่เขียนเป็นภาษาฝรั่งแขวนคอก็เพื่อให้นายจ้างฝรั่งเห็นได้ว่าทำงานคุ้มค่าจ้างให้มาสร้างความวุ่นวายในประเทศไทยแล้ว
แต่แคมเปญปล่อยเพื่อนเรา รักษาชีวิตเพื่อนเราไม่ได้ผล ขบวนการล้มเจ้ามาแนวใหม่ปั่นกระแสความรักความห่วงใยในแม่ที่มีต่อลูกแต่มันไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะสังคมเห็นว่าถ้ารักลูกห่วงลูกทำไมยอมปล่อยให้ลูกทำตัวเป็นคนพาล ทำไมไม่ห้ามไม่ให้ทำผิดก.ม.ตั้งแต่ต้น ถึงตอนนี้กระบวนโหนกระแสแห่คนคุกสนุกตามชาวบ้าน คนห่มเหลืองเทศน์ตลกก็ออกมา
ให้สัมภาษณ์รายการ “กัลยาโณโอเค” ว่า..“อาตมาขอบิณฑบาตชีวิตคุณเพนกวิ้นและรุ้ง เลิกอดอาหาร เพื่อมีชีวิตไว้ดูการเปลี่ยนแปลง #เมื่อฟ้าหลังฝน ถ้าเกิดเสียชีวิตไปเสียตอนนี้ ถึงแม้ว่าคุณแม่ของเพนกวินเอง จะเห็นด้วยในอุดมการณ์ของลูก แต่เชื่อว่าหัวใจของคนเป็นแม่นั้น ลึกๆ แล้ว คงไม่อยากให้ลูกจากไปตอนนี้แน่นอน...”
คนห่มเหลืองที่เคยประชดศาลเอาหลักฐานที่แพ้คดีมาถ่ายเอกสารทำเป็นถุงใส่กล้วยแขกพูดถึงกรณีอดอาหารว่า...
“กรณีเพนกวินที่อดอาหารต่อเนื่องยาวเกินกว่าหนึ่งเดือนแล้วนั้น ถึงวันนี้นับว่าไม่ได้เสียเปล่า การเลิกอดอาหารก็ไม่ได้เสียอุดมการณ์ เพราะได้สะท้อนให้เห็นปัญหาของระบบยุติธรรมไทยได้มากแล้ว จึงไม่อยากให้คิดแต่เรื่องสู้ๆ เท่านั้น แต่อยากให้มองเรื่องสร้างๆ ด้วย ควรจะสู้ไปสร้างไป โดยจะขอบิณฑบาตชีวิต ขอให้ทั้งสองคนกลับมากินอาหาร เพื่อให้สมองสามารถคิดอ่านและสู้ไปสร้างไป อยากให้ทั้งสองคนมีชีวิตอยู่ #เพื่อรอดูการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
#“สมมตินะ ถึงคุณจะตายไป อาตมาเชื่อว่า กระบวนการยุติธรรมของไทย ก็คงจะไม่ได้รุ่งโรจน์โชติช่วง เพราะกระบวนการยุติธรรมก็ยังมีกิเลสยังมีอะไรที่เขาก็กลัวๆ อะไรของเขา# ...ทั้งเพนกวินและรุ้ง ต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อรอดูการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นด้วยตัวเอง
ถึงตอนนี้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ก็กระโจนออกมางับวาจาของพระเทศน์ตลกว่า...“เสียงจากพระพยอม กัลยาโณ และเสียงจากคนที่เป็นแม่ของผู้ถูกคุมขัง หรือ เสียงของประชาชน โดยส่วนใหญ่ ทุกคนต้องการให้รุ้งกับเพนกวินกลับมากินอาหาร # แต่สิ่งที่ใหญ่กว่านั้นเรื่องจะจบลงอย่างง่ายดาย คือ การอนุญาตให้การประกัน เพราะท้ายที่สุดการควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดีที่ขณะนี้ใช้เวลาคุมขังมาค่อนข้างนาน หากต้องการให้จำเลยได้รับบทเรียนหรือมีแนวคิดเช่นนี้ ส่วนตัวมองว่าเขาก็ได้ ซึมซับทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเพียงพอและมากแล้ว #
“ปล่อยเขาออกมาเถอะ ให้คนหนุ่มสาวได้กลับมาเรียนและคืนสู่อ้อมกอดของคนเป็นพ่อแม่ที่รอด้วยความทุกข์ระทม นี่จะเป็นความเมตตาที่ใหญ่ที่สุดที่ได้สำแดงในวันที่ประเทศลำบากที่สุด ประเทศนี้ไม่ควรจะมีนักโทษการเมือง”
บทความชิ้นนี้ขึ้นต้นด้วยบทกวีของศุภามาสเสนะเวส ที่สอนคนห่มเหลืองว่า ถ้าจิตกุศลมีเมตตาทำไมไม่บิณฑบาตให้จำเลยหยุดทำชั่วหยุดทำผิด ก.ม.ตั้งแต่แรก ตลอดถึงขบวนล้มเจ้าและพวกแห่โหนทั้งหลายถ้ามีความปรารถนาดีไม่ต้องการให้จำเลยติดคุกหรือตาย
“ทำไมไม่ตักเตือนไม่ให้จำเลยทำชั่วตั้งแต่ต้นถ้าไม่อยากให้จำเลยติดคุกหรือตายทำไมจึงล้างสมองยุยงส่งเสริมให้จำเลยทำผิดกฎหมาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือความจริงที่พูดกำกวมว่าจะเห็นฟ้าหลังฝนหรือกระบวนยุติธรรมเขามีความกลัวอะไรๆ ของเขาอยู่ คือการยุยงให้จำเลยติดคุกนานๆ หรือตายเพื่อจะได้ปั่นกระแสให้เกิดความรุนแรงต่อไป...”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี