มีคำถามว่าทำไมคนไทยจำนวนมากยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แม้กระทั่งบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากก็ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนตัวดังกล่าว
คำตอบคือ เพราะรัฐบาลไทยไม่สามารถจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนได้เพียงพอ
หากจะถามต่อไปว่า แล้วเหตุใดรัฐบาลจึงไม่สามารถจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เพียงพอกับจำนวนประชากร
คำตอบคือ เพราะรัฐบาลไทยสั่งซื้อวัคซีนตัวนี้ช้ากว่าประเทศอื่น
ส่วนที่มีผู้ตั้งประเด็นถามว่า รัฐบาลปิดกั้นไม่ยอมให้เอกชนนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ใช่หรือไม่
คำตอบคือ รัฐบาลบอกว่าไม่เคยปิดกั้นและหวงห้ามแต่การที่เอกชนจะนำเข้าวัคซีนดังกล่าวได้นั้น ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล (อ่านแล้วไม่ต้องขำนะครับ เขาบอกว่าไม่ปิดกั้น แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมโดยรัฐบาล)
มีผู้ตั้งคำถามเรื่องเอกชนนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้หรือไม่ ก็ได้คำตอบจากเลขาธิการสำนักงานอาหารและยา(อย.) นายไพศาล ดั่นคุ้ม ว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากต่างประเทศ แต่การนำเข้าต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับของสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องผ่านการควบคุม การลงทะเบียนผู้รับวัคซีน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนเมษายนปีนี้ มีเอกชน 14 รายขออนุญาตนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งนี้ อย. อนุมัติไปแล้ว 3 ราย
ขั้นตอนการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีดังนี้
1.เอกชนที่นำเข้าต้องได้รับอนุญาตก่อน และต้องแจ้งรายละเอียดชัดเจน เช่น สถานที่จัดเก็บ และมีเภสัชกรดูแล
2.การขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่อยู่ในความดูแลของ อย. จะเน้นในสามเรื่องคือ คุณภาพประสิทธิภาพของวัคซีน ความปลอดภัยในการนำไปใช้ และประสิทธิผลของวัคซีน โดย อย. บอกว่าจะอนุมัติภายใน 30 วันเมื่อเอกสารทุกอย่างครบถ้วน
การนำเข้ายาใดๆ ก็ตาม ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ อย. อย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้รับยา ซึ่งหลักการข้อนี้ วิญญูชนสามารถเข้าใจ และยอมรับได้ แต่มีคำถามที่สาธารณชนตั้งคำถามคือ แล้วเหตุใด อย. จึงต้องตรวจสอบและอนุมัติตัวยาที่นานาชาติให้การรับรองในประสิทธิภาพแล้ว โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรปให้การยอมรับว่าสามารถใช้กับมนุษย์ได้จริง
ข้อเท็จจริงที่วิญญูชนทั้งโลกต่างทราบดีคือ ปัจจุบันจำนวนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ เพราะกำลังการผลิตยังอยู่ในขั้นจำกัด แต่ความต้องการใช้วัคซีนตัวนี้มีสูงกว่ากำลังการผลิตหลายร้อยเท่า ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดปัญหาขาดแคลนวัคซีนตัวนี้
แต่หากจะถามว่า แล้วทำไมรัฐบาลไทยจึงสั่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ช้า ก็ต้องขออนุญาตตอบว่า ต้องไปถามรัฐบาลนะขอรับ เพราะเมื่อนักข่าวที่ติดตามข่าวนี้สอบถามไปยังรัฐบาล รัฐบาลก็ตอบทุกครั้งว่าไม่ได้สั่งนำเข้าช้า แต่เมื่อถามต่อไปว่า ถ้าไม่ได้สั่งช้า แล้วทำไมได้ของช้า ก็จะได้รับคำตอบว่าเพราะผลิตไม่ทัน ครั้นถามต่อไปอีกว่า แล้วทำไมหลายประเทศ เช่น อิสราเอล สิงคโปร์ และไต้หวัน (อันที่จริงไต้หวันไม่มีสถานภาพเป็นประเทศตามแนวคิดของสหประชาชาติ) จึงมีวัคซีนเพียงพอสำหรับฉีดให้ประชาชนอย่างครบถ้วน คำตอบนี้กลายเป็นความเงียบไปโดยพลัน
ในขณะที่ อย. บอกว่าไม่ได้ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเอกชน แถมยังเชิญชวนให้เอกชนร่วมกันนำเข้าด้วย แต่เมื่อไปฟังจากฟากฝั่งของเอกชนก็จะได้รับคำตอบที่แตกต่างไปจากคำพูดของ อย. อย่างสิ้นเชิง เพราะเอกชนบอกว่าไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้า แม้กระทั่งโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งที่เคยโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนไปลงทะเบียนเพื่อจองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ก็ต้องถอนโฆษณาออกไป หลังจากรัฐบาลบอกว่ายังไม่อนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนตัวนี้ และไม่อนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนฉีดวัคซีนตัวนี้ให้กับประชาชนโดยอิสระเสรี
มีข้อมูลจาก เลขาฯ อย. ระบุว่า ปัจจุบันทั่วโลกยังไม่อนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนฉีดวัคซีนตัวนี้ให้ประชาชน แต่รัฐบาลเป็นผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนโดยตรง เพราะเป็นช่วงของการใช้วัคซีนในสภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องสืบค้นกันต่อไปว่า คำพูดของ เลขาฯ อย. เป็นความจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ หลายประเทศมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนของเขาแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนตัวนี้ให้กับประชาชนทุกคน
ส่วนคำถามที่ว่า บริษัท AstraZeneca (Thailand) สามารถผลิตวัคซีนตัวนี้ในประเทศไทยได้จำนวน 10 ล้านโดส โดยผลิตในโรงงานของ Siam Bio Science แล้วเหตุใดจึงยังไม่นำวัคซีนที่เราผลิตได้ในประเทศไทยออกไปฉีดให้กับประชาชนที่กำลังรอวัคซีน
คำตอบเรื่องนี้ยังค่อนข้างสับสนมาก เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตอบว่าไม่ทราบเรื่องการผลิตได้ 10 ล้านโดส แต่บอกเพียงว่ามีสัญญาส่งมอบวัคซีนในเดือนมิถุนายน ปีนี้ ในขณะที่ เลขาฯ อย. เคยตอบคำถามเรื่องนี้กับผู้เขียน (เมื่อประมาณ 3 อาทิตย์มาแล้ว) ว่า อยู่ในขั้นตอนการตรวจโรงงานการผลิตว่าได้มาตรฐานสากลหรือไม่
ส่วนทางรัฐบาลไทย โดยรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน (วันที่ 8 เมษายน 2564) ว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นและห้ามเอกชนนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 และบอกว่าทั่วโลกสั่งจองวัคซีนตัวนี้แล้ว 9,600 ล้านโดสหลายประเทศสั่งซื้อจำนวนมากกว่าประชากรของตัวเอง2-3 เท่า ขณะที่วัคซีนถูกฉีดไปแล้วเพียง 658 ล้านโดสเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการสูงกว่าการผลิตอีกหลายเท่าตัว ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องระมัดระวังการที่จะอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนตัวนี้ได้โดยเสรี เพราะหากเกิดปัญหาการฉีดวัคซีนกับประชาชนขึ้นมา รัฐบาลก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ก็ต้องบอกว่า เรื่องที่รองโฆษกรัฐบาล และ เลขาฯ อย. พูดถึงเรื่องรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นหรือหวงห้ามเอกชนนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้นไม่แตกต่างกัน แต่คำถามก็ยังคงมีตามมาอีกคือ ถ้าไม่ได้ปิดกั้นเอกชนแล้ว ทำไมเอกชนไม่สามารถนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้
มีคำถามจากเอกชนว่า ถ้าเอกชนมีปัญญานำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นของแท้ ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และเป็นวัคซีนที่ใช้ในประเทศพัฒนาแล้ว รัฐบาลจะอนุญาตหรือไม่ แล้วทำไมที่ผ่านมาจึงไม่อนุญาต หรือเป็นเพราะว่ารัฐบาลกลัวเสียหน้า หากเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแท้ที่มีประสิทธิภาพได้ก่อนรัฐบาล หรือเป็นเพราะว่ารัฐบาลต้องการจะผูกขาดการนำเข้าวัคซีนตัวนี้ไว้ในกำมือ เพราะเห็นว่าการผูกขาดตลาดโดยรัฐบาลทำให้รัฐบาลได้ผลประโยชน์เชิงธุรกิจได้จำนวนมหาศาล
อันที่จริงยังมีคำถามอีกมากมายว่าทำไมในเบื้องต้นนั้น รัฐบาลไทยจึงไม่อนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 และถึงแม้รัฐบาลจะพยายามตอบโดยยกเหตุผลต่างๆ นานา แต่ก็ดูเสมือนว่าไม่ค่อยมีประชาชนจำนวนมากนักเชื่อคำพูดของรัฐบาล แถมมาในระยะนี้เมื่อเชื้อโควิด-19แพร่ระบาดหนักมากขึ้น และมีคนตายเพราะเชื้อโรคตัวนี้มากเกิน 100 คนไปแล้ว รัฐบาลไทยก็ยังไม่มีปัญญาหาโรงพยาบาลให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้เพียงพอและทันการณ์ ก็จึงทำให้เกิดคำถามจากสาธารณชนว่า ทำไมรัฐบาลไม่มีปัญญาหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
ก็ต้องขออนุญาตตอบ ณ ตรงนี้ว่า วัคซีนมีจำกัดจริงๆ รัฐบาลไทยคงไม่มีปัญญาหามาให้เพียงพอในช่วงเวลาที่คนทั้งโลกต้องการวัคซีนตัวนี้พร้อมๆ กัน อย่าไปคิดอะไรมากเลยคุณที่รัก คุณจำไม่ได้หรือว่า เมื่อปีก่อนนี้คนไทยก็หาหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์สำหรับใช้เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 ไม่ได้มาแล้ว อย่าลืมว่าหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ผลิตได้ง่ายกว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลายร้อยเท่า รัฐบาลยังไร้ปัญญาแก้ปัญหากับของง่ายๆ เลย แล้วคุณจะไปหวังอะไรกับการให้รัฐบาลไทยหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เพียงพอกับประชาชนในช่วงที่วัคซีนหาได้ยากเย็นยิ่งกว่าเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี