ตลอดระยะเวลาการบริหารประเทศการเป็น “อัครเสนาบดี”,เป็น “ไต้ก๋งเรือแป๊ะ”หลังผ่านการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี’60 ของ “ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” หาได้เพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้ต่อ “องคุลีมาล-สัมภเวสี-โอปปาติกะ”ทั้งหลายทั้งปวงทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่กรรมเวรที่สร้างรอยบอบช้ำรอยขีดข่วนจนเลือดไหลกลับกลายเป็นส่ำสัตว์สรรพสัตว์ใน “แอนิมอลฟาร์ม”ที่อยู่รอบข้างใกล้ตัวรวมทั้งตัว “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา – ทหารแก่”นี่เอง
จากการสำรวจของนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็น จากประชาชนที่มีอายุตั้งแต่18 ปีขึ้นไป จำนวนตัวอย่างกว่า 2,522 ตัวอย่างทั่วประเทศ จากทุกระดับการศึกษา อาชีพและรายได้ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0 ระหว่างวันที่ 23-26 มีนาคม 2564 ก่อนเกิดการระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)” ครั้งใหม่ในเดือนเมษายน
เป็นการสำรวจในเรื่องความนิยมทางการเมืองพบว่า นักการเมืองที่ประชาชนพร้อมสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรียังคงเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 18.64% ตามมาด้วยนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ผันตัวเองออกมาตั้ง “พรรคไทยสร้างไทย” 10.57% นายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร้อยละ 5.70%
ทั้งหมดเป็นค่าความนิยมที่ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนอาจเพราะวิกฤติการแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” ในปัจจุบัน อาจกัดกร่อนความนิยมให้ลดลงเมื่อศรัทธาลดลง ซึ่งต้องไม่มองข้ามประเด็นคำวินิจฉัยตามมติ 9 ต่อ 0 ของศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยคุณสมบัติของ “ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า” ในฐานะสส.พะเยา และในฐานะรมช.เกษตรและสหกรณ์ของรัฐบาลทหารแก่ คำวินิจฉัยดังกล่าวโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา มีการหยิบยกฎีกาเดิมๆ หยิบยกราชกิจจานุเบกษามาเปรียบเทียบไปตามความเห็นของแต่ละฝ่าย แต่ไม่ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดก็ไม่ได้ทำให้คำวินิจฉัยฉบับนั้นเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ไปได้เลย แต่กลับเป็นการสร้างความแตกแยกแบ่งฝักฝ่ายให้ยังคงความเคารพกระบวนการยุติธรรมไทยหรือหมดศรัทธาก็สุดแล้วแต่
ศรัทธาที่แปลว่า ความเชื่อ ความเลื่อมใส ความเชื่อมั่นในสิ่งดีงามอย่างมีเหตุและผล อย่างมีปัญญา ศรัทธาซึ่งเป็นองค์ประกอบของหลักธรรมหลายประการ อาทิ พละ 5 และอินทรีย์ 5 คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิปัญญา เป็นอริยทรัพย์ 7 ที่มีศรัทธา ศีล หิริ โอตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ ปัญญา เป็นความเชื่ออย่างมีเหตุมีผล เชื่ออย่างมีปัญญา ต่างจากคำว่า “งมงาย” ที่หมายถึงความเชื่อโดยไม่มีเหตุและผลกำกับ
ประเด็นในปัจจุบันจากคดีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นั้นจุดสำคัญของสังคมไทยเวลานี้จึงไม่ใช่คำวินิจฉัยของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หากแต่คือ คำวินิจฉัยของผู้บังคับบัญชาโดยตรง อันหมายถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทหารแก่นายนี้มากกว่า เราเชื่อว่าประชาชนก็ดี สังคมไทยก็ดี เฝ้าดูปฏิกิริยาของท่านต่อกรณีดังกล่าวนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคดีที่ “ผู้กองธรรมนัส”โดนศาลนอกราชอาณาจักรพิจารณาตัดสินนั้นเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ที่ครั้งหนึ่ง“ผู้กองธรรมนัส”ลั่นวาจาในรัฐสภาว่า “แป้งผง” ซึ่งยาเสพติดคือตัวบ่อนทำลายชาติอย่างร้ายแรง
บางครั้งศรัทธาก็สร้างได้ในสถานการณ์เดียวอยู่ที่ใจต้องกล้าที่จะตัดสินใจ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี