วันก่อนนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ลงนามคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว คือ สั่งปิดการดำเนินการของ ธุรกิจให้บริการรับแช่เยือกแข็งด้วยห้องฟรีสอุณหภูมิ -40 องศา บริการรับฝากสินค้าแช่แข็ง บริการท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า บริการขนส่งสินค้าแช่แข็งทั่วประเทศด้วยรถตู้ห้องเย็น
ปิดชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.2564 จนถึงวันที่ 16 พ.ค.2564 หลังจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครรายงานว่าจากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ในสถานประกอบการดังกล่าว มีพนักงานติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 39 ราย จากพนักงานทั้งหมด 69 ราย คิดเป็นอัตราร้อยละ 56.62
ขณะที่ผู้ไม่พบเชื้อยังคงเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมีโอกาสติดเชื้อได้ประกอบกับสถานประกอบการแห่งนี้เป็นสถานที่กระจายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ไปยังสถานประกอบการอื่นๆ หากยังปล่อยให้ดำเนินกิจการต่อไปอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดโรคไปยังสถานที่อื่นๆ ในวงกว้างจนยากต่อการควบคุมโรค
ขณะนี้กำลังแก้ไขปัญหาอยู่และมีแนวโน้มไปในทางที่ดี
เพจเฟซบุ๊ค นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯสมุทรสาคร โพสต์ข้อความ ระบุช่วงนี้ยังได้รับข้อมูลทั้งจากประชาชนและภาคเอกชนว่ามีแรงงานต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองจำนวนมากโดยจากการเข้าจับกุมแรงงานต่างชาติในจังหวัดหนึ่ง ระบุว่าสมุทรสาครและกรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของกลุ่มนี้ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เราเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอีกครั้ง ประเด็นนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจค้นตามเบาะแส ที่แจ้งมาทันที หลังจากนี้ เราจะตรวจค้นเชิงรุกกันอีกอย่างต่อเนื่อง
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่สบายใจเลยท่ามกลางวิกฤติเช่นนี้ คนไทยด้วยกันเองกลับ “เปิดประตูบ้าน” ลักลอบทำเรื่องผิดกฎหมายเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงิน โดยไม่คิดเลยว่า มันจะกระทบกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำลายสวัสดิภาพและสร้างปัญหาปากท้องของ “คนบ้านเดียวกัน” ทั้งที่รู้ว่าทุกคนกำลังย่ำแย่เต็มที วิกฤติครั้งใหญ่ที่ผ่านมาแม้ชาวสมุทรสาครหลายท่านยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ยังมีน้ำใจสนับสนุนการดูแลผู้ติดเชื้อจากพื้นที่ใกล้เคียง ขอบคุณชาวสมุทรสาครอย่างมากสำหรับความร่วมมือในทุกด้าน รวมทั้งคอยเป็นหูเป็นตาให้กันช่วยดูแลบ้านเรา ผมยินดีรับฟังคำแนะนำและข้อมูลของทุกท่านเพื่อเราจะได้ช่วยกันป้องกันสมุทรสาครให้ปลอดภัย และกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุดครับ
ขณะเดียวกัน จังหวัดสมุทรสาครยังได้เรียกประชุมผู้ประกอบการนำเข้าแรงงาน เพื่อหารือและทำความใจในประเด็นการป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวเถื่อน ที่มีข่าวลักลอบเข้าประเทศไทย
ทั้งกวดขันตรวจสอบแรงงานต่างด้าวตามโรงงานหลายแห่ง ยังพบมีการลักลอบทำผิดกฎหมายอีกจำนวนหนึ่ง
ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันอาทิตย์ก่อนโน้น ของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.
นอกเหนือไปจากการรายงานผู้ติดเชื่อผู้เสียชีวิตประจำวันแล้ว ยังระบุข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. เป็นต้นมาสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ถึง 15,378 ราย ในจำนวนนี้เป็นเมียนมา 6,072 ราย ลาว 882 ราย กัมพูชา 5,114 ราย มาเลเซีย 31 รายไทย 1,691 ราย และอื่นๆ 492 รายเฉพาะเดือน เม.ย. มีผู้ลักลอบเข้าเมือง 32 ราย
ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. ได้เน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคงทำหน้าที่อย่างแข็งขัน และขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนช่วยแจ้งเบาะแสเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น
ครับ แรงงานหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จึงยังถือเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการแพร่กระจายของโควิด-19
ใครที่ “เปิดประตูบ้าน” ลักลอบทำเรื่องผิดกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานเถื่อน เพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงิน โดยไม่คิดเลยว่า มันจะกระทบกลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องหยุดนะครับ อย่า ทำลายสวัสดิภาพและสร้างปัญหาปากท้องของ “คนบ้านเดียวกัน” ดังที่ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่าไว้อีกเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี