กระบวนการ “ค่อยๆถอย” เพื่อหาทางปล่อยเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ออกจากเรือนจำนั้น ซับซ้อนยิ่งกว่าละครช่องต่างๆ
1) แม่โอดครวญผ่านสื่อ ว่าลูกชายอาการหนักมาก ถ่ายออกมาเป็นชิ้นเนื้อ (ทั้งโลกหาข้อมูลกันใหญ่ ว่ามนุษย์สามารถถ่ายเป็นชิ้นเนื้อ ในเวลาที่ไม่กินอะไรลงไปเลยได้หรือไม่)
2) ราชทัณฑ์แถลงอาการ บอกว่าปกติ พูดคุยได้ลุกเดินทำกิจวัตรส่วนตัวได้ ไม่มีอาการถ่ายเป็นชิ้นเนื้อ
3) แม่บอก ฉันเป็นแม่ ให้ทุกคนฟังข้อมูลจากแม่ เพราะเขาเป็นลูกของฉัน (เออ... แล้วแม่ไปนั่งส่องขี้ลูกชายอีตอนไหนเหรอ?)
4) ยื่นขอประกันตัว ศาลขอเผยแพร่คำวินิจฉัยออนไลน์ในวันรุ่งขึ้น หน้าศาลก็โกลาหลอลเวงทันที มีการตะโกนด่าตำรวจควบคุมฝูงชนที่แจ้งเตือนว่า การกระทำของมวลชนขณะนั้น ผิดกฎหมาย ขอเตือนเป็นครั้งที่ 3 มวลชนนำโดยเบญจา อะปัญ ตะโกนใส่ตำรวจว่า “ขี้ข้าเผด็จการ” ไม่รู้พ่วงถึงศาลด้วยหรือเปล่า?
5) เบนจา อะปัญ จะนำรายชื่อยื่นให้แก่อธิบดีศาล คนอื่นมารับก็ไม่ยื่น สุดท้ายโปรยกระดาษรายชื่อที่บันไดศาล และพูดจาปราศรัยแบบดึงหน้ากากลงมาใต้คาง ไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม. ด่วนไปเทียบปรับเหมือนปรับนายกฯ เลย (ฮา....)
6) เบนจา อะปัญ ตะโกนผ่านไมโครโฟนว่า “ปล่อยเพื่อนเรา เขาไม่ได้ฆ่าใคร เขาไม่ได้ทำร้ายใคร เขาเป็นมนุษย์ เขาอายุยี่สิบกว่า ฯลฯ” ลืมดูข้อหา ว่าไม่มีการตั้งข้อหาฆ่าคนตายหรือทำร้ายร่างกายใครทั้งนั้น (พูดไปเรื่อย) เพื่อนเป็นมนุษย์ แต่ไม่ประพฤติตนตามข้อกฎหมายของ “สังคมมนุษย์” เพื่อก็ต้องถูกตั้งข้อหา ดำเนินคดีและมีพฤติกรรมเข้ากับ ป.วิอาญา มาตรา 108/1 ที่ทำให้ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อนอายุยี่สิบปลายๆ ก็ถูกดำเนินคดีในฐานะ “ผู้ใหญ่” ไม่ใช่เด็กและเยาวชน มีอะไรผิดไปจากสิ่งที่เบนจาพูดรึ?
7) ต่อมามีคำวินิจฉัยว่า ยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งพูดง่ายๆ ว่าศาลไม่ให้ประกัน เอะอะมะเทิ่งกันใหญ่ ถึงกับมีขบวนการนำคำสั่งดังกล่าวมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์หมายให้คนเห็นชื่อเสียงเรียงนามในเอกสารนั้น เหมือนประสงค์อะไรสักอย่าง
8) ทนายให้สัมภาษณ์ แม่ให้สัมภาษณ์ ว่าก็ทำเหมือน ไผ่ ดาวดิน เหมือน สมยศ พฤกษาเกษมสุขแล้ว ทำไมไม่ปล่อยเพนกวิ้น
9) ทวิตโตเนี่ยน พลเมืองในโลกทิพย์ แห่ติดแฮชแท็ก #saveเพนกวิ้น จนติดเทรนด์อันดับ 1 ซึ่งเป็นปฏิบัติการปกติ ไม่เคยเกินความสามารถของพลเมืองกลุ่มนี้
10) วันถัดมา ยื่นขอประกันใหม่ มีพิธี “โกนหัวร้องไห้”ให้เข้มขลังยิ่งขึ้น เมื่อลูกยอมอดข้าว แม่ก็ยอมเสียผมว่าซั่น!!
11) เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก หลังจากนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร จำเลยคนสำคัญคดี ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 พร้อมทนายความ เดินทางเพื่อยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวบุตรชาย และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง อีกครั้ง โดยนางสุรีรัตน์ ยังได้โกนหัวประท้วงด้วยนั้น
ล่าสุด ศาลอาญากำหนดนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 6 พ.ค. นี้ เวลา 10.00 น. พร้อมมีคำสั่งให้เบิกตัวจำเลยที่ 1 และที่ 5 มาในวันไต่สวน และให้แจ้งอัยการโจทก์ทราบด้วย
ด้าน นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของเพนกวิน กล่าวว่า การที่ศาลรับคำร้องเพื่อนัดไต่สวนถือเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลไม่เคยรับไว้พิจารณามาก่อน ส่วนประเด็นที่ราชทัณฑ์มีการส่งตัวบุตรชายไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีนั้น เบื้องต้นยังไม่ทราบ เนื่องจากขณะที่มีการยื่นคำร้องได้ปิดเครื่องมือสื่อสาร จึงไม่ได้ติดตามข่าว แต่หากมีการส่งตัวไปจริง ก็เป็นเรื่องยืนยันได้ว่าอาการของเพนกวินทรุดหนัก
11) ขณะที่ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การยื่นคำร้องขอประกันตัวครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่ 10 เบื้องต้นถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี เพราะตลอดเวลาที่ได้มีการยื่นคำร้อง ศาลไม่เคยนัดไต่สวนมาก่อน ประกอบกับการไต่สวนในลักษณะนี้ เป็นการไต่สวนกรณีเดียวกับนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน (แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรที่ได้ประกันตัว) ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี และทำให้แม่มีความหวังมากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้คงต้องรอติดตามผลการไต่สวนในวันที่ 6 พ.ค. นี้ เวลา 10.00 น. ว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไรต่อไป
12) วันที่ 30 เม.ย. 2564 นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงหลักเกณฑ์การปล่อยชั่วคราว กรณียกคำร้องเเกนนำม็อบราษฎรหลายครั้งว่าการปล่อยชั่วคราวตามสิทธิสามารถกระทำได้ตลอด แต่ต้องดูป.วิอาญาเกี่ยวกับเรื่องการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวว่าก่อนหน้านี้ ที่ศาลไม่ให้ประกันเป็นเพราะอะไร เพราะที่ศาลมีคำสั่งให้ประกันก่อนหน้านี้ เพราะว่าเราพิจารณาตามลักษณภาพและการกระทำ พฤติการณ์ของจำเลยแต่ละคนในคดีที่ถูกฟ้องว่าได้กระทำอะไรบ้างจึงไม่อนุญาต โดยอาศัยหลักตามมาตรา 108/1 ที่ว่าหากให้ประกันแล้ว เกรงว่าจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น
“โดยเหตุนี้มีความหมายว่า เป็นเรื่องที่เคยกระทำมาแล้ว แล้วจะกลับไปกระทำอีก ส่วนผิดหรือไม่ผิดเอาไว้อีกทีในเมื่อยื่นฟ้องมาเเล้ว ว่า คุณทำอย่างนี้ ปล่อยคุณไป ก็ไปกระทำอีก อันนี้ก็เป็นเหตุอันตรายประการอื่นก็ได้หรือเป็นเหตุอันตรายประการอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ คือ ไปก่อเรื่องอื่นที่ผิดกฎหมายเรื่องอื่น อันนี้ก็อยู่ในของนัยคำนี้ ศาลก็พิจารณาถึงข้อนี้จึงไม่อนุญาตไป” อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาระบุ
นายสิทธิโชติกล่าวอีกว่า การขอประกันครั้งต่อไป จึงต้องดูว่าสิ่งที่ศาลไม่อนุญาตเพราะเหตุใด และจำเลยหรือผู้ต้องหาจะสามารถแก้ไขเหตุนั้น หรือทำให้เหตุนั้นมันเปลี่ยนเเปลงไปเเล้ว เหมือนกรณีของ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข,นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เเละนายปติวัฒน์สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ ที่ทั้ง 3 คน ได้แถลงต่อศาลเองว่าจะไม่กระทำเเบบเดิม เเละศาลก็รับเงื่อนไข ซึ่งทั้ง 3 คน นั้นใน ช่วงที่ถูกควบคุมตัวอาจจะไปนั่งคิด พิจารณาขึ้นมาได้ว่า สิ่งที่ทำลงไปมันไม่ควรจะทำและเข้าใจในคำสั่งศาล กับคำว่า “ไปก่อเหตุภยันตรายประกันอื่นซ้ำในสิ่งที่ถูกฟ้องมา” จึงได้มาแถลงต่อศาลเองว่าจะไม่กระทำเเบบเดิม มันจึงเป็นเหตุที่ถูกเเก้ไข
13) เมื่อถามว่า ทนายความอ้างว่าได้ยื่นคำร้องประกันนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน โดยใช้เงื่อนไขเดียวกับ 3 คนก่อนหน้านี้ที่ได้ประกันตัวไปนั้น นายสิทธิโชติ ตอบว่า
ไม่ใช่ ในคำร้องที่ยื่นมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา มันแตกต่างกับ 3 คนที่ได้ประกันตัว ในหลายประเด็น ของ 3 คนนั้นตัวจำเลยเองเป็นคนลงชื่อในคำร้องเเละยืนยันต่อศาลขอให้ศาลทำการไต่สวน และแถลงต่อศาลด้วยตนเองว่า จะไม่กระทำลักษณะที่ถูกฟ้องและจะไม่ก่อเหตุร้ายประการอื่นส่วนข้อกำหนดอื่นก็ให้ศาลสั่ง ซึ่งศาลเองก็ไม่สามารถสั่งอย่างอื่นได้ต้องสั่งตามป.วิอาญามาตรา 108/1 ที่ว่าจะไม่ก่อเหตุร้ายประการอื่นศาลก็จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เพราะจำเลยเป็นคนเสนอเงื่อนไขเอง และจำเลยก็เป็นคนแถลงเอง ไม่ใช่ทนายความเป็นคนแถลงแต่ฝ่ายเดียวมันแตกต่างกัน
“ส่วนที่ทนายความยื่นคำร้องเมื่อวาน ทนายความยื่นเอง ในเนื้อหาก็ไม่ได้พูดถึงเลยพูดเพียงแต่ว่า ให้ศาลกำหนดเงื่อนไขเอา ซึ่งศาลจะไปบังคับเขาก็ไม่ได้ ศาลจะไม่บังคับใครแต่ว่าหากตัวจำเลยเห็นว่า สิ่งที่ศาลสั่งว่าเกรงจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น ที่ศาลก็บอกแล้วว่า ที่ไม่ให้ประกันเกรงจะไปกระทำซ้ำในความผิดที่ฟ้อง เเละจำเลยตัดสินใจจะไม่กระทำเเบบนั้นอีก พร้อมยอมรับในกระบวนการยุติธรรมอีก ศาลก็จะพิจารณา” นายสิทธิโชติระบุ
14) อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวต่อว่า ที่ต้องระบุเรื่องการยอมรับในกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากในตอนหลังมีเหตุแทรกซ้อน ในกระบวนการพิจารณาซึ่งศาลได้กระทำตามขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง เเต่จู่ๆ มาบอกว่าไม่เชื่อถือกระบวนการยุติธรรม และขอถอนกระบวนการพิจารณาถอนทนายพร้อมไม่ลงชื่อ ในรายงานกระบวนพิจารณาพร้อมกับเอารายงานกระบวนพิจารณาไปเขียนเองภายหลังจากที่ศาลลงจากบัลลังก์ไปแล้ว ทั้งที่จริงเเล้ว เรื่องนี้อาจจะต้องเข้าข่ายผิดละเมิดอำนาจศาลด้วย เเต่ศาลเห็นว่าเราไม่ ควรดำเนินคดีอะไรที่ฟุ่มเฟือยเกินไป จึงได้มองแต่เพียงว่า เขาไม่ยอมรับกระบวนการพิจารณา เเละไม่ลงชื่อในการพิจารณาคดีต่อไป ตรงนี้มันทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในสิ่งที่จำเลยยืนยันว่า ยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้เสนอมา ทำให้ศาลไม่เชื่อว่าจะกระทำตามเงื่อนไขได้ ในกรณีของ 3 คน ในตอนเเรกจึงให้ประกันเเต่นายปติวัฒน์ ที่ยอมรับกระบวนการพิจารณา ส่วนอีก 2 ค นไม่ได้ประกันตัวในครั้งนั้น จนมาภายหลังมีการเปลี่ยนเเปลงเเก้ไขตั้งทนาย เเละยอมรับกระบวนพิจารณาตามปกติ จนศาลเชื่อถือว่า ปฏิบัติได้ จึงอนุญาตปล่อยนายสมยศเเละไผ่ซึ่งเราสั่งไปตามกฎหมาย ไม่ได้มีอะไรเเปลกพิสดาร ทุกอย่างมันขึ้นกับข้อเท็จจริงเเบบนี้
15) “เเต่เมื่อวานทนายไม่ได้ยื่นรายละเอียดว่า เขาจะไม่ทำอะไรบ้างตามที่ศาลเคยสั่งไป สองจำเลยไม่เคยพูดหรือไม่เคยเขียนรายละเอียดอะไรเลย แม้กระทั่ง
วันที่ออกศาลมาพิจารณาพร้อมกับหมอลำแบงค์ตัวจำเลยคนอื่นก็อยู่ด้วยกันตลอด จำเลยทั้ง 7 คนที่ยื่นประกัน ก็ไม่เสนอเงื่อนไขอะไร เงื่อนไขที่อ้างว่าเจ็บป่วยก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ทางราชทัณฑ์ก็ยืนยันตลอดคือ มันไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ตรง สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความกดดันต่อความรู้สึกผู้พิพากษา ซึ่งผู้พิพากษาจะต้องทำงานโดยปราศจากความกดดันใดๆ ทั้งสิ้น” อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากล่าวย้ำ
16) เมื่อถามว่า ในส่วนที่ข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน เรื่องความเจ็บป่วยของจำเลยกับทางราชทัณฑ์ มันจะมีทางพิสูจน์ได้หรือไม่ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาตอบว่า ตอนนี้ทางฝ่ายผู้ชุมนุม จะไปยื่นคำร้องต่อราชทัณฑ์ ขอเข้าไปพบดูอาการเเละขอนำแพทย์มาตรวจอาการเจ็บป่วย ว่าจริงหรือไม่ เเละก็ต้องลองขออนุญาตดูว่าจะใช้แพทย์จากภายนอกได้หรือไม่กรณีหากไม่เชื่อถือแพทย์ข้างในของราชทัณฑ์ คิดว่าทางราชทัณฑ์ไม่น่าจะขัดข้อง เราขอพาหมอเข้าไปตรวจสุขภาพ สิ่งนี้มันจะเป็นหลักฐาน ที่ดีกว่าการกล่าวอ้างลอยๆ สร้างกระเเสมากดดันศาล”
17) วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีข้อสงสัยเรื่องการนำตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ว่า เป็นเพราะถ่ายอุจจาระเป็นเลือดนั้น สืบเนื่องจากวานนี้ 30 เม.ย. เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้เข้าตรวจอาการประจำวันของนายพริษฐ์พบว่าอาการทั่วไปปกติ มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่เริ่มดื่มน้ำเกลือแร่ได้น้อยลง และมีอาการปวดบริเวณที่ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ จึงต้องถอดสายน้ำเกลือออก และได้ประสานแพทย์และพยาบาลจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อเข้าตรวจอาการเพิ่มเติม
พบว่า นายพริษฐ์ รู้สึกอ่อนเพลียและเรี่ยวแรงลดลง ริมฝีปากแห้งเล็กน้อย มีอาการปวดแสบท้องเป็นบางครั้ง และเจ้าตัวได้ให้ข้อมูลกับแพทย์ที่เข้าตรวจว่า มีลักษณะของอุจจาระที่ผิดปกติ เหมือนมีเลือดปน จำนวน 1 ครั้ง เมื่อ 4 วันก่อน หลังจากนั้น ยังไม่ได้ถ่ายอุจจาระอีก โดยเจ้าตัวได้ปฏิเสธการตรวจทางทวารหนักเพิ่มเติม ซึ่งทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จึงยังไม่มีการตรวจและยืนยันว่า ยังไม่พบว่ามีการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดแต่อย่างใด
แพทย์ที่เข้าทำการตรวจรักษา จึงได้ให้การวินิจฉัยเบื้องต้นว่า ภาวะอ่อนเพลียและเรี่ยวแรงลดลงของนายพริษฐ์เกิดจากการอดอาหารเป็นเวลานาน และอาการปวดท้องร่วมกับข้อมูลที่แจ้งเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระผิดปกติ อาจเกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบ ซึ่งแพทย์ได้ให้การรักษาเบื้องต้นโดยให้น้ำเกลือแร่ชนิดรับประทาน เนื่องจากนายพริษฐ์ปฏิเสธที่จะเปิดเส้นเลือดให้น้ำเกลือ รวมทั้งให้ยาเคลือบกระเพาะ ยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารเพื่อบรรเทาอาการ และแพทย์ได้ให้ความเห็นว่าควรส่งตัวนายพริษฐ์เข้าตรวจรักษาต่อ ในโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อพิจารณาให้สารอาหารและวิตามินทางเส้นเลือดดำ และตรวจวินิจฉัยทางเดินอาหารเพิ่มเติม ให้ได้ผลการวินิจฉัยสุดท้าย และให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องขังมากที่สุด
กรมราชทัณฑ์ โดยทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงได้ดำเนินการส่งตัวนายพริษฐ์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ตามที่ได้มีการชี้แจงไปแล้วดังกล่าว จึงอยากให้ญาติและสังคมคลายความกังวลต่ออาการป่วยของนายพริษฐ์ว่า เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยที่อดอาหารหรือไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลานาน และเป็นการส่งต่อการรักษาเพื่อตรวจอาการโดยละเอียด ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าของอาการนายพริษฐ์เพิ่มเติม กรมราชทัณฑ์จะนำเสนอให้สังคมได้รับทราบต่อไป
สรุป :: ทั้งหมดที่ไล่เลียงประเด็นมา จะเห็นว่า “การเล่าเรื่องเดียวกัน” ทำได้ 2 แบบ คือแบบดราม่า และแบบ “บอกเล่าราบเรียบ” ซึ่งแน่นอน แบบแรกเรตติ้งดีกว่า
ก็อยากจะบอกว่า อธิบดีท่านออกมา “เฉลยข้อสอบ” แล้ว ว่าทำอย่างไรถึงได้ประกันตัว ต่อไปนี้ก็หยุดพฤติกรรมแบบ “ในขี้มีชิ้นเนื้อ” ได้ละ เลิก “คิดไปเอง” เลิก “ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ” แก่สังคม แล้วหันไปดำเนินการตาม “โอกาสที่ได้รับแล้ว”
เหลืออย่างเดียว เพนกวิน-เจ้าแห่งทิฐิมานะจะยอมรับกระบวนการในวันดังกล่าว โดยไม่ “แผลงฤทธิ์”ใดๆ ในศาลอีกหรือไม่ อันจะเป็นองค์ประกอบให้ได้รับการปล่อยตัว หรือถูกจองจำ ให้โลกภายนอกได้ “ห้อยโหน”เอาชะตากรรมที่เขาเลือกจะเป็น ไปปั่นป่วนกันต่อหรือไม่-เท่านั้นเอง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี