โคขวิดระบาดเป็นรอบที่สามแล้ว ทั้งสามครั้งเกิดขึ้นจากน้ำมือของบรรดาผู้มีอำนาจในบ้านเมืองซึ่งแวดวงอยู่กับอำนาจรัฐ โดยครั้งแรกเกิดระบาดที่สนามมวยลุมพินี ครั้งที่สองเกิดจากการขนแรงงานเถื่อนจากชายแดนพม่าไปยังจังหวัดสมุทรสาคร และครั้งที่สามเกิดขึ้นจาก “ผับไทยคู่ฟ้า” ซึ่งเปิดท้าทายเย้ยฟ้าท้าดินอยู่กลางเมือง
การระบาดแต่ละครั้งได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายทั้งประเทศชาติประชาชนอย่างมหาศาล ความเสียหายแต่ละครั้งคิดเป็นจำนวนเงินหลายล้านล้านบาท เป็นเหตุให้ประเทศไทยต้องกู้ยืมเงินมาใช้จ่ายหลายล้านล้านบาท ซึ่งจำนวนเท่าใดก็ยังไม่มีความแน่ชัดในขณะนี้
ที่ประชาชนทั่วประเทศเจ็บช้ำน้ำใจมากที่สุดก็คือ ในขณะที่มีการใช้อำนาจตามกฎหมายฉุกเฉิน จำกัดลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วประเทศอย่างแสนสาหัส จนกิจการทั้งหลายต้องปิดตัวเองลง ต้องมีการเลิกจ้าง ต้องว่างงานหรือขาดรายได้อันพึงมี เกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แต่ปรากฏว่าพวกกังฉินที่ก่อกรรมทำเข็ญกับประเทศชาติและประชาชนนั้นไม่มีใครต้องโทษทัณฑ์เลยแม้แต่คนเดียว ยังมีการบิดเบือนอำนาจ ปกป้องคุ้มครองให้เย้ยฟ้าท้าดินกันอยู่
สำหรับการออกมาตรการเกี่ยวกับโคขวิดโดยตรงนั้นมาถึงวันนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่ายังไม่สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ และมีแต่จะเพิ่มความเดือดร้อนเสียหายขึ้นจนสุดคณานับ
เดชะบุญที่แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง การระบาดรอบที่สามซึ่งมีการปั่นกระแสกันให้ตกใจกลัวว่าจะมีผู้ติดเชื้อในอัตราเพิ่มอย่างรวดเร็วเป็นทวีคูณวันละนับหมื่นคน
แต่ปรากฏว่าฟ้าไม่เข้าข้างกังฉิน อากาศประเทศไทยนับแต่วันโคขวิดระบาดรอบที่สามกลับร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับ 40-41 องศา ทำให้โคขวิดในที่โล่งแจ้งทนความร้อนเกิน 36 องศาไม่ได้และตายราบเรียบ จึงคงเหลือเชื้อที่ติดไปแพร่ระบาดในที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเทและที่อับหรือที่ชื้น หรือที่มีการสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด
เข้าสัปดาห์ที่สามแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,700 คน และค่อยๆ ลดจำนวนลงถึงระดับ 1,300 คน อันส่อว่ามีแนวโน้มที่การติดเชื้อจะลดลงไปอีก แต่ดูเหมือนว่ายังมีการปั่นกระแสเพื่อขยายมาตรการจำกัดลิดรอนสิทธิของประชาชนและภาคธุรกิจทั้งมวลมากขึ้นอีก
โดยที่มาตรการที่ปรากฏนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้นจึงสมควรที่จะได้ทบทวนคณะผู้บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินและมาตรการสักครั้งหนึ่ง ซึ่งจำเป็นจะต้องนำเสนอดังนี้
ประการแรก ใช้อำนาจตามกฎหมายฉุกเฉินให้นำเข้าวัคซีนโดยเสรี โดยรัฐบาลประเทศผู้ผลิตต้องรับรองวัคซีนนั้น
ดังเช่นวัคซีน AZ หรือซิโนแวค ที่เคยอนุญาตให้นำเข้ามาแล้วย่อมสามารถอนุญาตให้รายอื่น ๆ สามารถนำเข้าโดยเสรีได้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องจำกัดหรือผูกขาดการนำเข้าไว้เฉพาะราย ซึ่งคนทั้งหลายไม่มีทางเข้าใจเป็นอย่างอื่น นอกจากการทำมาหากินกับความเดือดร้อนของราษฎร
ใช้อำนาจเช่นนี้วันใดไม่นานประเทศไทยก็ไม่ขาดแคลนวัคซีนอีก และมีโอกาสที่จะได้นำวัคซีนที่ได้มาตรฐานและเป็นที่เชื่อถือเข้ามาใช้ โดยไม่ต้องเชิญชวนและเป็นภาระแก่รัฐดังที่เป็นอยู่
ประการที่สอง โดยเหตุผลอย่างเดียวกันกับประการแรก สมควรให้นำเข้าชุดตรวจไวรัสโดยเสรี ซึ่งมีราคาทุนแค่ชุดละ 200 บาท ไฉนจึงต้องผูกขาดเฉพาะรายและมีการแสวงหากำไรกันจนล้นพ้น คือเรียกเก็บค่าตรวจจากประชาชนตั้งแต่ครั้งละ 1,800-8,000 บาท และยังต้องตรวจถึงสองครั้งด้วย ทำให้ประชาชนเข้าใจว่านี่คือการปล้นประชาชนในยามยากเข็ญ แล้วจะทำไปทำไม
ประการที่สาม เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าการกักตัวสำหรับผู้ป่วยนั้นได้รับการรักษาไปเฉพาะตามอาการ คือเป็นไข้ เป็นหวัด ปวดหัว ไอ มีน้ำมูก ก็ให้ยาไปตามอาการ และกว่า 90% สามารถหายได้ในชั่วเวลาแค่ 3-8 วัน จึงสมควรประกาศให้ผู้ป่วยสามารถกักตัวอยู่ที่บ้านพักของตัวเองได้ โดยแนะนำวิธีการกักตัวและแนะนำรายชื่อยาที่ต้องใช้ ซึ่งจะลดรายจ่ายของรัฐจำนวนมหาศาลและทำให้ผู้ป่วยมีความสุขสบายมากขึ้น จนบัดนี้ไม่เคยมีการประกาศหรือให้ประชาชนทราบความจริง
เรื่องนี้เลย เพราะถ้าประชาชนทราบความจริงเรื่องนี้ก็จะคลายความตื่นตกใจกลัว ก็จะทำให้บ้านเมืองกลับเป็นปกติ แต่อาจจะกระทบการทำมาหากินของพวกกังฉินได้
มีผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อน เช่นเบาหวานที่มีผลกระทบต่อการรักษาตามอาการ ซึ่งปัจจุบันต้องให้ยาแก้ปอดบวม ทำให้คนไข้มีอาการหนักมากขึ้นและใช้เวลารักษามากขึ้น แต่อัตราผู้ป่วยประเภทนี้มีไม่ถึง 1% เท่านั้น นอกจากนั้นย่อมสามารถทราบโรคประจำตัวหรือโรคที่จะแทรกซ้อนได้ก่อนอยู่แล้ว ในกรณีเช่นนี้ถ้าใช้ยาค็อกเทลตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ 29 มีนาคม 2563 ก็จะหายได้ในเวลา 48 ชั่วโมง ดังปรากฏตามคำแถลงอย่างเป็นทางการของคณะแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั่งเป็นประธาน
ถ้าได้ใช้อำนาจตามกฎหมายฉุกเฉินเปิดเผยความจริง ประกาศรายชื่อยาที่รักษาตามอาการโดยทั่วไป แนะนำและอนุญาตให้ผู้ป่วยกักตัวรักษาที่บ้านได้ ความหวาดกลัวก็จะหมดสิ้นไป รายจ่ายของรัฐก็จะลดลง และบ้านเมืองก็จะกลับคืนสู่ความเป็นปกติ
ประการที่สี่ ขณะนี้กฎหมายฉุกเฉินยังให้อำนาจอยู่ ย่อมสามารถใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้ด้วย แต่องค์ประกอบของคณะผู้บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นหนักไปในทางการแพทย์ ดังนั้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและกิจการต่างๆ จึงไม่ปรากฏให้เห็น นอกจากการกู้เงินมาแจกชาวบ้านบางกลุ่มบางหมู่เท่านั้น
ถ้าใช้อำนาจตามกฎหมายฉุกเฉินทั้งสี่ประการนี้แล้วสถานการณ์ก็จะกลับคืนสู่ความเป็นปกติโดยเร็ว จะไม่ดีกว่าที่ทำมาแต่ก่อนหน้านี้หรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี