อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และทักษิณ ชินวัตร พยายามเคลื่อนไหวการเมืองมากเป็นพิเศษในช่วงนี้
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา คุณยิ่งลักษณ์โพสต์ข้อความชวนให้คิด 7 ปี ประเทศไทยและประชาชนเสียโอกาสอะไรไปบ้าง?
ก่อนหน้านั้น ได้ออกคลิปคู่กับคุณทักษิณ โจมตีการบริหารของรัฐบาลปัจจุบัน ทั้งการจัดการวัคซีน การแก้ปัญหาโควิด การบริหารเศรษฐกิจ ประหนึ่งว่ารัฐบาลทำงานล้มเหลวมาก ควรออกไปให้คนอื่นมาทำแทน และพยายามคุยโวทำนองว่าถ้าตนเองทำจะดีกว่านี้
1. ยิ่งลักษณ์และทักษิณ ทั้งสองคนเคยได้เป็นนายกฯ มาแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีวิกฤติระดับโลกอย่างในปัจจุบันด้วย แต่เป็นเพราะการใช้อำนาจของตัวเองที่ทำให้เกิดวิกฤติ ทั้งผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย โกงจำนำข้าวย้ายเอื้อญาติ ถูกศาลปกครองสูงสุดชี้ว่าผิด ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ยุบสภาเป็นรัฐบาลรักษาการไม่มีเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนา จะกู้ก็ไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ ฯลฯ
2. ยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เพราะย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี โดยมิชอบเอื้อญาติตัวเองให้ได้เป็น ผบ.ตร. ตามแผนภาพด้านบนนี้
ยิ่งลักษณ์ไม่ได้พ้นจากตำแหน่งเพราะรัฐประหารแต่อย่างใด
หลังจากนั้น ยิ่งลักษณ์ก็ยังได้ไปลงคะแนนประชามติรัฐธรรมนูญ เหมือนคนไทยอื่นๆแต่เสียงข้างมาก 16.8 ล้านเสียง เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ และ 15.1 ล้านเสียง เห็นชอบคำถามพ่วง
เมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐที่เสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ชื่อเดียว ได้คะแนนสูงสุด 8.4 ล้านเสียง เมื่อเลือกนายกฯ ในสภา สส. ส่วนใหญ่ก็ยกมือเลือกพลเอกประยุทธ์ ชนะนายธนาธร ซึ่งจริงๆ แล้วพรรคอนาคตใหม่ที่เสนอชื่อเขาได้คะแนนแค่ 6.2 ล้าเสียงเมื่อรวมกับเสียง สว. พลเอกประยุทธ์ก็ได้เป็นนายกฯ จากการเลือกในที่ประชุมรัฐสภา
3. ยิ่งลักษณ์กับทักษิณวันนี้ นอกจากตัวเองจะหนีคดีโกงหลายคดี และหนีโทษจำคุกคดีทุจริตประพฤติมิชอบอยู่แล้ว ยังกล้าคุยโวทำราวกับว่า ถ้าตนเองได้บริหารวันนี้ประเทศชาติจะดีเลิศ
ย้อนกลับไปดูสมัยน้ำท่วม ยิ่งลักษณ์เอาอยู่ยังไงบ้าง
สมัยไข้หวัดนก ทักษิณทำไทยถูกนานาชาติประณามว่าปกปิดข้อมูลอย่างไรบ้าง
แล้วในอดีต ไม่เคยเกิดวิกฤติโควิด-19 ที่กระทบเศรษฐกิจโลก ทำธุรกิจห้างร้านสายการบินในโลกล้มละลายตายจากไปมหาศาล อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คนหยุดเดินทางทั่วโลก ห้างร้าน โรงงานปิด ประเทศไทยได้รับผลกระเทือนหนักเพราะเราพึ่งการส่งออกและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นหลัก
สถานการณ์โลกลำบากแบบนี้ สมัยยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ไม่เคยมี พอมาคุยโว คนฟังต้องมีสติ
ยิ่งกว่านั้น ถ้านำการจัดงบประมาณแผ่นดินของยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปีงบประมาณ 2556 มาเปรียบเทียบกับการจัดงบประมาณแผ่นดินปีงบประมาณ 2565 สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ล่าสุด จะเห็นเลยว่า ใครกันแน่จัดสรรงบประมาณโดยให้น้ำหนักกับงบกลาโหมมากกว่ากัน? ใครจัดสรรให้งบสาธารณสุขมากกว่ากัน? ใครใช้หนี้มากกว่ากัน? โดยคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ต่องบประมาณแผ่นดินในปีนั้นๆ แล้ว
จะเห็นว่า ปีงบประมาณ 2565 จัดสรรงบให้กลาโหม 6.6% แต่ปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดสรรงบให้กลาโหมถึง 7.5%
ปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จัดสรรงบกระทรวงสาธารณสุข 5% แต่ปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดสรรงบให้สาธารณสุขแค่ 4.2%
หรือถ้าจะดูงบบัตรทอง ปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จัดสรรให้ 3,855 บาทต่อหัว เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดสรรงบให้แค่ 2,755 บาทต่อหัว
ปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จัดสรรงบชำระคืนต้นเงินกู้ 3.2% ของงบประมาณ เพื่อประเทศจะได้ลดภาระดอกเบี้ยในอนาคต เทียบกับปีงบประมาณ 2556 รัฐบาล ยิ่งลักษณ์จัดสรรงบชำระคืนต้นเงินกู้แค่ 2.1%
นอกจากนี้ รัฐบาลประยุทธ์ก็ยังตามใช้หนี้จากโครงการจำนำข้าวทุกๆ ปี
ณ ธ.ค.2563 เหลือหนี้จำนำข้าว 288,401 ล้านบาท
จะต้องตั้งงบทยอยใช้หนี้ราวๆ 23,000 ล้านบาท (โดยไม่ได้อะไร) ต่อเนื่องกว่า12 ปี จะหมด
นี่คือผลพวงจากการโกงกินมหาศาลในโครงการจำนำข้าว ทำให้โครงการผลาญเงินไปมากกว่าที่ควรจะเป็น แล้วนี่ก็คือตัวอย่างโอกาสที่เสียไปของประชาชน แทนที่จะได้นำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือประชาชน
ขณะเดียวกัน ในยุคนี้ ก็จะเห็นการลงทุนพัฒนาโครงการพื้นฐานต่างๆ มากมายเป็นประวัติการณ์ทั้งระบบราง รถไฟทางคู่
รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าหลากสี ถนนหนทาง มอเตอร์เวย์ ท่าเรือ สนามบินในต่างจังหวัด ฯลฯ ล้วนมีการลงทุนพัฒนาได้มากมายมหาศาล มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเงินเข้าทุกเดือนด้วย
4. สุดท้าย ที่คุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ไม่ควรทำอย่างที่สุดในช่วงหลัง คือ การให้ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาโควิดและวัคซีน เพื่อดิสเครดิตคนทำงาน แทนที่จะช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง กับเล่นแต่ข่าวปั่นกระแสโจมตี บนพื้นฐานข้อมูลเท็จ บิดเบือนอย่างไม่น่าเชื่อ
ยกตัวอย่าง
กรณีพูดทำให้คนเข้าใจผิดเรื่องไฟเซอร์ถูกนำมาใช้ในเมืองไทยแล้ว ถูกนำไปโจมตีปั่นกระแสว่ารัฐบาลปกปิด รัฐบาลเลือกปฏิบัติอภิสิทธิ์ชนฉีดไฟเซอร์ ทั้งที่ความจริงเป็นการนำเข้าของสถานทูตสหรัฐ
กรณีเชิดชูวัคซีนไฟเซอร์ แล้วด้อยค่าวัคซีนซิโนแวค ทั้งๆ ที่ ผลการใช้มีการอัพเดทตลอดว่าประสิทธิผลของซิโนแวคที่ใช้ในอินโดนีเซียใช้ได้ดีขนาดไหน ในจีนที่ใช้ทั้งซิโนแวคและซิโนฟาร์มก็ได้ผลเยี่ยมจนอู่ฮั่นสามารถเปิดคอนเสิร์ตโดยไม่ต้องสวมมาสก์กันแล้ว และในบ้านเราที่ฉีดซิโนแวคไปแล้วก็ได้ผลดี ฉีดทั้งแพทย์พยาบาลค่อนประเทศ ไม่มีใครตาย ในทางตรงกันข้าม วัคซีนในสหรัฐก็มีคนที่ตายหลังฉีด หรือมีผลข้างเคียงมากมาย คางเบี้ยว ปากเบี้ยว กลับไม่พูดถึง ทุกวันนี้ก็ยังมียอดคนตายเพราะโควิดในสหรัฐวันละหลายร้อยคน
กรณีงับเรื่องโรงพยาบาลสนามของพิมรี่พายมาโหนกระแสเหน็บแนมภาครัฐ ว่าสร้างโรงพยาบาลสนามแพง ทั้งๆ ที่ เป็นการบิดเบือนเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลบุษราคัมที่มีอุปกรณ์ เครื่องเอกซเรย์ปอด ฯลฯ มีระบบรักษาผู้ป่วย ไม่ใช่มีเตียงให้นอนพักฟื้นเท่านั้น แต่กลับเอาต้นทุนมาเฉลี่ยเทียบแบบผิดๆ ฯลฯ
5. ไม่น่าเชื่อว่า.... 7 ปีหลังรัฐประหาร 2557 ทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์ จะไม่ได้สำนึกในความผิดของตนเองเลย ยังไม่ยอมกลับมาต่อสู้คดี ยังพยายามเคลื่อนไหวทางการเมืองในทิศทางเดิม
แค่อาจจะเปลี่ยนวิธีการ จากเคยใช้งาน “แกนนำม็อบ” มาเป็นใช้งาน “อินฟลูเอนเซอร์” ในแวดวงออนไลน์ ให้ช่วยปั่นกระแสโจมตีรัฐบาล และพยายามเยินยอสร้างภาพให้เป็น “โทนี่ วูดซั่ม” เท่านั้นเอง
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี