ความจริงแล้วสงครามโรคที่ได้กลายเป็นสงครามโลกกลายๆ เพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอันตรายได้คร่าชีวิตมนุษย์ทั่วทุกมุมโลกแล้วกว่า 3.3 ล้านราย และติดเชื้อโรคร้ายมากกว่า 1.5 พันล้านราย
แต่สำหรับประเทศไทยสถานการณ์โควิด-19 ยังอยู่ในภาวะที่พอรับมือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามีสถาบันพระมหากษัตรย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐที่ทรงมีน้ำพระทัยอันล้ำเลิศยื่นพระหัตถ์และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ลงมาช่วยให้คนไทยพ้นจากอันตรายไปได้ระดับหนึ่ง
ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์สละกำลังทรัพย์และกำลังพระวรกายช่วยให้คนไทยและชาวโลกให้ปลอดภัยด้วยพระราชทานเครื่องมือแพทย์ยารักษาโรคตลอด รวมถึงอาหารให้แก่ผู้ประสบภัยโควิดทั่วประเทศและพระราชทานไปถึงประเทศเพื่อนบ้านเท่าที่ทำได้
ล่าสุดเมื่อปัญหาที่รัฐบาลไม่สามารถจัดหาวัคซีนมาให้ทันกับการระบาดใหญ่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็ลงมาจัดหาวัคซีนทางเลือกช่วยฉีดให้คนไทยเพื่อแก้ปัญหา จนกว่ารัฐบาลจัดหาหรือได้รับมอบวัคซีนจากบริษัทที่ผลิตที่ได้ทำสัญญากันไว้
ถ้าพิจารณาจากข้อมูลความจริงแล้วเราสามารถพูดได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชกรณียกิจมากกว่าผู้บริหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงเสียอีก นับแต่บริษัทปูนซิเมนต์ไทยที่หุ้นส่วนใหญ่เป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้วางมัดจำทำสัญญาสั่งซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกา (AZ) จนมาถึงราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จัดหาวัคซีนซิโนฟาร์มมาเป็นวัคซีนทางเลือกให้คนไทย
ที่พูดว่าสถานการณ์วิกฤติโควิดในเมืองไทยอยู่ในภาวะที่รับมือได้เพราะทั่วโลกติดเชื้อไปแล้วกว่า 1.5 พันล้านราย และตายไปแล้วกว่าสามล้านสามแสนราย
ประเทศจีนซึ่งเป็นจุดที่พบเชื้อไวรัสโควิดเป็นแห่งแรกในเมืองอู่ฮั่น ในเวลานั้นจีนถูกจัดให้เป็นประเทศอันดับหนึ่งที่ติดเชื้อโคโรนา ประเทศไทยตามมาในฐานะติดเชื้อเป็นอันดับสอง
มาถึงวันนี้จีนตกลงไปอยู่ในอันดับ 97 เพราะประสบความสำเร็จในการควบคุมเชื้อโควิด-19 ให้อยู่ในแวดวงจำกัด ประเทศจีนซึ่งมีประชากร 1.43 พันล้านคน มีผู้ป่วยสะสม 91,961 ราย หายป่วย 86,107 ราย ตาย 4,663 ราย
มาดูเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียนถึงวันนี้(3 มิถุนายน) กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียแถลงว่า มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,831,773 ราย ตาย 50,908 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน
กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า พบยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 1,247,899 ราย ตายกว่า 21,375 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย
มาเลเซียกำลังเผชิญสถานการณ์การระบาดโควิด-19 อย่างหนัก โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 587,165 คน และผู้เสียชีวิตอีก 2,993 คน ซึ่งรัฐมาเลเซียสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 14 มิ.ย.
กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมา รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 143,823 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 3,218 ราย
ประเทศไทย ณ วันที่ 3 มิ.ย. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 169,348 ราย และเสียชีวิต 1,146 ราย ถ้าเปรียบกับสถานการณ์โลกและประเทศอาเซียนด้วยกันก็พูดได้ว่าเราอยู่ภาวะที่ยังรับมือได้
แต่สิ่งทำให้ดูเหมือนว่าประเทศไทยกำลังล่มสลาย มันเป็นเพราะพิษน้ำลายจึงพูดได้ว่าพิษน้ำลายคนไทยอันตรายทำให้ประเทศชาติเสียหายร้ายแรงกว่าโควิด-19
ในสมัยล่าอาณานิคมที่ฝรั่งเศสเข้ายึดครองอินโดจีนตอนนั้นเจ้าอาณานิคมหวังจะยึดครองหรือทำลายประเทศไทยซึ่งยังปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ฝรั่งเศสปั่นกระแสสร้างผีบุญขึ้นมาทั่วภาคอีสาน
โดยสร้างประเด็นปลุกระดมว่ารัฐบาลไทยกำลังล่มสลายมีคนตั้งตนเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์มีบุญญาธิการ มาช่วยคนไทยให้ปลอดภัยได้ ถ้าครอบครัวไหนไม่อยู่ใต้อาณัติและอยู่ในสังกัดเป็นสาวกของผีบุญ เงินที่มีอยู่ในครอบครองจะกลายเป็นตะกั่วเป็นเศษเหล็ก สัตว์เลี้ยง หมู วัวควายก็จะกลายเป็นยักษ์มารผลาญพร่าล่าสังหารเจ้าของ
ผีบุญคนสุดท้ายคือนายศิลา วงศ์สิน ที่ตั้งตนเป็นผู้วิเศษ มีชาวบ้านหลงเชื่อ ยอมเป็นสาวกติดตามหลายร้อยคน พากันไปสร้างอาณาจักร ตั้งลัทธิของตัวเอง ประกาศตั้ง “เมืองอิสระ” ขึ้นในป่า ที่บ้านใหม่ไทยเจริญ แถวๆ อำเภอโชคชัย โคราช
ราวๆ ปลายเดือนพ.ค.ปี พ.ศ.2502 ประกาศยกตัวเองเป็นกษัตริย์ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปล้อมจับ ไม่ยอมให้จับ ผีบุญสั่งกองกำลังสาวก “ติดอาวุธ” ยิงต่อสู้ เจ้าหน้าที่ตายไป 5 คน กองกำลังผีบุญดีใจ โห่ร้องกันยกใหญ่
ปะทะกันประมาณ 5 ชั่วโมง ตัวผีบุญเผ่นหนี ทิ้งให้สาวกชาย-หญิงถูกจับ 80 กว่าคน ตายไปหลายคน ตำรวจตามล่า ถูกจับได้ ขณะหนีกระเซอะกระเซิงอยู่ในป่าแถวอุบลฯ กำลังจะเตลิดเข้าลาวคุมตัวมาที่กองปราบฯ สามยอด
ตัวผีบุญ ถูกข้อหา ก่อการจลาจล และแบ่งแยกราชอาณาจักร ส่วนสาวกเจอข้อหาสมคบกันฆ่าคนตาย และก่อจลาจล
“ถ้าลื้อเป็นผู้วิเศษจริง อมกระโถนหรือวิทยุให้อั๊วดูหน่อยได้มั้ย ถ้าลื้อทำได้ อั๊วจะยอมเป็นลูกน้องลื้อ” จอมพลสฤษดิ์กล่าว จากนั้น ผีบุญ ผู้คิดสร้างลัทธิ-อาณาจักรตัวเอง ก็ถูกสังหารด้วยมาตรา 17 ณ ป่าช้าจีน
และผีบุญตัวใหม่อุบัติขึ้นในเมืองไทยตั้งแต่ปี 2544 มันตั้งตัวเป็นเจ้ามูลเมืองคิดการใหญ่จะปกครองไทยเหนือ ไทยอีสานล้านนา มันอาละวาดอยู่สิบกว่าปีสุดท้ายหนีไปอยู่เมืองนอก แต่ก็ยังปั่นกระแสล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจเพราะฝังใจว่าฝรั่งเป็นเทวดา
เมื่อไวรัสโควิดระบาดมันปั่นกระแสว่าฝรั่งเป็นผู้วิเศษที่ผลิตวัคซีนไฟเซอร์ได้ดีกว่าใครๆ ถึงแม้ว่าประเทศผู้ผลิตมีคนตายเพราะโควิดแล้วหกแสนกว่าคนแล้วก็ตาม มันก็ยังปั่นกระแสบอกว่าของฝรั่งดี และทุกวันนี้สาวกในเมืองไทยยังเอาน้ำลายมันมาแพร่กระจายตามผีบุญว่าวัคซีนฝรั่งดีกว่าของจีน
แต่พอเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทรงนำวัคซีนจากจีนมาใช้ สาวกผีบุญที่อยู่ในเมืองไทยก็มามาดใหม่อ้างว่าตัวเป็นผู้วิเศษที่สามารถเสกวัคซีนป้องกันโควิดจากจีนได้หลายสิบล้านโดสในชั่วข้ามคืน
แต่น่าเสียดายที่น้ำลายสมุนผีบุญถูกสถานทูตจีนถุยน้ำลายกลบด้วยคำว่าลื้อเป็บจับกังก่อสร้างจะอ้างว่าเสกวัคซีนซิโนฟาร์มเป็นล้านๆโดสได้ยังไง
ความจริงแล้วประเทศอยู่ในฐานะได้เปรียบอเมริกาและประเทศตะวันตกหลายประเทศเพราะ
อเมริกาจำกัดตัวเองอยู่ที่ไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันและมอเดอร์น่า
ส่วนเรามีวัคซีนใช้หลายตัว อย. ได้อนุมัติแล้ว 5 ตัว คือวัคซีน AstraZeneca โดยบริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด และที่ผลิตในประเทศโดย บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด วัคซีน Sinovac ของบริษัทซิโนแวค นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม, วัคซีน Johnson& Johnson โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด และวัคซีนModerna โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด และล่าสุดวัคซีน Sinopharm โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด
ที่สำคัญสามในห้าวัคซีน..คือแอสตราเซเนกา ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ประเทศได้มาเพราะบารมีปกเกล้าชาวไทยของสถาบันพระมหากษัตริย์ล้วนๆสรุปว่าในเมืองไทยสถานการณ์โควิด-19 ยังพอรับมือได้ด้วยบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
แต่ปัญหาใหญ่ที่ยังไม่สามารถแก้ได้คือพิษน้ำลายของคนไทยที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายร้ายแรงกว่าโควิด-19
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี