พยายามไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กันมาข้ามปีแล้วเริ่มตั้งแต่ “วิ่งไล่ลุง” ม็อบสามนิ้ว จนมาถึงกลุ่มไทยไม่ทน กลุ่มประชาชนคนไทย และล่าสุด คือ ปลุกกระแส “ยุบสภา”
1) นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน)ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ยกผลโพลล์สำนักวิจัยซูเปอร์โพลว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้รับคะแนนนิยมถึงร้อยละ 30.8 ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปและยืนยันว่าไม่มีการยุบสภานั้น ถือว่า ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรเลื่อนชั้นให้เป็นรัฐมนตรีได้แล้ว เพราะมุ่งมั่นขจัดปัดเป่าตอบโต้ให้นายกรัฐมนตรีทุกดอกจนเข้าตาประชาชน ถ้าไปลงสมัครสส.นครราชสีมา ก็คงนอนมาตั้งแต่ในมุ้ง พลเอกประยุทธ์บริหารบ้านเมืองมา 7 ปี ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย ดีเลิศประเสริฐศรี สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีให้ครบ 20 ปีตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่วางเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีม็อบตั้งเค้ามาขับไล่แล้ว จึงอยากให้ ดร.เสกสกลแนะวิธีให้พลเอกประยุทธ์ลงจากอำนาจอย่างไรให้ปลอดภัยดีกว่า และเมื่อพลเอกประยุทธ์หมดอำนาจ ดร.เสกสกลจะทำอย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน
ที่ยืนยันว่านายกฯจะไม่ยุบสภา ขณะที่ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันไปแล้วเช่นกัน แต่ขอให้มองย้อนไปว่า ทุกครั้งถ้า ดร.วิษณุพูดว่า รัฐบาลจะไม่ทำอะไร อีกไม่นานต่อมารัฐบาลก็จะทำอย่างนั้นทุกครั้งคำพูดของเนติบริกรจึงต้องตีความหมายทางการเมืองในทางตรงกันข้ามทุกครั้ง
“เพราะฉะนั้น รัฐบาลนี้จึงนับเวลาถอยหลังได้ขึ้นอยู่กับที่ว่าพรรครัฐบาลใดจะชักดาบไวกว่ากัน การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ยุบสภาเมื่อไรก็แพแตกเมื่อนั้น เพราะรัฐธรรมนูญอนุญาตให้สส.สังกัดพรรคใน 30 วันก่อนวันเลือกตั้ง หากนายกฯยุบสภา กกต.ก็ต้องจัดเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ท่านสส.ผู้ทรงเกียรติทุกท่านจึงมีสิทธิย้ายพรรคตามรัฐธรรมนูญได้ทุกคน”นายวัชระกล่าว
2) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค มีเนื้อหาดังนี้...
“ผมไม่คิดว่าการยุบสภาจะเกิดเร็วเหมือนที่หลายฝ่ายประเมิน ทั้งการกระทบกระทั่งระหว่างพรรคร่วม หรือรองบประมาณผ่านเป็นข้อวิเคราะห์ในการเมืองปกติ แต่ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์พิเศษ มีโรคระบาดร้ายแรงซึ่งการรับมือของรัฐบาลถูกวิจารณ์อย่างหนัก ประชาชนได้รับผลกระทบในวงกว้าง การฉีดวัคซีนแม้ปริมาณจะเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่เกิดความเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปตามเป้า 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี
ผมเชื่อว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงโดยนายกฯ ก่อนการฉีดวัคซีนเกิน 50% ของประเทศ และรัฐบาลตั้งใจจะอยู่จนใช้เงินกู้กรอบสุดท้าย 500,000 ล้านบาทไปแล้วไม่ต่ำกว่าครึ่ง
ถึงจะมี 250 สว. เป็นกุมารทอง แต่คงไม่ต้องการบากหน้าลงพื้นที่ ในสภาพที่ประชาชนกำลังรอ ทั้งวัคซีน และการเยียวยาความเสียหาย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ น่าจะเห็นความชัดเจนช่วงต้นปีหน้า ถ้าจะมีการยุบสภาคงเป็นไตรมาส 2 ของปี’65 ไปแล้วมากกว่า
ดังนั้น เรื่องเร่งด่วนที่นายกฯต้องสำเหนียกให้มาก คือ การบริหารจัดการวัคซีน เท่าที่เห็นเป็นการเน้นปริมาณขาเข้าและโชว์ความหลากหลายด้วยการเซ็นสัญญากับยี่ห้อต่างๆ มากขึ้น แต่เวลาที่ทุกตัวจะเข้ามา ทั้งไฟเซอร์โมเดอร์นา จอห์นสันฯ รวมทั้งซิโนฟาร์มหรืออื่นๆ คาดว่าจะเป็นไตรมาสสุดท้าย
ถ้าดูจากยอดฉีดรายวันตอนนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ วัคซีนจะล้นมือช่วงปลายปีหรือไม่ เพราะทุกรายจะเข้ามาพร้อมกัน ถ้าไม่วางแผนการกระจายและเพิ่มปริมาณการฉีดรองรับไว้ ปัญหาจะกลับด้าน ต้นปีวัคซีนขาด ปลายปีคนฉีดไม่พอ ประชาชนต้องรอเหมือนเดิม รัฐบาลมองเรื่องนี้หรือยัง และเตรียมการรับมืออย่างไร”
3) เมื่อเทียบ “การมอง” ของทั้งสองคนข้างต้น อารมณ์ของวัชระ เพชรทอง หนักไปทาง “หมั่นไส้ไอ้แรมโบ้” มากกว่ามุ่งวิเคราะห์อย่างลุ่มลึก ขณะที่ณัฐวุฒิมองได้ลึกกว่า และแสดงความคิดเห็นได้ตรงประเด็น
ขณะนี้ ยังไม่มีเหตุปัจจัยใด ท่วมท้น กดดัน จนรัฐบาลต้องเร่งรีบยุบสภาเลย ก็อย่างที่ณัฐวุฒิว่า “ถึงจะมี 250 สว.เป็นกุมารทอง แต่คงไม่ต้องการบากหน้าลงพื้นที่ ในสภาพที่ประชาชนกำลังรอ ทั้งวัคซีน และการเยียวยาความเสียหาย”
4) พล.อ.ประยุทธ์ มีคะแนนนิยมถดถอยลง แม้ลูกหาบจะช่วยปั่นกระแสเรื่อง “ขอบคุณนายกฯ ที่ทำให้คนไทยได้ดูการถ่ายทอดฟุตบอล” แก้เก้อ แก้หน้า หาเรื่องประจบสอพลอเจ้านายไปวันๆ แต่ในเวลาที่คนส่วนใหญ่อยากฉีดวัคซีน อยากทำมาหากิน อารมณ์ดีใจได้ดูฟุตบอลก็แค่การ “ช่วยตัวเอง” แก้ขัด ลดกำหนัดไปวันๆ ไม่ได้เติมเต็มความสุขที่แท้จริง หรือ “คืนความสุข” ให้ประชาชนอย่างแท้จริง ก็เหมือนที่ถูกติติงและฉายภาพให้เห็นในการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงินในสภานั่นแหละ ว่ากู้เอามาทำอะไร ยุทธศาสตร์การใช้เงินกู้จะเป็นแบบเดิมไหม คือ เน้นการแจกมากกว่ายุทธศาสตร์จัดหาวัคซีน และการสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งเป็นการ “บำบัด” ในระยะสั้นๆ แต่ไม่ใช่การส่งเสริมความ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ตามวาทกรรมที่เคยประดิดประดอยขึ้นมาหาคะแนนนิยม
5) รัฐบาลขณะนี้ ยังไม่มีเหตุผลใดที่จะใช้ประกาศการ “ยุบสภา” ได้เลย เพราะพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังไม่ “สละเรือ”ยังกอดคอ จูบปากกันเหนียวแน่น แม้มีเรื่องระหองระแหงบ้าง แต่ก็ “เคลียร์” กันได้ คนที่ระหองระแหงที่สุด อย่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพิ่งให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวยุบสภา มีเข้าหูมาบ้างหรือไม่ว่า ไม่มีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กับสื่อแล้วว่า ไม่มีขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นไปด้วยดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เคยพูดอะไรกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตราบใดที่นายกฯ ยังสั่งงานตนทางไลน์ วันหนึ่งประมาณ 20 ครั้ง ก็ถือว่า อาการตนดีอยู่ คนเราถ้าไม่อยากจะทำงานคงไม่สั่งหรอกมั้ง นายกฯสั่งงานตนหัวฟูหมดแล้ว
เมื่อถามว่า การสั่งงานมากขนาดนั้น ดูแล้วนายกฯ กังวลเรื่องอะไร นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี เพียงแต่หายใจเข้าหายใจออกเป็นงาน บางครั้งตนบอกนายกฯ พักได้แล้วเพราะ 3-4 ทุ่มยังสั่งงาน เป็นห่วงท่าน และนี่เป็นเหตุที่พวกเราทำงานถวายหัว เพราะผู้นำยังทำงานให้กับประชาชนไม่ได้ทำให้ตัวเอง มันแยกแยะออก หากใครทำเพื่อประโยชน์ตัวเองเมื่อไหร่ประโยชน์ก็ไม่เกิด อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องมีใครมาเสี้ยมพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหากนายกฯและหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหนักแน่นเพียงพอ เรามีไลน์กลุ่มหนุงหนิงกัน เช็คอาการจากไลน์ได้ บางทีให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มีอะไรต้องการความร่วมมือก็คุยกัน มีตั้งหลายกลุ่ม กลุ่มซุบซิบนินทานายก็มีที่ไม่มีนายกฯ มีกลุ่ม PM กลุ่มโควิด เยอะแยะไปหมด แต่ทุกอย่างเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ แบ่งแยกกันได้ อะไรงานบริหาร อะไรงานนิติบัญญัติ อะไรเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะแต่ละคนมีสถานะ เวลาอยู่ในบทบาทไหน ต้องแยกภารกิจของเราให้ถูก
เมื่อถามว่า ฝ่ายต่างๆ ต่างพูดว่า ไม่มีการยุบสภา แต่ทำไมกระแสข่าวนี้ออกมาตลอด มีความไม่พอใจอะไรในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี ถ้ามีก็ในระดับพวกที่ไม่อยากให้เกิดความสงบ แต่สำหรับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาเรื่องนี้การทำงานเป็นไปอย่างปกติ ส่วนความคิดเห็นของลูกพรรคที่มีความแตกต่างกันบ้างนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานเวลาเขาทำหน้าที่ สส.ถือเป็นอภิสิทธิ์ และส่วนตัวตนยังมั่นใจในการทำงานของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในรัฐนาวาลำนี้ ยังโอเค คลื่นลมไม่มี ฟ้าใส
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า เสถียรภาพรัฐบาลว่าทำงานต่อไปอีกปียังยากเลย นายอนุทินกล่าวว่า ให้ถึงวันนั้นก่อน วันนี้โอเคอยู่ ทำงานหัวปั่น
เช้าอยู่กระทรวงสาธารณสุข บ่ายอยู่ทำเนียบฯ แฟ้มเต็มโต๊ะต้องนำข้อสั่งการของนายกฯมาแจกจ่าย ดังนั้น หัวปั่นกันหมด
เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภท.จะยื่นในประเด็นใดบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า เรามีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของเราอยู่แล้ว ส่วนเรื่องบัตรเลือกตั้งนั้น ของ ภท.ใบเดียว ยืนยันไม่มี 2 ใบ เสนอมาเราก็โหวตแบบใบเดียวจะแพ้ชนะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องอำนาจ สว.ในการเลือกนายกฯที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล 5 ปีนั้น กว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเสร็จก็ใกล้หมดพอดี เพราะตอนนี้ถือว่า อยู่ในช่วงครึ่งหลังแล้ว อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกเป็นปี เพราะหากยังเห็นไม่ตรงกันอยู่มันก็ไปเรื่อย หากยุบสภาก็ต้องดูว่า แต่ละพรรคทำเรื่องไพรมารีโหวตเสร็จหรือยัง เท่าที่ตรวจสอบดูยังไม่ถึงครึ่ง ดังนั้น อะไรที่ยังไม่ถึงเวลาคิดก็ยังไม่คิด การเมืองเปลี่ยนได้ตลอด ตอนนี้คิดเพียงแต่การทำงาน หาวัคซีนโควิด-19 ให้พอ
6) ฟังจากปากอนุทินแล้ว ก็คงเห็นแล้วว่า หากยุทธศาสตร์วัคซีนยังไม่สำเร็จ รัฐบาลนี้ยังไม่ไปไหนแน่และยุทธศาสตร์วัคซีนนี้ เป็นเดิมพันของทั้ง “ลุงตู่” และ “หมอหนู” ที่ต้องรอด ไม่ใช่ล่ม ก็ในเมื่อกระทรวงคมนาคมก็ถูกตอดถูกตรวจอยู่ตลอดเวลา ทางด่วน ทางพิเศษ ทางรถไฟก็ถูกแฟนคลับลุงตู่กวาดไปอวดว่าเป็นผลงานของนายกฯประยุทธ์ หมดแล้ว ยังมาเจอปัญหาเรื่องการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน เข้าอีก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็หาความโดดเด่นไม่ได้ ทั้งๆ ที่ควรมียุทธศาสตร์สำคัญ ต้องนี้ก็ต้องลุ้นกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และอื่นๆ ที่จะแซนบอกซ์ด้วย ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด แต่ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในประเทศ การท่องเที่ยวในท้องถิ่นยังไม่เห็นวิสัยทัศน์หรือแผนงานใดๆ ออกมาเลยแถมเจอปัญหา “เสียบบัตรแทนกัน” ซึ่งถือเป็นพฤติกรรม“ระยำ” ที่ไม่ควรทำ ไม่ควรเกิด ประเดประดังไปเกิดที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งมี สส.นอกสภา เป็นนักกฎหมายมือฉมังอย่าง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จากพรรคประชาธิปัตย์คอยตรวจสอบอยู่ด้วย “เจ๊เปี๊ยะ” นาที รัชกิจประการ แม่งานและถุงเงินใหญ่แห่งภาคใต้จะไปต่อไหวมั้ย สำหรับภูมิใจไทยวิบากกรรมจึงผูกร่วมกันไว้กับ “วัคซีนและประยุทธ์” อย่างหนีไม่รอด
7) ดังนั้น จากนี้จนถึงสิ้นปี หรืออย่างเลวก็คือเดือนตุลาคม ที่จะรู้แน่ว่า รัฐมีปัญญาจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้กี่เปอร์เซ็นต์ของประเทศ สำเร็จหรือล้มเหลว ยังไม่มีหรอก เรื่อง “ยุบสภา” ซึ่งเท่ากับเป็นใบเสร็จ หรือคำรับสารภาพว่า “กูไม่ไหวแล้ว”
8) ต่อให้ต้องปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่ง ขนาดไหนพล.อ.ประยุทธ์กับอนุทิน ก็ต้องทำทุกวิถีทางให้ยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สำเร็จ ไม่เช่นนั้นจะ “ตายหมู่” พอวัคซีนสำเร็จ ก็ต้องเริ่มต้นยุทธศาสตร์เศรษฐกิจต่อ ก็เป็นงานร่วมของลุงตู่กับพรรคอนุทิน อีกอยู่ดี (กระทรวงการคลัง บวกกระทรวงการท่องเที่ยวฯ)เพราะขณะนี้ ดูเหมือนรัฐบาลฝากความหวังไว้ที่“การเปิดการท่องเที่ยว”
9) ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่ไปไหนหรอก รอ “แก้รัฐธรรมนูญ” ตามเงื่อนไขที่ยื่นไว้ก่อนเข้าร่วมรัฐบาลและยังชื่นใจกับแนวทาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”
10) พรรคเพื่อไทย แม้ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร จะโม้ว่ายุบสภา แล้วเลือกตั้งด้วยกติกาเก่า พรรคเพื่อไทยก็ยังชนะครับ,ชนะ แต่ตั้งรัฐบาลได้ไหม ในกติกาที่ยังไม่ได้แก้ จะผ่านด่านสว. กันได้หรือ ถามจริงๆ และเวลานี้ นอกจากขายอารมณ์“เบื่อประยุทธ์” กับขุดผีทักษิณมาหากินกับเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่มีข้อมูลคอร์รัปชั่นมากพอ จะเสนอใครเป็น “นายกฯ” ให้ว้าว!! คราวก่อนในสภา ยังเสนอ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แข่งกับพล.อ.ประยุทธ์ เลย ไหนจะต้องถูกแบ่งคะแนนจากพรรค “ไทยสร้างไทย” ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์อีก ไหนจะเจอ “พลังดูด” ที่น่าจะย้ายพรรคกันอุตลุดอีก ดังนั้น อย่าโก่ง “ราคาคุย” ให้มันสูงนัก
จึงเห็นด้วยกับนายณัฐวุฒิว่า ไปคาดคั้นรัฐบาล เรื่องแผนการจัดหา กระจาย และฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ไวที่สุด จะดีกว่า
การเมืองขณะนี้ จะเป็นยังไงก็ “ช่างแม่ง” (ใครมีหน้าที่ตรวจสอบ ก็ช่วยกันตรวจสอบ ใครมีหน้าที่บริหาร ก็จงเร่งใช้ความฉลาดมาบริหาร อย่าเล่นการเมืองกันมาก
ประชาชนต้องยังต้องการมี “ลมหายใจ” เพื่อจะได้คิดอ่านหาทางอยู่รอด หาทางทำกิน หาทางดูแลครอบครัว เท่าที่จะมีทาง ซึ่งหากเราได้รัฐบาลที่มี “วิสัยทัศน์”ก็คงจะตอบเราได้ล่วงหน้าแล้ว ถึงแผนการเกษตรหลังโควิดการท่องเที่ยวหลังโควิด การจ้างงานหลังโควิด การศึกษาหลังโควิด รัฐสวัสดิการหลังโควิด การหารายได้เข้าประเทศหลังโควิด ฯลฯ ซึ่งโควิดมันได้ “เปลี่ยนโลก-เปลี่ยนชีวิต” ไปมากแล้ว
จะมัวแต่พิรี้พิไรแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปวันๆ โดยไม่มีแผนการแบบที่เคยเห่อ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”ให้เห็นบ้างหรือไง
เอาแค่ประชาชนคนไทย จะรอดพ้นปีนี้ ชนิดไม่ติดเชื้อตาย หรือไม่อดตาย ก็เอาคำตอบมา “เป็นความหวัง” ให้ประชาชนให้ได้กันก่อนเถอะ ได้ไหม?!?!?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี