“พรรคก้าวไกล” มี สส. ที่ออกอาการ “ดีดดิ้น” กับ “วัคซีนโควิด-19” มากที่สุด
มากจนประชาชนเอือมระอา ทว่า ก็ไปฉีดกันถ้วนหน้า โดยไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ สักคน แต่หาได้น้อยคนมาก ที่ช่วยสร้างความมั่นใจและความร่วมมือในการไปฉีดวัคซีนในหมู่ประชาชน จนผู้คนตั้งคำถามถึง “ทัศนคติ” ของคนกลุ่มนี้ รวมถึงมีคำถามกับ “จริยธรรมขั้นต่ำสุด” ที่พวกเขาพึงมี ว่าพอจะมีบ้างหรือไม่ พวกเขาแยกออกไหม อะไรเป็นเรื่องของ “บ้านเมือง” และอะไรเป็นเรื่อง “การเมือง”
“แสดงความชิงชังไปเสียแทบจะทุกเรื่อง แต่ก็รับประโยชน์แทบจะทุกเรื่องเช่นเดียวกัน” นั่นคือข้อสังเกตของประชาชนต่อคนพรรคนี้!!
ล่าสุด นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ทวีตข้อความส่วนตัวในทวิตเตอร์ระบุว่า “สส.พลังประชารัฐ และ สส.รัฐบาล ได้ฉีดแอสตราเซเนก้าโดยเจ้าหน้าที่จะถามก่อนว่า เป็น สส.พรรคไหนถ้าเป็นพรรคฝ่ายค้าน เจอซิโนแวค”
ข้อความนี้ของเขา ถูกท้วงติง วิจารณ์ โต้แย้ง จนถึงขั้นตำหนิเป็นอย่างมาก
1) นายเขตรัตน์ เหล่าธรรมทัศน์ สส.พรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความว่า “มุสากันดื้อๆ แบบนี้เลยก็ได้เหรอ ไม่มีการถามแน่นอนว่ามาจากฝ่ายไหนพรรคอะไร, ไม่มีการแยกหรือให้เลือกแน่นอนว่าฝั่งไหนได้ฉีดอะไร, ผมก็ สส. ฝั่งรัฐบาลที่ฉีดวัคซีน Sinovac, จะปั่นให้ป่วนไปเพื่อ?, คิด-วิเคราะห์-แยกแยะด้วยนะครับก่อนจะพูดอะไร, จะรับผิดชอบยังไงกับข้อความจากทวิตเตอร์แลนด์ แค่ลบผมไม่ยอมนะครับ
2) พลัม – จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ สส.พรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความว่า “พลัมเป็น สส.ฝั่งรัฐบาล และฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มค่ะ ข่าวลือที่ถูกสร้างจากความเกลียดชัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัคซีน การรักษา การดูแลล้วนแต่สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้เจ้าหน้าที่ บุคลากรที่ต้องทำงานเบื้องหลังอย่างหนักตั้งแต่เกิดวิกฤติโรคระบาด
เราทุกคนมีทางเลือก เลือกที่จะสร้างข่าวเท็จเพื่อประโยชน์ตัวเอง หรือเลือกที่จะร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อประเทศของเรา
หยุดสร้างข่าวปลอม! หยุดทำลายประเทศ!”
3) นายณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์ รองเลขาธิการพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนคิดว่า คนที่มีวุฒิภาวะแบบนี้ ไม่น่าเข้ามาทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนได้สิ่งที่นายประเสริฐพงษ์พูดมามีหลักฐานยืนยันหรือไม่ ถ้ามีก็เอาออกมาแฉ อย่ากล่าวอ้างลอยๆ แบบไร้สามัญสำนึกเช่นนี้ตนขอถามกลับว่า ทำไมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข รวมถึงรัฐมนตรีอีกหลายคนที่อายุไม่ถึง 60 ปี ก็ฉีดวัคซีนโควิดซิโนแวคเช่นกัน คนกลุ่มนี้ใช่คนจากฝั่งรัฐบาลหรือไม่
“ผมเชื่อว่า นายประเสริฐพงษ์ รู้ดีว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่ที่ออกมาพูดโกหก เสมือนปั้นน้ำเป็นตัวเช่นนี้เพราะหวังจะเอาวัคซีนมาเล่นการเมือง คิดแต่จะสร้างความแตกแยก ความวุ่นวายระหว่างประชาชนและรัฐบาล พฤติกรรมเช่นนี้เรียกตัวเองว่าเป็นคนไทยยังน่าละอายผมอยากรู้ว่า เมื่อไหร่ถึงจะหยุดแต่งนิยายหลอกเด็กเสียที เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกสมเพช”
นายณัฐดนัย กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ สส.พรรคนี้ ก็ออกมาสร้างเฟคนิวส์ว่า วัคซีนซิโนแวคเป็นของด้อยค่า แต่วันนี้พวกคุณก็ฉีดครบทั้ง 2 เข็มแล้ว ก็ไม่มีปัญหา ไม่พบผลข้างเคียง แต่กลับไม่ออกมาพูดความจริงให้ประชาชนฟัง คำว่าสส.ควรมีจุดยืนที่สร้างสรรค์ ทำหน้าที่อย่างมีอุดมการณ์เพื่อช่วยเหลือประชาชน สุดท้ายก็ขอฝากให้ประชาชนดูเอาไว้ ครั้งหน้าอย่าเสีย 1 คะแนนเสียงให้กับคนพวกนี้อีก
4) นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คตอบโต้อย่างดุเดือดว่า “...เป็น สส. ประเภทไหน ชอบโกหกประชาชน...เป็น สส.ภาษาอะไร ชอบสร้างความเกลียดชัง ...เป็น สส. แบบนี้ใครสั่งใครสอนมา ...เป็น สส. หรือเป็นอะไรสร้างกระแสดราม่า ไร้สาระ ผมเป็นสส.ฝั่งรัฐบาล ไม่มีเจ้าหน้าที่ท่านใดถามที่ว่า และผมฉีด ซิโนแวค #เลิกดราม่าเถอะ_ผมกราบ”
5) นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า“...เรื่องนี้ นายประเสริฐพงษ์ ต้องออกมาชี้แจงและแสดงความรับผิดชอบ เพราะการพูดจาในลักษณะแบบนี้ ไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อันใดแก่ประชาชน รวมทั้งยังสร้างความกินแหนงแคลงใจให้แก่เพื่อนสมาชิกฯ ด้วยกันเอง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่า ทำไมบางพรรคการเมืองถึงมีพฤติกรรม“ค้านทุกเรื่อง” และเล่นการเมืองแบบ “ไม่เอาใครเลย” ทั้งๆ ที่วิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนทุกคนโดยถ้วนหน้า และทุกฝ่ายมีความเชื่อว่า การฉีดวัคซีน ถือเป็นหนทางในการสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างความมั่นใจว่า จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่นายประเสริฐพงษ์ กลับมาพูดจาแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทั้งนี้ ในวิกฤติที่ผ่านมาๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุสึนามิเมื่อปี 2547 หรือมหาอุทกภัยในปี 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านนั้น ก็ได้ลงพื้นที่ประสานงานและช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย โดยไม่มีเรื่องการแบ่งว่าใครเป็นใคร เพราะทุกคนก็ถือว่า เป็นคนไทยจะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขและแบ่งปันกัน ดังนั้น การที่มี สส. บางพรรคพูดจาโดยเอาประเด็นอ่อนไหวมาทำให้เป็นเรื่องการเมืองนั้น ถือเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ และไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
“...นี่ถือเป็นอีกพฤติกรรมหนึ่ง ที่ไม่ต้องให้คนใต้ตาแจ้ง แต่คนทั้งประเทศก็ตาแจ้งแล้วว่า มี สส.บางราย ไม่ได้ทำหน้าที่สมกับที่ประชาชนไว้วางใจ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวปรากฏว่า สส.ของพรรคที่นายประเสริฐพงษ์ สังกัดอยู่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มคนแรกๆ ในประเทศ แต่ก็ไม่ได้มีการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนหรือบอกกล่าวว่า หลังการฉีดวัคซีนแล้ว มีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไร ดังนั้น ผมจึงอยากให้นายประเสริฐพงษ์ ออกมารับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้โพสต์ไปแล้ว และช่วยบอกให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงว่า หลังจากที่ฉีดแล้ว มีสภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะเป็นข้อมูลสำหรับประชาชนในการตัดสินใจฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป”นายชัยชนะ กล่าว
6) น.ส.เพชรชมพู กิจบูรณะ สส.พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์ลงในเฟซบุ๊ค ตั้งคำถามไปยังนายประเสริฐพงษ์ว่า “...ไม่ทราบว่าท่านประเสริฐพงษ์จะรับผิดชอบกับข้อความอันเป็นเท็จนี้ของท่านอย่างไรคะ เพชรเป็น สส. รัฐบาล ได้รับวัคซีน Sinovac ค่ะ ในวันที่ไปฉีด ไม่มีการสอบถามเรื่องสังกัดพรรคแต่อย่างใด เกณฑ์การฉีดวัคซีนเป็นไปตามอายุและสภาพร่างกายของแต่ละท่านค่ะ ในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ ได้โปรดหยุดสร้างความแตกแยก สับสนวุ่นวายเพิ่มขึ้นในสังคมเถอะค่ะ ด้วยความเคารพยิ่ง”
7) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร สส.กทม.เขตจอมทอง–ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เข้าใจว่าต้องการสร้างประเด็นขึ้นมาเพื่อหวังกลบกระแสที่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลไม่พอใจที่ สส.พรรคก้าวไกลยอมรับเข้าฉีดวัคซีนซิโนแวคและถูกวิจารณ์ว่าฉีดไปด่าไป ดังนั้น เกรงว่าจะกระทบต่อฐานเสียงจึงพยายามสร้างเรื่องขึ้นมาแก้เกี้ยว
เนื่องจากก่อนหน้านี้ พยายามปลุกกระแสต่อต้านวัคซีนที่รัฐบาลจัดหา แต่สุดท้ายก็ยินดีที่จะฉีดวัคซีนเพราะอาจรู้อยู่แก่ใจดีว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและไม่มีอันตราอย่างที่สร้างภาพให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวและลังเลที่จะฉีดวัคซีน หวังให้กระแสดังกล่าวเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายรัฐบาลเพียงเท่านั้น ซึ่งไม่เข้าใจว่าไม่ห่วงใยประชาชนหรืออย่างไร แทนที่จะเห็นแก่ประโยชน์ของสาธารณะช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชนด้วยการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติและรักษาสุขภาพชีวิตของประชาชน
น.ส.ทิพานันกล่าวว่า สิ่งนายประเสริฐพงษ์ กำลังทำอยู่คือการสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม ลักษณะใช้เกมทางการเมืองทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้จริยธรรม ทั้งที่ไม่มีข้อมูลหลักฐานที่น่าเชื่อถือ โดยใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือในการสร้างสังคมที่เหลื่อมล้ำ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สส.ของพรรคนี้ มีลักษณะปั้นน้ำเป็นตัว ทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เข้าข่ายสร้างเรื่องโกหกประชาชน และที่สำคัญที่รับไม่ได้ก็คือการใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างหนักอย่างไม่เป็นธรรม ว่าพวกเขาเลือกปฏิบัติ ก่อให้เกิดสองมาตรฐานระหว่างสส.พรรคร่วมรัฐบาล กับสส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงอยากเรียกร้องให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมและมีบทลงโทษนายประเสริฐพงษ์อย่างเร่งด่วน และให้ขอโทษบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
“นายพิธาต้องเลือกว่าหากเพิกเฉย ปล่อยให้ สส. ปั้นน้ำเป็นตัว กระทำการที่เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 ในการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จและฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 12 ที่ว่า ต้องไม่ใส่ร้ายป้ายสีบุคคลใดหรือนำเอาความเท็จมาแสดงโดยจากการที่ สส.ดังกล่าวใส่ร้ายว่ามีการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่และกล่าวเท็จว่าเฉพาะ สส.ฝ่ายรัฐบาลที่จะได้วัคซีนแอสตราเซเนกาเท่านั้น โดยถ้าทางพรรคก้าวไกลไม่ทำอะไร ไม่ตรวจสอบ ไม่มีบทลงโทษ และไม่ขอโทษ นายพิธาในฐานะหัวหน้าพรรคก็ต้องยอมรับว่าประชาชนจะมองเห็นถึงมาตรฐานที่ตกต่ำของพรรค อาจยิ่งตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ของพรรคเด็กเลี้ยงแกะเข้าไปอีกด้วย” น.ส.ทิพานัน กล่าว
8) น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์วันที่นายประเสริฐพงษ์ฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลกระบี่ เพราะเป็นวันเดียวกับที่ตนไปฉีดวัคซีนเข็มที่สอง และยังได้พูดคุยกับนายประเสริฐพงษ์ด้วย ตนยังบอกนายประเสริฐพงษ์ไปด้วยว่า ตนฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่สองแล้ว
“ดังนั้นจะบอกว่า นายประเสริฐพงษ์ได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนคงไม่ได้ อีกทั้งในการฉีดวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดกระบี่ ไม่มีการสอบถามว่าเป็นนักการเมืองซีกไหน ทุกท่านทำหน้าที่สมเกียรติภูมิของนักรบชุดขาว สิ่งที่นายประเสริฐพงษ์ทำ นอกจากเข้าข่ายขัดจริยธรรมร้ายแรงแล้ว ยังบั่นทอนขวัญกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำสงครามกับโรคระบาดด้วย”
น.ส.พิมพ์รพีกล่าวด้วยว่า สิ่งที่นายประเสริฐพงษ์ทำมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ จึงขอเรียกร้องให้ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ดำเนินคดีกับนายประเสริฐพงษ์ และขอให้คณะกรรมาธิการกิจการสภา สอบสวนเรื่องนี้โดยด่วน เนื่องจากการกระทำของนายประเสริฐพงษ์นั้น นอกจากจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับสภาแล้ว ยังก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม กระทบต่อความมั่นคงของรัฐในภาวะวิกฤติด้วย จึงอยากให้มีการยื่นเรื่องต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบจริยธรรมร้ายแรง เพื่อส่งศาลฎีกา ถอดถอนนายประเสริฐพงษ์ออกจากการเป็น สส.ด้วย เพราะคนโกหกสร้างความขัดแย้ง ในยามที่ชาติเผชิญหน้ากับวิกฤติหลายอย่าง ไม่สมควรเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย
9) มติชนออนไลน์ รายงานว่า ล่าสุด นายประเสริฐพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทวีตข้อความดังกล่าว โดยระบุว่า ที่ฟังมา สส.รัฐบาลเขาก็บอกว่า ฉีดแอสตราเซเนกา โดย สส.ที่ได้ฉีดมากกว่า 60 ปีก็ได้ฉีด แต่คำถามอยู่ที่ว่า ในขณะนี้สส.ฝ่ายรัฐบาลเขากล้าบอกหรือไม่ว่า คุณได้ฉีดแอสตราเซเนกาหรือซิโนแวค ซึ่งไม่กล้าบอก เพราะพวกเขาฉีแอสตราเซเนกาส่วนพวกตนเป็นพวกฝ่ายตัวแทนประชาชน ฉีดซิโนแวคเหมือนชาวบ้านทุกคน
“ที่ความแตกก็เพราะว่า มี สส.คนหนึ่งไปฉีดวัคซีนที่ต่างจังหวัด และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ถามว่า ท่านเป็น สส.พลังประชารัฐหรือไม่ ซึ่งถามนำเหมือนกับว่า เจ้าหน้าที่ก่อนจะฉีดต้องรู้ว่าเป็น สส.พรรคไหน ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แล้วเขาจะได้จัดเอาวัคซีนให้ถูก ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ฝ่ายค้านทุกคนจะได้ฉีดซิโนแวค ซึ่งมี สส.ฝ่ายค้านบางคนที่ได้ฉีดแอสตราเซเนกาภายใต้การต่อรองกับเจ้าหน้าที่” นายประเสริฐพงษ์กล่าว
สรุป : เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การสนุกกับโซเชียลมีเดียไปวันๆ อีกแล้ว แต่เป็นเรื่องที่
1.สส.ประเสริฐพงษ์ต้องรับผิดชอบทั้งข้อเท็จจริง หลักฐานยืนยันข้อความของตน รับผิดชอบทางจริยธรรม และรับผิดชอบตามกฎหมาย ในการเผยแพร่ข้อมูลในท่ามกลาง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคระบาด ตลอดจน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
2.หัวหน้าพรรคก้าวไกล อย่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต้องไม่เพิกเฉยต่อพฤติกรรมของลูกพรรค เพราะชอบแสดงตนเป็นผู้ยึดมั่นในความจริง ความถูกต้อง และจริยธรรมอันสูง
ส่งมาตลอด นี่คือมาตรฐานขั้นต่ำสุด ที่หัวหน้าพรรคจะต้องแสดงออกมาว่า “มีอยู่จริง”
3.ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจในการตรวจสอบและทำความจริงให้ปรากฏหรือไม่เพียงใด เพราะอย่างน้อยๆ สส.ทุกคนที่ได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว จะมีใบรับรองการฉีดที่ระบุชนิดของวัคซีนที่ได้รับเอาไว้ด้วย
4.ในแง่มาตรฐานทางจริยธรรม ใครต้องเป็นผู้ดำเนินการร้องไปยัง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบเอาผิด จงดำเนินการเสีย ดีที่สุดคือ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงมือ เพราะเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของพรคที่จะต้องสร้างบรรทัดฐานในการเลือกคนมาเป็น สส.
5.ในแง่ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รัฐมนตรีชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ควรเร่งดำเนินการตามที่ สส.พิมพ์รพีพันธุ์วาติกุล ชี้แนะ
เราจะมี สส.ปากพล่อย พูดจาส่งเดช ปราศจากความจริง จนเป็นที่ปั่นป่วนของสังคมท่ามกลางวิกฤติและความเหนื่อยยากของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขแบบนี้ไม่ได้
แผ่นดินควรเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ปราศจากกาฝากและเพลี้ยหนอนทั้งปวง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี