ผมเข้าร่วมงานประชุม โฟกัส กรุ๊ปสานพลังสื่อมวลชนไทยลดปัจจัยเสี่ยง สร้างวิถีสุขภาวะ เรื่อง “รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า ท้าทายการแพร่ระบาดโควิด-19” ผ่านระบบออนไลน์ มีผู้แทนสื่อมวลชนทั้ง หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุและออนไลน์ เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างคับคั่ง เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
งานนี้จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ร่วมกับมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.)และภาคีรณรงค์ลด ละ เลิกบุหรี่ มี ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และรศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญ เลขาธิการเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ ในการควบคุมการบริโภคยาสูบเป็นวิทยากร และนายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโสอดีตกรรมการสสส.เป็นผู้ดำเนินรายการ
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ บอกว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นมหันตภัยสิ่งเสพติดใหม่สำหรับเยาวชนไทยที่แพร่หลายอยู่ในขณะนี้มี 2 ชนิด คือชนิดน้ำที่นำสารนิโคติน สารเสพติดที่สกัดจากใบยาสูบมาผสมกับสารเคมีเพื่อปรุงแต่งกลิ่นรสและสารที่เป็นตัวละลายกลายเป็นน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านำมาใส่อุปกรณ์ใช้ความร้อนจากแบตเตอรี่ทำให้น้ำยาระเหยเป็นละอองไอสูบผ่านทางเดินหายใจเข้าสู่ปอด ส่วนอีกชนิดหนึ่งเป็นการนำใบยาสูบมาบดเป็นผงผสมกับสารเคมีนำไปอัดเป็นบุหรี่มวนเล็กนำไปเสียบกับอุปกรณ์ที่ใช้ความร้อนจากแบตเตอรี่เกิดเป็นไอสูดเข้าปอด ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าชนิดน้ำและใช้ความร้อนมีอันตรายต่อปอดและสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวคือการเสพติดนิโคตินเหมือนกัน
หมอนักรณรงค์ยังบอกต่อว่าผลกระทบของการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีทั้งต่อตัวผู้สูบบุหรี่อยู่แล้วเปลี่ยนมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนเพื่อหวังว่าจะเลิกบุหรี่แต่ไม่ได้ผลกลายเป็นคนที่สูบทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าในที่สุด นอกจากนี้ยังมีผลต่อคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นเมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนไปสูบบุหรี่ธรรมดาสูงกว่าวัยรุ่นที่ไม่ได้สูบบุหรี่ไฟฟ้า 2-3 เท่าส่วนผลของไอระเหยมือสองต่อคนที่ไม่สูบบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการระคายเคืองของทางเดินหายใจในคนที่เป็นโรคหืดหรือโรคภูมิแพ้
ทางด้าน รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญ ให้ข้อมูลว่าช่วงโควิด-19 กำลังระบาดรุนแรงนี้ การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยให้ทุกคนปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ภูมิคุ้มกันที่เคยย่ำแย่จะเริ่มฟื้นตัวลดความเสี่ยงในการรับเชื้อไวรัสจากฝอยละอองที่เกิดจากการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า คนที่ยังสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ากำลังเอาชีวิตของตนเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายโดยไม่จำเป็นเพราะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่สูบเลย แต่ที่น่ากังวลคือเมื่อติดเชื้อแล้วจะเกิดผลแทรกซ้อนที่นำไปสู่ความพิการแบบถาวรหลากหลายรูปแบบ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หลอดเลือดสมองอุดตัน ซึ่งพบว่าหลอดเลือดใหญ่ในสมองอุดตันในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่และติดเชื้อโควิด-19มีมากถึง 44 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้นแล้ว 30 เปอร์เซ็นต์ จะลงเอยด้วยการเสียชีวิต ส่วนอีก 27 เปอร์เซ็นต์กลายเป็นอัมพาตต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต
“ไม่เพียงแค่นั้นคนที่สูบบุรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าแล้วติดเชื้อโควิด-19 ยังมีโอกาสเป็นปอดบวมชนิดรุนแรงได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า และหากรอดมาได้ปอดของคนเหล่านี้ก็จะพิการไปตลอดชีวิตปอดทำงานได้น้อยลงจากการที่เนื้อปอดถูกแทนที่ด้วยเยื่อพังผืด ความเสี่ยงเหล่านี้คนที่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสเกิดมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ถึง 14 เท่า” รศ.นพ.สุทัศน์กล่าวพร้อมนำภาพสไลด์ให้ดูว่าผู้ป่วยโควิดที่สูบบุหรี่นั้นจะต้องใช้ทีมแพทย์พยาบาลดูแลถึง 6 คน ในการพลิกตัวให้นอนคว่ำเพื่อหายใจได้สะดวก
ด้านตัวแทนสื่อมวลชนได้ซักถามและแสดงความเห็นที่หลากหลายเพื่อให้คนไทยสูบบุหรี่น้อยลงหรือเลิกสูบไปเลย เช่น นายมานพ โตการค้า เจ้าของบริษัทไอพีเอ็มทีวี จำกัด หรือ IPM จานส้มบอกว่าต้องใช้มาตรการองค์กรใครเลิกบุหรี่จะขึ้นเงินเดือนให้เป็นพิเศษและเสนอให้สำนักงานประกันสังคมเข้ามีบทบาทเรื่องนี้ด้วย หากพนักงานในบริษัทสูบบุหรี่น้อยลงจะเป็นผลดีลดภาระการใช้เงินเยียวยาด้วย
ในขณะที่สื่อมวลชนหลายสำนักเห็นตรงกันว่าหนทางที่จะเลิกบุหรี่ได้ดีที่สุดก็คือตนเองคือการหักดิบ นั่นคือจิตใจต้องเข้มแข็งมีคนในครอบครัวเป็นกำลังใจ นอกจากนั้น ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ภาคนโยบายต้องเอาจริงเอาจังด้วย และควรจะใช้โอกาสการระบาดของโควิด-19 ในการสื่อสารรณรงค์อย่างต่อเนื่อง สื่อสารให้รู้ว่ามีช่องทางในการให้คำปรึกษาในการลด ละ เลิกบุหรี่ซึ่งปัจจุบันมีบริการสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 ให้คำปรึกษาและหากต้องการบำบัดก็มีคลินิกฟ้าใส ร้านยาเภสัชอาสา
ครับนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของความคิดเห็นและการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างสื่อมวลชนกับคนทำงานด้านรณรงค์ลด ละ เลิกบุหรี่ หลายคนยังตั้งความหวังว่า
โควิดรอบนี้จะทำให้คนที่คิดจะเลิกสูบบุหรี่จะได้ตัดสินใจเด็ดขาดเสียที
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี