ปัญหาการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสาน มูลค่ารวมกว่า 1.28 แสนล้านบาท
1. “อะไรที่บังเอิญเกินไป มักไม่บังเอิญจริง”
ผมได้สรุปความเห็นไว้สั้นๆ เป็นพื้นฐานไว้ในเฟซบุ๊คก่อนหน้านี้ว่า อะไรที่บังเอิญเกินไป มักไม่บังเอิญจริง
1. ผมเชียร์รถไฟทางคู่ 2 เส้นทางใหม่ เด่นชัย-เชียงของ (สายเหนือ) กับบ้านไผ่-นครพนม (สายอีสาน) มาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัย คณะเศรษฐศาสตร์
2. ผมเซ็งนักการเมืองขี้โม้ก่อนหน้านี้ ที่ไม่ทำให้มันเกิดขึ้นจริงซะที (ศึกษากันมาตั้งแต่ผมยังแก้ผ้าวิ่งเล่น)
3. เมื่อรัฐบาลชุดนี้ลงมือผลักดันจริง ล่าสุด พ.ร.ฎ. กำหนดแนวเวนคืนออกมาแล้ว เปิดประมูลแล้วจึงชื่นชม
4. ก่อนหน้านี้ ยุครัฐบาล คสช. มีการประมูลทางคู่สายใต้ ออกแบบทีโออาร์ให้แข่งกัน ช่วยรัฐประหยัดได้หลายพันล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 5%
5. ล่าสุด รัฐบาลเลือกตั้ง ไม่ใช้แนวทางทีโออาร์เหมือนตอนประมูลสายใต้ แต่กำหนดจำนวนสัญญาการประมูลเท่ากับจำนวนผู้รับเหมาขนาดใหญ่พอดี
บังเอิญ?
สายเหนือ แบ่งการประมูลออกเป็น 3 สัญญา
สายอีสาน แบ่งออกเป็น 2 สัญญา
รวมเป็น 5 สัญญา เท่ากับจำนวนผู้รับเหมาขนาดใหญ่
แล้วก็ผู้รับเหมาขนาดใหญ่เข้าประมูล 5 ราย และชนะการประมูลทุกราย
ปรากฏว่า เสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง 0.08% ทั้งสายเหนือและสายอีสาน
บังเอิญ?
อะไรที่บังเอิญมากไป มันไม่บังเอิญจริงหรอก
6.นักธุรกิจไม่ชั่วร้าย แต่ไม่ใช่นักบุญทุกคน
ถ้าอยากให้เขาแข่งขัน ต้องออกแบบทีโออาร์กับหลักเกณฑ์ที่เอื้อและจูงใจให้เกิดการแข่งขัน
7. ในยุคที่มีหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯ ชื่อลุงตู่ ทำให้เกิดการสู้ราคาจนประหยัดได้หลายพันล้าน ทำไมยุคที่มีนายกฯ จากเลือกตั้ง ชื่อลุงตู่ จะทำไม่ได้? ใครขวาง?
8. ถ้ามีการสู้ราคาต่ำกว่าราคากลางสัก 5% พอๆ กับสายใต้ ก็จะประหยัดงบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท
9. ถ้าขวางไม่ได้จริงๆ ลุงกลับไปเป็นหัวหน้า คสช. ดีกว่า
ปล.ข้อมูลในภาพประกอบชัดเจนมาก จัดทำโดย ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้เคยทักท้วงการประมูล จนหัวหน้า คสช. ขยับให้ซูเปอร์บอร์ดจัดการ กระทั่งประหยัดเงินแผ่นดินหลายพันล้านตอนประมูลรถไฟทางคู่สายใต้”
(ขอบคุณภาพกราฟิกจากฐานเศรษฐกิจ)
2. “ความโปร่งใสที่ไม่จริงใจ ชั่วร้ายยิ่งกว่าโกงซึ่งๆ หน้า”
หากอ่านข้อเขียนของ ดร. มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
นำเสนอผ่านหน้าเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ว่าด้วยเรื่อง “ความโปร่งใสที่ไม่จริงใจ ชั่วร้ายยิ่งกว่าโกงซึ่งๆ หน้า”
จะพบว่า เรื่องนี้ นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะปล่อยผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้
ระบุว่า
“...ข่าวการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานมูลค่า 1.28 แสนล้านบาทเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อกังขาจากสังคมถึงความไม่โปร่งใสหลายประการ โดยผู้เขียนมีข้อสังเกตดังนี้
1. กติกาถูกเปลี่ยนก่อนการประมูล
เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้เงินงบประมาณรัฐต้องจูงใจและส่งเสริมให้เอกชนเข้าร่วมแข่งขันประมูลให้มากที่สุด ดังนั้น ในปี 2558 ครม. จึงมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ที่มี ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธาน กำหนดให้การประมูลรถไฟทางคู่ต้องกระจายงานออกเป็นสัญญาที่วงเงินต่อสัญญาไม่สูงเกินไปและแยกงานระบบอาณัติสัญญาณออกจากงานโยธา เพื่อป้องกันการฮั้วประมูลและเปิดให้ผู้ประกอบการรายย่อยแข่งขันได้
แต่มติ ครม. นี้กลับถูกยกเลิกไปตามข้อเสนอของรัฐมนตรีคมนาคมคนปัจจุบัน (ตามลิงก์ข่าวอ้างอิงประชาชาติธุรกิจ เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2563) ก่อนที่การประมูลรอบใหม่จะเริ่มขึ้น
เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคดีทุจริตยาที่ศาลตัดสินจำคุกอดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะใช้อำนาจสั่งให้ “ยกเลิก” บัญชีราคากลางยาส่งผลให้ราคายาแพงขึ้น ถือเป็นตัวอย่างคอร์รัปชันเชิงนโยบายจนทุกวันนี้
2. แบ่งเค้ก ฮั้วราคา หรือไม่?
การประมูลครั้งนี้แยกเป็น 5 สัญญา ผลคือ มีผู้เข้าประมูลเพียง 5 ราย แต่ละรายต่างชนะการประมูลรายละ1 สัญญา โดยราคาประมูลนั้นเกือบเท่าราคากลางแตกต่างเฉลี่ยเพียงร้อยละ 0.08 ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับการประมูล 7 สัญญาช่วงปี 2558 - 2560 ที่บางสัญญาราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางเฉลี่ยมาก คือ ช่วงวิหารแดง - บุใหญ่ ต่ำกว่าถึงร้อยละ 31.99 และช่วงหัวหิน - ประจวบฯ ต่ำกว่าถึงร้อยละ 20.51 ประหยัดไปกว่าสามพันล้านบาท!!!
3. กลุ่มผูกขาด
การประมูลครั้งนี้ กำหนดเงื่อนไขที่ทำให้มีแต่ผู้รับเหมารายใหญ่หน้าเดิมๆ ยื่นซองแล้วเอางานไปคนละสัญญาแถมได้ราคาดี แต่ทำไมงานใหญ่ขนาดนี้ไม่เปลี่ยนเกมแข่งขัน โดยเปิดให้บริษัทต่างชาติที่ทุนหนา เทคโนโลยีสูงมาร่วมประมูลจะได้มีตัวเปรียบเทียบกันมากขึ้น ผลประโยชน์และการประหยัดงบประมาณจะเกิดกับประเทศ
4. ถูกกฎหมาย แต่ขัดใจประชาชน
บ้านเมืองของเรามีคดีคอร์รัปชันมากมายที่กว่าจะถูกจับโกงได้ก็ผลาญชาติจนเสียหายไปมากแล้ว เพราะสังคมหลงเชื่อคนมีอำนาจที่คอร์รัปชันแต่ปากก็อ้างว่าโปร่งใส ทุกอย่างถูกกฎหมายแล้ว เช่น กรณีสนามฟุตซอลคลองด่าน โฮปเวลล์ บ้านเอื้ออาทร จำนำข้าว เครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ถุงมือยาง ฯลฯ
บ่อยครั้งที่พบว่ามีการวางแผน “สมรู้ร่วมคิด ล็อกสเปก ฮั้วประมูล” อยู่เบื้องหลัง
การเปิดประมูลอีบิดดิ้งกลายเป็นเรื่องบังหน้า กลไกปกติในการป้องกันคอร์รัปชันอย่าง ป.ป.ช. และศาลก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ประชาชนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีการโกงกิน ทำให้รัฐเสียหาย ซื้อแพงเกินเหตุ ของ
ใช้การไม่ได้ หรือไม่คุ้มค่าเงินที่เสียไปก็ตาม
คำอวดอ้างที่ว่า “ไม่มีโกง เพราะทำถูกระเบียบ เป็นไปตามขั้นตอน” จึงอาจเป็นเพียงคำลวงที่ทำให้พวกเขาดูดี แล้วลอยนวลกอบโกยได้ต่อไป
5. อย่าปล่อยตามยถากรรม
เชื่อว่า ครม. และ ร.ฟ.ท. มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นได้ และหวังว่าจะทำด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เปิดประมูลใหม่ทำให้มีการแข่งขันที่เปิดกว้างโปร่งใสกว่านี้ หรืออย่างน้อยก็ให้ประชาชนเห็นชัดเจนว่ามีการเจรจาต่อรองกับผู้ประมูลให้ได้เงื่อนไขดีขึ้น
ทำให้ถูกต้องชัดเจน นำมาตรการตาม “กฎหมายฮั้วประมูล”มาใช้เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องน่ากังขาแบบนี้อีก เพราะยังมีรถไฟทางคู่สายปากน้ำโพ - เด่นชัย และสายชุมพร - ปาดังเบซาร์ เปิดประมูลอีกเร็วๆ นี้...”
3. ผมขอเพิ่มเติมข้อสังเกตทิ้งท้ายว่า ดูให้ดีเถิด โครงการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในยุครัฐบาลปัจจุบัน (รัฐบาลผสมหลังเลือกตั้ง) หลายโครงการมีความพยายามแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นทีโออาร์ หรือเงื่อนไข
หลักเกณฑ์การพิจารณาการร่วมลงทุน หรือแก้ไขแผนการพัฒนาที่จะลงทุนโครงการไหนก่อน-หลัง
จนมีเหตุล่าช้าไปหลายโครงการ เช่น
การขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันออกและตะวันตก สนามบินสุวรรณภูมิ กลับมีความพยายามอย่างซ้ำซากที่จะผลักดันการสร้างอาคารหลังใหม่ทางทิศเหนืออีก (เทอร์มินัลแปะ) ขัดข้อเสนอแนะป้องกันการทุจริตของ ป.ป.ช.
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 128,128 ล้านบาท
ที่เปิดให้เอกชนร่วมลงทุน PPP net cost 30 ปี วงเงิน 128,128 ล้านบาท ก็มีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์กลางอากาศ จนถูกเอกชนยื่นฟ้องร้อง แล้วในที่สุดก็ประกาศล้มการประมูลไป และจนบัดนี้ยังไม่เปิดประมูลใหม่ ซึ่งสามารถทำได้โดยนำหลักเกณฑ์เดิมก่อนจะเปลี่ยนแปลงมาดำเนินการ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
บังเอิญว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มชะลอตัวอยู่ มีมูลค่า 1.28 แสนล้านบาท พอๆ กับโครงการรถไฟทางคู่สายเหนือ-สายอีสาน พอดีๆ เลย
ไหนจะโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ฯลฯ
ทั้งหมด ล้วนแต่มีความล่าช้าออกไป จากการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดการดำเนินโครงการทั้งสิ้น
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี