เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2547 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รับเชิญไปปาฐกถาพิเศษ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
ซึ่งเป็นการบรรยายให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ฟัง การเริ่มบรรยายในครั้งนั้น พล.อ.เปรมยกคำพูดว่า “เด็กคืออนาคตของชาติ” เป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่สำคัญมาก มีความหมายมาก แต่ผมไม่เคยเห็นตำราที่ไหน ที่เขียนไว้ชัดเจนว่า “เด็กควรประพฤติปฏิบัติอย่างไร จึงจะนำไปสู่ความสำเร็จ แห่งการเป็นอนาคตของชาติ”
ดังนั้น ขอให้ทุกคนตั้งใจรับฟัง “หนทางที่ควรไป” ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 นักศึกษา ต้องมีความมุ่งมั่นในการเรียนให้จบ ตามที่ตนเอง พ่อแม่ และผู้ปกครองปรารถนา คำว่าจบในที่นี้ ผมไม่ได้หมายถึง จบแค่ได้รับใบปริญญา
พระธรรมปิฎก ขณะได้เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระพรหมคุณาภรณ์ ท่านได้แสดงธรรมบรรยายเรื่อง “กระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคนสู่ประชาธิปไตย” ไว้ตอนหนึ่งว่าคำว่าเรียน มีคำว่า รู้แฝงอยู่ในตัว การเรียนต้องมีรู้เป็นแกน ไม่ใช่แค่ รู้อย่างเดียวรู้อย่างเดียวไม่เป็นเรียน ต้องเรียน เท่ากับ รู้บวกด้วยได้อะไรเพิ่มเติมเข้ามาให้แก่ชีวิตด้วย ได้อะไรในที่นี้ก็คือ สามารถนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพได้กำหนดเป้าหมายของชีวิตเองได้ โดยอาจจะยึดถือเอาคนดี ที่ประสบความสำเร็จมาเป็นแม่แบบและให้เข้าใจว่าการเรียนรู้จะต้องดำเนินต่อไปตลอดชีวิต
ข้อ 2 นักศึกษาต้องดูแลตนเอง รับผิดชอบตนเอง เมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษา สังคมจะมองว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรจะต้องรับการพะเน้าพะนอด้วยมีปัจจัยที่บ่งชี้ต่างๆ หลายประการ ที่น่าเป็นห่วงก็คือในทางจิตวิทยาบอกว่า วัย 15-18 ปี เป็นช่วงสุดท้ายที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่จะสนใจในสิ่งที่หวือหวา เช่น สนใจดารานักแสดงรักเพื่อน เชื่อเพื่อน ค้นหาตัวเองโดยผ่านการทดลองอาจจะลองผิดลองถูก ตรงนี้น่าเป็นห่วง ไม่ใช่ปล่อยอย่างอิสระเสรี เพราะอิสระเสรีนี้จะแสดงออกทางพฤติกรรม และจะทำตามที่ถูกชักจูงถ้าถูกชักจูงไปในทางที่ดีก็ไม่มีปัญหาถ้ามีอาจจะแก้ไม่ได้ไปตลอดชีวิตเช่น ไปเที่ยวติดเชื้อโรคเอดส์ ฉะนั้นนักศึกษาเองต้องแสดงความเป็นผู้ใหญ่ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ ต้องดูแลตนเองรับผิดชอบตนเองให้ไปในแนวทางที่ดี
ข้อ 3 นักศึกษา ต้องอดทน อดกลั้นและอดออม อดทนต่อความยากลำบากทางกาย ในการทุ่มเท อดหลับอดนอนค้นคว้าหาความรู้ดูตำรา อดกลั้น อดกลั้นต่อสิ่งเย้ายวนใจ อบายมุขต่างๆ อย่างที่ผมได้กล่าวไว้แต่ต้นแล้วว่าวิวัฒนาการ ของโลกนั้นเร็วมาก เทคโนโลยีก้าวล้ำมาก ทำให้เยาวชนได้รู้ได้เห็นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การแพร่ภาพลามกทางอินเตอร์เนต การดูภาพยนตร์ดูละครแล้วลอกเลียนแบบในสิ่งที่ไม่ดี เราต้องรู้จักเลือกใช้แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ อดออม อดออมในการใช้จ่ายอดออมไม่หมายความว่าให้เก็บเงินอย่างเดียวแต่ให้รู้จักวางแผนการใช้และบริหารการเงินฝึกทำบัญชีการใช้จ่าย และใช้ให้สอดคล้องกับเงินที่พ่อแม่หามาให้ หรือหามาด้วยตัวเองโดยชอบ ด้วยความยากลำบากสิ่งที่ต้องสำนึกและปลูกฝังไว้ตั้งแต่บัดนี้
ข้อ 4 ต้องมีแม่แบบ เราควรคัดเลือกแม่แบบจากบุคคลที่ดี ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตามสาขาอาชีพ ที่เราอยากจะเป็นเช่นถ้าเป็นนักกฎหมายจะเป็นแบบใครเป็นนักบริหารจะเป็นแบบใครจะเป็นครูอาจารย์จะเป็นอาจารย์แบบใคร ขณะนี้เรามีหน้าที่เรียน อาจมีแม่แบบจากรุ่นพี่ที่ดีก็ได้ ผมคิดว่าเรื่องแม่แบบนี้คนไทยโชคดีมากที่สุดในโลกมีบุญที่สุดในโลกเรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแม่แบบที่ประเสริฐที่สุด
ข้อ 5 ต้องศึกษาคำสั่งสอนของศาสนาที่เรานับถือ ผมอยากให้ทุกคนได้ศึกษาคำสั่งสอนของศาสนาที่เรานับถือให้รู้แจ้งเห็นจริง เดี๋ยวนี้วิชาเช่นนี้อาจจะไม่เป็นวิชาบังคับที่ต้องเรียนแล้ว ศาสนาทุกศาสนา มีคำสอนที่วิเศษมาก ขอให้เชื่อว่าศาสนาไม่ใช่สิ่งงมงายเพราะศาสนาคือลัทธิหรือความเชื่อถือต่อคำสั่งสอนของศาสดา ที่ให้แก่ หมู่ชนนั้นๆ ทุกศาสนามีพื้นฐานที่สำคัญเหมือนกันคือสอนให้ทุกคนเป็นคนดีแต่มีรายละเอียดคำสั่งสอนและวิธีการต่างกันให้ศึกษาให้เข้าใจแล้วจะทราบว่าสามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างน้อยที่สุดก็เป็นมงคลแก่ชีวิต บางคนอาจจะบอกว่าไม่นับถือศาสนาใดเลยก็เป็นไปได้เหมือนในบางประเทศ แต่ก็ดำรงตนอยู่ได้ ดำรงความเป็นชาติอยู่ได้ โดยยึดถือในคุณความดีมีปูชนียบุคคลเป็นแบบอย่าง
ข้อ 6 นักศึกษาต้องมีความกตัญญูกตเวที ต้องมีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ให้ทุนการศึกษา และต้องไม่ลืมแสดงความสำนึกในบุญคุณ ขณะนี้พวกเราทำได้ทันทีคือ “ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เท่านี้ท่านก็ชื่นใจแล้ว”
ประการสุดท้าย เป็นสิ่งที่ผมจะพูดสอดแทรกเสมอ ไม่ว่าใครเชิญไปพูดที่ไหนคือ ต้องรักแผ่นดิน รักถิ่นเกิดและ “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” เรื่องรักแผ่นดินรักถิ่นเกิดนั้นชัดเจนอยู่ในตัวเองแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงสำหรับข้อความเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน นั้น ผมคิดได้เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ ที่ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ทรงคิด ทรงแนะนำ ทรงทำทุกอย่างเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ ยกระดับความอยู่ดีกินดีของราษฎร มาเป็นเวลานาน ผมได้ยึดแนวทางของพระองค์ท่าน ประพฤติปฏิบัติ มาโดยตลอดผมให้คำนิยามการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน คือ การประพฤติ ปฏิบัติตน เป็นคนดี เป็นสถาบันที่ดี เป็นองค์กรที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดี มุ่งกระทำแต่ความดี เพื่อประโยชน์ต่อแผ่นดิน นักศึกษาอาจจะถามว่าจะทำอย่างไร ถึงจะเป็นการตอบแทนต่อแผ่นดิน คำตอบคือให้ประพฤติ ปฏิบัติตาม “หนทางที่ควรไป” ตามที่กล่าวมาแล้ว หวังว่า นักศึกษาคงได้ประโยชน์ และนำไปใช้ จนกระทั่งจบการศึกษา ขอให้ ทุกคนโชคดี
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเล่าของป๋าเปรม ที่ ดร.สุเมต สุวรรณพรหม เจ้าของรายการวิทยุเรื่องเล่าของป๋าเปรม FM.90.5 นำมาเล่าในรายการครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี