วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / นายซื่อตรงรักเมืองไทย
นายซื่อตรงรักเมืองไทย

นายซื่อตรงรักเมืองไทย

นายซื่อตรงรักเมืองไทย
วันพฤหัสบดี ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 02.00 น.
ว่าด้วยการรักษาสมดุล

ดูทั้งหมด

  •  

วัดใจพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้งหลังการเปิดสมัยประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่รองนายกฯ วิษณุได้ให้ความเห็นก่อนการเปิดสมัยประชุมแล้วว่าถ้าหากไม่ผ่าน ก็อาจมีการยุบสภา หรือลาออก เนื่องจากเป็นทำเนียมปฏิบัติ ซึ่งก็มองได้ทั้งข้อมูลเชิงข้อเท็จจริง หรืออาจเป็นการแจ้งเตือนพรรคร่วมหากใครคิดจะแตกแถว ทั้งที่จริงๆฝ่ายรัฐบาลยังครองเสียงส่วนใหญ่ในสภา และคงมีเสถียรภาพต่อไปได้จนถึงหมดสมัยประชุม

เอาจริงๆ สถานการณ์ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีปมขัดกันบ้าง


มาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีข่าวต้องเคลียร์ใจกันไปแล้ว ต่อมาด้วยเรื่องของภูมิใจไทยที่มีปัญหาที่ดูจะเป็นความขุ่นมัวกันตั้งแต่เรื่องของอำนาจการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการตั้งกลไกพิเศษอย่าง ศบค. มาควบคุมการปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข จนอาจทำให้เป็นความขุ่นเคืองระหว่างนายกฯ และรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่เหมือนจากถูกลดบทบาท

การอภิปรายในเรื่องของงบประมาณ ที่ครั้งนี้มีสส. จากพรรคภูมิใจไทยอภิปรายในประเด็นของงบประมาณด้านสาธารณสุข ผู้ที่ออกมาอภิปรายก็ถือว่าเป็นระดับขุนพลของภูมิใจไทยที่ออกมากล่าวไปทำนองว่า “ท่านหัวหน้าพรรค ถ้าเค้าไม่เห็นความสำคัญเรา เรากลับพรรคกันดีกว่า” ขณะที่ฝ่ายค้านครั้งนี้ก็มาแปลก ที่เน้นอภิปรายว่างบประมาณรายจ่ายน้อยเกินไปแต่ระบุชี้ไปเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขว่าควรได้งบฯมากกว่านี้ การอภิปรายดังกล่าวบวกกับการช่วยย้ำแผลของฝ่านค้าน ภาพรวมจึงอาจถูกมองได้ว่า เป็นรอยร้าวของพรรคร่วมหรือไม่?

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศ ไม่ใช่เพียงผู้นำหัวโต๊ะคณะรัฐมนตรี ก็จำเป็นต้องหาสมดุลของการบริหารและปกครองจากทั้งการฟังเสียงพรรคร่วมรัฐบาล กับการปกครองประชาชนทั้งประเทศและการบริหารสถานการณ์ที่ยังไม่สามารถระบุจุดจบได้ จะตามใจทุกคนทุกฝ่ายคงไม่ได้

เมื่อพิจารณาเรื่องการจัดสรรงบประมาณของประเทศด้วยงบประมาณที่จำกัด ผู้นำรัฐบาลก็จำเป็นต้องหาสมดุลของการจัดสรรงบประมาณในการแก้ปัญหาประเทศและการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน เพื่อตอบสนองประชาชนทุกกลุ่ม แต่ด้วยสถานการณ์วิกฤตการณ์โควิดที่เกิดขึ้น และมาวันนี้เข้าสู่ปีที่สองของการประคองสถานการณ์แล้วและยังไม่มีท่าทีสถานการณ์จะยุติเมื่อไร นี่ยังไม่นับการต้องเตรียมงบประมาณส่วนหนึ่งสำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศหลังโควิด การจัดสรรงบประมาณประเทศจึงต้องหาสมดุลให้ดีระหว่างภาระงานปกติและภาระงานจากโควิด และต้องรักษาสมดุลของตัวเลขงบประมาณที่ต้องคำนึงภาระหนี้รัฐและการจัดสรรงบประมาณในปีต่อๆ ไปด้วย ทุกหน่วยงานทุกกระทรวงจึงควรทบทวนภาระงานและงบประมาณของตนเองว่าสามารถที่จะปรับ หรือ ไกล่เกลี่ย หรือ แปลงโครงการ มาสนับสนุนงานที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาและการช่วยเหลือดูแลประชาชนในมิติต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ทุกหน่วยงานก็ต้องเสียสละทรัพยากรหรืองบประมาณตัวเองระดมมาช่วยเหลือและแก้ปัญหาโควิดในทุกมิติ โดยมองว่าเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่เพียงวาระของสาธารณสุขเพียงลำพัง ซึ่งในปีที่แล้วถือว่าทำได้ดีสำหรับแต่ละกระทรวงที่มีการปรับเกลี่ยมาช่วยตามบทบาทอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดแต่จำเป็นต้องใช้ จึงเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องหาสมดุลของจัดสรรงบประมาณในรูปแบบใหม่ตามสถานการณ์

แต่สำหรับการบริหารประเทศในเวทีโลก หรือการบริหารประเทศต่อสถานการณ์ต่างๆ นั้นไม่ได้มีเพียงเรื่องแก้ปัญหาโควิดอย่างเดียว ยังมีปัญหาอื่นที่รัฐบาลต้องจัดการ นอกจากนี้หลังโควิดจะเกิดอะไรขึ้น สถานะประเทศไทยในโลกจะเป็นอย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้จำเป็นให้ทุกประเทศต้องหยุดแล้วออกสต้าทพร้อมกันหลังโลกคุมสถานการณ์โควิดได้แล้ว ผู้นำประเทศควรต้องมองไปถึงการแก้ปัญหาทุกวันนี้และการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันต่อจากนี้

ทุกประเทศต่างมีแนวทางในการดึงจุดแข็งตนเองมาสร้างเสริมศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ และคงสถานะประเทศนั้นๆ ในเวทีโลก ที่ต้องรักษาไว้ซึ่งดุลอำนาจสามอย่าง คือ อำนาจต่อรองทางการทหาร อำนาจต่อรองเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอำนาจต่อรองทางการเมืองระหว่างประเทศ ขาดอันใดอันหนึ่งก็จะขาดพลัง

ซึ่งเมื่อกลับมาย้อนดูเรื่องความสมดุลทางด้านงบประมาณเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทั้งสามด้าน นั้น โดยหากสังเกตจากการใช้จ่ายงบประมาณของชาติมหาอำนาจและประเทศพัฒนาต่างๆ ทั่วโลก จะเห็นว่าการพัฒนาฐานอำนาจทั้งสามด้านควบคู่กันจะสามารถทำให้ประเทศมีอำนาจต่อรองเหนือประเทศอื่น

แม้จะบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงครามโลกแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงความขัดแย้งของประเทศยักษ์ใหญ่ทั่วโลกที่เป็นทั้งเรื่องการทหารตรงๆ หรือเรื่องการค้า เช่นนี้ มิอาจปฏิเสธได้ถึงความไม่มั่นคงจากเรื่องความปลอดภัยของประเทศไม่ว่าประเทศใด การฝึกซ้อมและการพัฒนาศักยภาพประเทศด้านยุทโธปกรณ์ก็ยังเป็นประเด็นที่จะปล่อยวางไม่ได้ เพราะหลายครั้งอำนาจต่อรองทางการทหาร ก็นำมาซึ่งอำนาจต่อรองทางการเมืองระหว่างประเทศ และอำนาจต่อรองเศรษฐกิจระหว่างประเทศด้วย ซึ่งหากกล่าวแบบฝ่ายค้านว่าเตียงพอแล้วหรือถึงจะซื้ออาวุธ หรือ รถถังมันสู้โควิดไม่ได้? ก็เป็นความคิดที่จะตื้นเขินเกินไป

ประเทศมหาอำนาจในโลกนี้อย่างเช่น สหรัฐฯมีอำนาจต่อรองทางการทหารที่ชัดเจนตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองและยังมีกองกำลังกระจายอยู่ทั่วโลกโดยไม่มีทีท่าจะปรับลดลง มีอำนาจต่อรองทางการเมืองระหว่างประเทศในฐานะกลุ่มผู้นำของกลุ่มประเทศในมิติต่างๆ ที่สหรัฐเป็นผู้ริเริ่มขึ้น และที่สำคัญมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอันเป็นผลจากการใช้อำนาจการเมืองระหว่างประเทศจากองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ที่สหรัฐก่อตั้งหรือผลักดันให้เกิดขึ้น ขณะที่ประเทศรัสเซียมีอำนาจต่อรองกับการทหารจากศักยภาพของกองทัพและความสามารถในการผลิตยุทโธปกรณ์ มีอำนาจต่อรองการเมืองระหว่างประเทศจากฐานกลุ่มประเทศที่มีความเกี่ยวพันกับรัสเซีย ตลอดจนประเทศพันธมิตรที่มีอุดมการณ์คล้ายกัน แต่รัสเซียก็ยังขาดอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจที่ด้อยกว่าสหรัฐฯ ตลอดจนขนาดเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่มากนักทั้งจากการบริโภค และการลงทุนในต่างประเทศ พี่ใหญ่แห่งเอเชียอย่างจีนก็มีจุดเด่นในเรื่องของอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ชัดเจนและเข้มแข็งในฐานะฐานการผลิตของโลก มีอำนาจทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างชัดเจนเหนือภูมิภาคเอเชีย มีอำนาจต่อรองทางการทหารที่นับวันจะยิ่งเติบโตทั้งในศักยภาพของกองทัพและศักยภาพในการผลิตยุทโธปกรณ์

ขณะที่ญี่ปุ่นที่มีพื้นฐานอำนาจทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศดีมานานแล้วตั้งแต่สหรัฐฯเข้ามาวางระบบให้ แต่ญี่ปุ่นไม่มีอำนาจทางการทหารเลยและส่งผลให้ญี่ปุ่นไม่มีอำนาจต่อรองทางการเมืองระหว่างประเทศทำให้สถานะคู่แข่งของจีนในอาเซียนกลับด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

มาถึงไทยประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค มีภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิก เป็นส่วนหนึ่งในประเทศชั้นนำของเอเชียและเป็นส่วนสำคัญในอาเซียน อำนาจทางการทหารประเทศไทยไม่เป็นรองชาติอื่นในอาเซียน มีอินโดนีเซียที่มีขนาดกองทัพที่ใหญ่กว่า และมาเลเซียที่มียุทโธปกรณ์ที่ทัดเทียมกับไทย ? อำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจประเทศไทยมีพอประมาณและมีศักยภาพโอกาสเติบโตในสายตาต่างชาติ รวมถึงศักยภาพทางด้านการผลิตอาหารที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของไทยที่ต่างชาติให้การยอมรับ ขณะที่ทางด้านการเมืองระหว่างประเทศประเทศไทยมีอำนาจต่อรองทางการทูต และการรักษาดุลอำนาจระหว่างชาติมหาอำนาจ ที่ไทยก็ทำได้ดีมาตลอด การวางเป้าหมายของประเทศจึงต้องมองให้ไกลในเรื่องของปัจจัยด้านอื่น ไม่ใช่มองแต่การแก้ปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะเมื่อถึงวันที่สถานการณ์คลี่คลายกลไกด้านอื่นก็จำเป็นต้องมีบทบาทเช่นกัน การวางเป้าหมายระยะสั้นเพียงวิกฤติโควิดอาจทำให้เป้าหมายหลักคลาดเคลื่อนไปได้ ต้องมองที่จุดแข็งของไทยที่จะรักษาสมดุลของการอยู่รอดในฐานะสมาชิกในเวทีระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในทั้งสามด้าน ที่จะเติบโตและเป็นจุดแข็งของเราในอาเซียนและในเอเชีย แต่จะทำเช่นนั้นได้รัฐบาลต้องมองให้ไกลกว่าเดิม ดังนั้นหากกลับมามองในเรื่องของการจัดสรรงบประมาณ ก็ต้องมองให้ไกลว่าการจัดสรรในวันนี้จะให้ผลอะไรในอนาคต จึงต้องมองข้ามเพียงเรื่องการเมือง วาทกรรม และกระแสสังคมที่มีผู้ได้และเสียประโยชน์อยู่เบื้องหลังการสร้างกระแสของคนในสังคม

วันนี้รัฐบาลมาถูกทางแล้วในเรื่องของการบริหารสถานการณ์โควิด-19 คือการตัดสินใจเลือกเป็นฐานการผลิตของ AstraZeneca เพื่อสร้างความมั่นคงในเรื่องของวัคซีน ตลอดจนวัคซีนที่เลือกมาเสริมอย่างSinovac ที่หลายคนบอกว่าไม่ได้มาตรฐานก็ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลกแล้ว การจัดสรรงบประมาณในรอบนี้นอกจากมองมุมของการบริหารวิกฤติแล้วก็ต้องมองออกไปให้ไกลถึงโลกหลังวิกฤติด้วยว่าอะไรจะเป็นหมากสำคัญของประเทศต่อไป.....

“โชคและเคราะห์ ความจริงพิสดารยิ่ง

หากท่านพบพานเรื่องเคราะห์ร้าย อย่าได้ตัดพ้อ ตำหนิ อย่าได้ท้อแท้

แม้นับว่าท่านถูกเคราะห์จู่โจมจนล้มลงก็หาเป็นไรไม่

ขอเพียงยังมีชีวิต ท่านก็ต้องยังมีเวลาทรงกายขึ้นยืนได้”

(โกวเล้ง จากมังกรเมรัย)

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
14:36 น. โพสต์เดือด! 'โดม ปกรณ์ ลัม'ลั่น'ศึกนอกไม่เท่าไส้ศึก'
14:26 น. 'ฮุน เซน'อ้าแขนรอรับ'แรงงาน'กลับบ้าน ลั่นเราพึ่งไทยไม่ได้ตลอด กัมพูชามีงานรองรับเพียบ
14:26 น. ตร.กระทุ่มแบนรวบ'บัญชีม้า'แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเหยื่อสูญเงินเกือบล้าน
14:26 น. 'ลูกพีช อชิรญา'และ 'ป๊อป ปิโยรส' คว้ามงกุฎ 'Miss & Mrs. Tourism Thailand 2025'
14:21 น. ‘พท.’จ่อคุยลูกพรรค หลังไล่‘อนุทิน’พ้นรัฐบาล รับกังวลหากไปจริงเสียงหาย 70 กว่าเสียง
ดูทั้งหมด
ไม่ทน! 'รพ.พระนั่งเกล้า'ลั่นลุยดำเนินคดีแน่ หลังพยาบาลโดนทำร้าย ขณะปฏิบัติงาน
'สุขุม' อ่าน 'มหิดลโพล' เตือนระวัง 'ทักษิณ' ซัดกลับ เหตุผลลัพธ์ไม่ถูกใจ
ชายแดนจันท์หวิดเกิดจลาจล! 'ชาวกัมพูชา'ประท้วงหลังด่านบ้านแหลมปิดตามเวลาใหม่รถติดค้างอื้อ
เปิดเบื้องหลัง'ฮุนมาเนต' ชิง'ตัดเน็ต-ตัดไฟ'ก่อนไทย แท้จริงแล้วตระกูลฮุนได้อะไร?
‘ผู้ว่าฯปอยเปต’ประสาน‘กกล.บูรพา’ขออนุญาตให้‘นักเรียนกัมพูชา’ผ่านแดน นอกเวลามาตรการ
ดูทั้งหมด
เขมร‘ขี่ไทย’เพราะมี‘ไส้ศึก’
ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ
ศิลปะแห่งการใช้ชีวิต : เมื่อชีวิตเป็นของเรา
หนังยังไม่จบ
ตาดูดาว เท้าสั่นไหว?
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชมสด! การออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568

'ฮุน เซน'อ้าแขนรอรับ'แรงงาน'กลับบ้าน ลั่นเราพึ่งไทยไม่ได้ตลอด กัมพูชามีงานรองรับเพียบ

โพสต์เดือด! 'โดม ปกรณ์ ลัม'ลั่น'ศึกนอกไม่เท่าไส้ศึก'

ตร.กระทุ่มแบนรวบ'บัญชีม้า'แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเหยื่อสูญเงินเกือบล้าน

‘พท.’จ่อคุยลูกพรรค หลังไล่‘อนุทิน’พ้นรัฐบาล รับกังวลหากไปจริงเสียงหาย 70 กว่าเสียง

อีกแล้ว!!! 'อดีตบิ๊กข่าวกรอง'ซัด'ไทย'เดินช้ากว่า'กัมพูชา'ไม่รู้กี่ก้าว ฝ่ายนั้นเคลมดินแดนแล้ว

  • Breaking News
  • โพสต์เดือด! \'โดม ปกรณ์ ลัม\'ลั่น\'ศึกนอกไม่เท่าไส้ศึก\' โพสต์เดือด! 'โดม ปกรณ์ ลัม'ลั่น'ศึกนอกไม่เท่าไส้ศึก'
  • \'ฮุน เซน\'อ้าแขนรอรับ\'แรงงาน\'กลับบ้าน ลั่นเราพึ่งไทยไม่ได้ตลอด กัมพูชามีงานรองรับเพียบ 'ฮุน เซน'อ้าแขนรอรับ'แรงงาน'กลับบ้าน ลั่นเราพึ่งไทยไม่ได้ตลอด กัมพูชามีงานรองรับเพียบ
  • ตร.กระทุ่มแบนรวบ\'บัญชีม้า\'แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเหยื่อสูญเงินเกือบล้าน ตร.กระทุ่มแบนรวบ'บัญชีม้า'แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเหยื่อสูญเงินเกือบล้าน
  • \'ลูกพีช อชิรญา\'และ \'ป๊อป ปิโยรส\' คว้ามงกุฎ \'Miss & Mrs. Tourism Thailand 2025\' 'ลูกพีช อชิรญา'และ 'ป๊อป ปิโยรส' คว้ามงกุฎ 'Miss & Mrs. Tourism Thailand 2025'
  • ‘พท.’จ่อคุยลูกพรรค หลังไล่‘อนุทิน’พ้นรัฐบาล รับกังวลหากไปจริงเสียงหาย 70 กว่าเสียง ‘พท.’จ่อคุยลูกพรรค หลังไล่‘อนุทิน’พ้นรัฐบาล รับกังวลหากไปจริงเสียงหาย 70 กว่าเสียง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งไพ่ ทิ้งทวน

ทิ้งไพ่ ทิ้งทวน

11 พ.ค. 2566

นิ่งๆอาจกินเรียบ

นิ่งๆอาจกินเรียบ

4 พ.ค. 2566

ทางเลือกหรือทางรอด?

ทางเลือกหรือทางรอด?

27 เม.ย. 2566

ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

20 เม.ย. 2566

เปลี่ยนเพื่อไปต่อ

เปลี่ยนเพื่อไปต่อ

13 เม.ย. 2566

ฉากเดิมๆ

ฉากเดิมๆ

6 เม.ย. 2566

ระฆังเริ่มยก

ระฆังเริ่มยก

30 มี.ค. 2566

ล้างไพ่สลายขั้ว

ล้างไพ่สลายขั้ว

23 มี.ค. 2566

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved