มีประเด็นที่น่าสนใจจากภาคประชาชน เห็นว่าขณะนี้ไวรัสโควิด-19 ได้กระจายไปหลายพื้นที่สร้างความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า อยากให้นายกฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ ตามกฎหมาย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระจายอำนาจ อปท. ร่วมคุมการระบาด ดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม พร้อมช่วยเหลือ ปชช. ตกงาน กักตัว เสริมการดูแลทางการแพทย์
ซึ่งในเรื่องนี้นายไมตรี จงไกรจักร ผู้จัดการมูลนิธิ ชุมชนไทย กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ป้องกันสาธารณภัย 2550 มาตรา 4 ระบุไว้ชัดเจนว่าโรคระบาดในมนุษย์ เป็น 1 ใน 18 ประเภทสาธารณภัย ที่สามารถประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ ซึ่งเมื่อประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว มาตรา 20 ระบุว่า ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถใช้งบประมาณในการจัดการดูแล ควบคุมป้องกัน ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ได้ โดยไม่ต้องถูกสตง. ตรวจสอบ ซึ่งวันนี้อปท.กว่า ร้อยละ 90 มีงบนี้อยู่ ไม่จำเป็นต้องของบใหม่แต่อย่างใด และเมื่อประกาศเป็นภัยพิบัติทางจังหวัดเองก็จะมีงบทดลองจ่าย 20 ล้านบาทด้วย
นายไมตรี กล่าวต่อว่า วันนี้ใช้เพียงพ.ร.บ.โรคติดต่อเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งจะใช้บุคลากรทางการแพทย์เท่านั้นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้แต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยังช่วยทำได้น้อย ส่วนอาสาสมัครที่อื่นๆ เช่น ชรป., อปพร.,
อาสาสมัครภัยพิบัติ ไม่สามารถเข้าไปช่วยตรงนั้นได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติผู้อำนวยการท้องถิ่น หรือ
ผู้อำนวยการจังหวัดสามารถให้ใครก็ได้ช่วยทำงาน ยิ่งตอนนี้ล็อกดาวน์ ขอความร่วมมือไม่ให้ออกจากบ้าน คนตกงาน คนกักตัวก็จะยิ่งทำให้มีคนต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น นอกเหนือจากการช่วยเหลือทางการแพทย์
“รอบนี้การระบาดโควิด-19 รุนแรงที่สุด มีการติดเชื้อจำนวนมากและกระจายไปทั่วทุกจังหวัดไม่มีเว้น ฉะนั้นถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องกระจายอำนาจ ให้ท้องถิ่นมีหน้าที่ดูแลผู้ได้รับผลกระทบควบคู่ไปกับการดูแลผู้ป่วยของบุคลากรทางการแพทย์ด้วย ดังนั้น จึงขอเรียกร้องท่านนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งมีการรวบพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง 31 ฉบับไปแล้ว ซึ่งรวมถึงพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 นั้นให้มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติให้ท้องถิ่นให้การดูแลประชาชนสำหรับคนที่ได้รับผลกระทบ” นายไมตรี กล่าว
ด้าน นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชนภาคใต้ กล่าวว่า การรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ หยุดยั้งการแพร่ระบาดได้ ด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น การรวมกลุ่มของประชาชน ในภารกิจต่างๆ อาทิ การตั้งด่านตรวจสกัด การตรวจหาเชิงรุก การเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งการผลิตหน้ากากผ้า เจลล้างมือ และทำงานร่วมกันกับตลาดต่างๆ เป็นต้น ซึ่งทางรัฐบาลควรนำบทเรียนเหล่านี้มาใช้รับมือการแพร่ระบาดในรอบที่ 3 นี้ โดยกระจายอำนาจให้ชุมชนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมรับมือการระบาดของโควิด-19 ที่พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรองรับ สามารถใช้งบประมาณและบุคลากรในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย
ขอให้นายกรัฐมนตรีได้เร่งประกาศในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยเร็ว เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เร่งดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบนี้ และควรใช้แนวทางการกระจายอำนาจ
ให้ทุกๆ ภาคส่วนที่มีความพร้อมในการป้องกัน บรรเทา วิกฤติทางสุขภาพในครั้งนี้ ได้มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาการ
แพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะในสภาวะวิกฤติแบบนี้ลำพังรัฐบาลเองคงจะยากในการควบคุมสถานการณ์ จำเป็นต้องให้ภาคประชาชนและทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมโดยเร็ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี