ตั้งแต่ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้นำกองทัพพม่าก็ยังคงเดินหน้าทำตามอำเภอใจ คือ ไล่ตามล้างตามเช็ดผู้ต่อต้าน คุมขังแกนนำทางการเมือง ตั้งข้อหาว่ากระทำการผิดกฎหมาย และปลดข้าราชการ โดยเฉพาะครู เป็นจำนวน 100,000 กว่าคน (จากทั้งหมด 400,000 คน)ในข้อหาว่าได้เข้าร่วมการประท้วงฝ่ายกองทัพผู้ยึดอำนาจ
ในขณะที่ฝ่ายผู้นำอาเซียนนั้นก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่า คณะผู้แทนพิเศษที่จะเดินทางเข้าไปที่ประเทศพม่าเพื่อหารือและช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง จะประกอบด้วยใครบ้าง โดยมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า ฝ่ายผู้นำกองทัพพม่าจะต้องเป็นผู้ให้ความเห็นชอบกับรายชื่อคณะผู้แทนพิเศษนี้ก่อนด้วย
สถานการณ์ที่ชาวพม่ายังตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยต่อการดำรงชีวิต ขาดซึ่งอาหาร น้ำ ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน โดยฝ่ายผู้นำทหารพม่าไม่แยแส ยี่หระ ไม่สะทกสะท้าน เพราะมุ่งเพียงแค่จะปราบประชาชนพลเมืองให้อยู่มือ ให้อยู่ใต้อาณัติทั้งหมดนี้ ได้สะท้อนถึงความไร้กึ๋นของผู้นำอาเซียนทั้ง 9 ประเทศ และสะท้อนการไร้ซึ่งเขี้ยวเล็บของประชาชนคนอาเซียนโดยรวม
การจะไปขอร้องให้กองทัพพม่าใช้ไม้นวมกับฝ่ายต่อต้านนั้น ฝ่ายผู้นำกองทัพพม่าคงไม่ฟัง เพราะเขาเห็นว่า ผู้นำอาเซียนทั้ง 9 ประเทศนั้นต่างอ่อนแอไม่กล้ายืนอยู่กับหลักการและสภาพความเป็นจริง เมื่อได้รับการร้องขอ กองทัพพม่าก็เลยทำเป็นเฉยเมยต่อข้อเรียกร้อง ซึ่งถือเป็นการ “ตบหน้า” และหยามอาเซียนให้โลกได้เห็นกัน
ประเด็นคือ ฝ่ายผู้นำกองทัพพม่านั้น เลว เลวร้ายและโหดร้าย ชนิดเห็นๆ กันอยู่แล้ว ซึ่งผู้นำอาเซียนทั้ง 9 ประเทศ จะต้องไม่ยอม ไม่ไปเห็นดีเห็นงาม และโอนอ่อนให้กับพฤติกรรมของกองทัพพม่า
ซึ่งหากผู้นำประเทศอาเซียนมีกึ๋น ก็ย่อมรู้แก่ใจแล้วว่า “ไม้อ่อน” นั้น ไม่สามารถใช้กับฝ่ายผู้นำทหารพม่าได้ ก็น่าจะถึงเวลาที่จะใช้ “ไม้แข็ง” เป็นเขี้ยวเล็บในการจัดการปัญหาของพม่า ไม่ว่าจะเป็น
1. แช่แข็งบัญชีธนาคารของผู้นำทหารพม่า และเครือข่าย รวมทั้งบรรษัทที่ฝ่ายกองทัพเป็นเจ้าของ หรือร่วมลงทุน
2. ไม่ต้อนรับการเยือนของบุคลากรพม่า ตราบใดที่ความรุนแรงยังไม่ยุติ ไม่มีความปลอดภัยของนักการเมืองและฝ่ายต่อต้านโดยทั่วไป รวมทั้งบรรดาข้าราชการที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร
3. การไม่ให้พม่าเข้าร่วมในกิจการอาเซียนดังเช่นเดียวกับในข้อ 2
4. การกักการจ่ายค่าสินค้าส่งออกของพม่า เช่น ในกรณีของไทยที่ต้องจ่ายค่าก๊าซให้กับประเทศพม่า โดยนำเอาเงินค่าจ่ายก๊าซงวดต่างๆ ไปกองเก็บไว้ที่บัญชีกลางเพื่อมิให้ฝ่ายกองทัพพม่าแตะต้องได้ และเพื่อจะได้โอนให้รัฐบาลที่ชอบธรรมของพม่าในภายหลัง
5. การยุติ หรือชะลอการมีธุรกิจ กับธุรกิจใดๆ ของฝ่ายกองทัพพม่า
6. การร่วมกับนานาประเทศ ให้ยุติการขายอาวุธให้กองทัพพม่า
7. การพูดจาทางการทูต กับฝ่ายรัฐบาล และรัฐบาลของฝ่ายต่อต้าน เพื่อให้สมดุลกับการที่ฝ่ายผู้นำอาเซียนได้พบปะกับหัวหน้าฝ่ายทหารปฏิวัติพม่า ที่กรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 นี้ และเพื่อแสดงว่าเป็นการหารือเพื่อช่วยไกล่เกลี่ยระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายของพม่า
8. การสนับสนุนข้อเสนอของฝ่ายต่อต้านในเรื่องการยกร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย วางโครงร่างประเทศแบบสหพันธรัฐ เพื่อการอยู่ร่วมกันของชนกลุ่มใหญ่ คือชาติพันธุ์พม่า กับบรรดาชนกลุ่มน้อยทั้งหลาย
9. สนับสนุนให้มีการปรองดองสมานฉันท์เพื่อความสามัคคี เป็นเรื่องของชาวพม่า ทุกฝ่ายทั้งปวงก็จะว่ากันเอง โดยไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก
10. สิ่งที่ต้องมีการดำเนินการทันทีทันควัน คือ 1. ยุติการใช้ความรุนแรง 2. ปลดปล่อยผู้ถูกคุมขัง3. ยุติการกวาดล้างและตั้งศาลเตี้ย 4.ให้ข้าราชการกลับไปทำงานตามเดิม และ 5.เปิดช่องทางเพื่อร่วมมือช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมทั้งภายในพม่า และตลอดชายแดนไทย-พม่า
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้นำอาเซียนทั้ง 9 จะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดเสียแต่วันนี้ และเดินหน้าลงมือทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นแรงใจ และรับประกันให้กับชาวพม่าว่าจะมีประชาธิปไตย และมีอนาคตที่ดีภายใต้ร่มเงาของอาเซียนด้วยกัน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี