จากที่เคยเรียกขานโควิด-19 ว่าโคขวิด ซึ่งมีความหมายว่าเป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งที่จะก่อความฉิบหายวายวอดให้แก่ประเทศต่างๆ และประชาชาติทั่วโลก มาวันนี้ก็เห็นผลกันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ยิ่งประเทศใดผสมโรงให้โคขวิดขวิดเอาตามใจชอบก็ยิ่งฉิบหายวายวอดมากเท่านั้น
แต่มาวันนี้ก็ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโคบ้า เพราะโคขวิดได้กลายพันธุ์เป็นโคบ้าไปแล้ว คือเป็นเรื่องของการลวงโลก ปั่นกระแสให้ผู้คนเข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงของเรื่อง เป็นเหตุให้คิดผิด พูดผิด ทำผิด ประหนึ่งเป็นคนบ้า ซึ่งซ้ำเติมความวิบัติทั้งหลายให้รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าความเป็นจริง
และเหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือคำว่าโคขวิดใกล้กับคำว่าโควิด-19 ระบบอัตโนมัติของขบวนการลวงโลกที่มุ่งหาประโยชน์จากชีวิตมนุษย์สามารถตรวจจับได้โดยง่าย จึงเป็นเหตุให้มีการบล็อกโซเชียลมีเดียหลายครั้ง ดังนั้นจึงต้องใช้ถ้อยคำห่างออกไปเป็นชื่อโคบ้า ซึ่งทำให้ถ้อยคำไกลออกไปและไม่อยู่ในขอบเขตของระบบอัตโนมัติจะตรวจจับได้ และยังมีความหมายตรงกับเรื่องอีกด้วย
ดังนั้นนับแต่วันนี้ก็ต้องใช้ชื่อโคบ้า และโคบ้านี้กำลังลวงโลกในสารพัดเรื่อง สารพัดขั้นตอน ซึ่งขณะนี้นักวิชาการแทบทุกวงการได้ช่วยกันนำความจริงออกมาตีแผ่ทำให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงการลวงโลกของขบวนการโคบ้ากันอย่างกว้างขวางมากขึ้น
ดังนั้นการนำความจริงเรื่องโคบ้าเอามาตีแผ่จึงเป็นหนทางหนึ่งในการแก้ปัญหาโคบ้าได้ เพราะเมื่อใดที่คนทั้งหลายทราบความจริงก็จะเป็นการตั้งต้นของการคิดถูก พูดถูก และทำถูก และเมื่อนั้นพิษร้ายของโคบ้าก็อาจจะหมดสิ้นไป มีฐานะไม่ต่างอันใดกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งความจริงอาจจะรุนแรงน้อยกว่า
ความจริงอันใดเกี่ยวกับเรื่องโคบ้าที่ต้องช่วยกันนำมาตีแผ่เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันแสวงหาค้นคว้าข้อมูลที่มีการตีแผ่กันทั่วโลกเอามาเปิดเผยให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบโดยทั่วกัน ที่สำคัญในขณะนี้พอที่จะสรุปได้ดังนี้
ประการแรก โคบ้าไม่ใช่ไวรัสธรรมชาติ แต่เป็นนวัตกรรมจากการตัดต่อพันธุกรรมไวรัสสองชนิด คือไวรัสซาร์สหรือไข้หวัดนก ซึ่งทำให้เกิดการเป็นหวัด น้ำมูกไหล ระบาดไวติดง่าย และถ้าไม่รู้เท่าทันก็อาจจะเสียชีวิตได้ กับไวรัสเอดส์หรือไวรัส HIV ซึ่งมีคุณสมบัติที่รักษายาก กลายพันธุ์ แต่มีธรรมชาติว่าทุกทอดที่กลายพันธุ์ไปนั้นเชื้อจะอ่อนแอลง ดังนั้นจึงเป็นไวรัสชนิดที่ไม่สามารถสร้างวัคซีนขึ้นมาป้องกันได้ เช่นเดียวกับโรคเอดส์ที่แม้ระบาดมา 30 ปีแล้วก็ไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่เพราะเหตุกลายพันธุ์ทุกทอดและอ่อนแอลงจึงไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชาวโลกเหมือนเมื่อครั้งเริ่มระบาดใหม่ ๆ
ประการที่สอง โคบ้าเป็นไวรัสที่มีเจ้าของสิทธิบัตรและเป็นเจ้าของเดียวกันกับเจ้าของสิทธิบัตรวัคซีนที่เตรียมผลิตขึ้นเพื่อแสวงหากำไรจากชาวโลกทั้ง 7,000 ล้านคน และมีขบวนการที่เกี่ยวข้องใหญ่โตมาก รวมทั้งเกี่ยวข้องกับองค์การอนามัยโลกด้วย ดังนั้นเรื่องของโคบ้าจึงเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ระดับโลกที่มุ่งประโยชน์จากการขายวัคซีนของเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเจ้าของสิทธิบัตรระบบสารสนเทศใหญ่ของโลกที่มีเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เป็นส่วนใหญ่ของโลก
ดังนั้นใครใช้โซเชียลในทางที่เป็นอุปสรรคขัดขวางหรือเปิดเผยความจริงจึงต้องถูกบล็อกอันเป็นที่ทราบกันทั่วไป
ประการที่สาม มีการสร้างและปั่นข้อมูลอันเป็นเท็จอย่างกว้างขวางทั่วโลกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อ เฉพาะข้อมูลจากสหรัฐปรากฏว่าจำนวนผู้ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ วัณโรค ปอดบวมและปอดอักเสบแต่ละปีร่วม 3 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตปีละนับล้านคนนั้น ตลอดระยะเวลา 15 เดือนที่โคบ้าระบาดตัวเลขเหล่านี้กลายเป็นศูนย์ และมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการมั่วเอาตัวเลขคนป่วยและคนตายด้วยไข้หวัดใหญ่ วัณโรคปอดบวม และปอดอักเสบไปรวมเป็นผู้ป่วยและผู้ตายด้วยโคบ้าทั้งหมดและทุกประเทศก็มีลักษณะคล้ายคลึงกัน จึงทำให้เกิดการตกใจกลัวมากขึ้น
มีการตรวจพบว่าได้มีการเปิดเว็บไซต์เถื่อนขึ้นในอิตาลี โดยใช้ห้องแถวสองห้องซึ่งเจ้าของเป็นร้านขายตรง แต่ปั่นตัวเลขเท็จและเครือข่ายสื่อยักษ์ในขบวนการลวงโลกก็ได้นำไปขยายผลและทำให้หลายประเทศหลงผิดเอาข้อมูลดังกล่าวมารายงานจึงเพิ่มการตกใจขึ้น ซึ่งประเทศไทยเราก็ประสบมาแล้วและได้เลิกใช้ข้อมูลนี้ไปแล้ว
ดังนั้นจำนวนผู้ป่วยสะสมและรายวันที่ระบุว่าเป็นโคบ้านั้นจึงเป็นข้อมูลลวงโลก
ประการที่สี่ มีการสร้างข้อมูลลวงโลกเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตของโคบ้า โดยรวมเอาผู้เสียชีวิตจากสาเหตุอื่นๆ ที่ติดเชื้อโคบ้าว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยโคบ้าทั้งหมด โดยที่ไม่มีการชันสูตรศพว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงเป็นอย่างไร
คณะแพทย์อิตาลีซึ่งเจ็บช้ำน้ำใจจากการถูกทอดทิ้งเมื่อครั้งการแพร่ระบาดครั้งแรก และไม่มีใครช่วยเหลือยกเว้นประเทศจีนและรัสเซีย จึงไม่เชื่อฟังข้อกำหนดให้ฝังหรือเผาศพโดยไม่ต้องชันสูตร โดยระดมคณะแพทย์จำนวนมากทำการชันสูตรศพผู้ที่ถูกอ้างว่าตายเพราะโคบ้า ผลปรากฏว่าเกือบทั้งหมดไม่ได้ตายเพราะโคบ้า แต่ตายเพราะโรคปอดอักเสบ ปอดบวม โดยค้นพบแบคทีเรียซึ่งเป็นผลของโรคดังกล่าว
ประเทศไทยก็เอาตามเขาไปด้วย แถลงกันรายวันว่ามีผู้เสียชีวิตวันละกี่คน รวมทั้งหมดกี่คน โดยที่ไม่เคยชันสูตรศพเลยว่าตายเพราะเหตุใด จึงเป็นตัวเลขการตายที่มั่วที่สุดและไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ เป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
ประการที่ห้า โรคโคบ้านั้นสามารถรักษาให้หายได้ตามอาการในชั่วเวลาเพียง 3-8 วัน ยกเว้นใช้ยาค็อกเทลที่ประเทศไทยผลิตได้เองก็หายได้ในเวลา 4 วัน หรือถ้าใช้พลาสมาที่ประเทศไทยริเริ่มขึ้นก็หายได้ในเวลา 24 ชั่วโมง แต่มีการปกปิดไม่ให้ทราบว่าใช้ยารักษาตามอาการอย่างไรและหายได้ไวอย่างไร เพื่อบังคับให้ต้องใช้วัคซีนอย่างเดียว รวมทั้งการกีดกันการใช้ยาแพทย์แผนโบราณและยาประจำชาติของประเทศต่างๆ ด้วย สำหรับประเทศที่เขาไม่เชื่อฟัง เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย อิหร่าน ได้นำยาประจำชาติหรือยาแผนโบราณมาใช้ก็สามารถแก้ไขได้ราบรื่นเรียบร้อย
เราทั้งหลายจงร่วมแรงร่วมใจกันแสวงหาความจริงมาตีแผ่เพิ่มเติมเพื่อทำให้คนไทยตาสว่างและไม่ต้องตกเป็นทาสของโคบ้าอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี