เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาสื่อในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ หนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิสไทม์รายวันและเว็บไซต์กัลฟ์นิวส์ออนไลน์ได้นำเอาบทความของศาสตราจารย์ดร.วิลเลียม สกอตต์ ธอมป์สัน อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีเจอร์ราลด์ ฟอร์ด และประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนแห่งพรรครีพับลิกันของสหรัฐอเมริกาที่ถึงแก่อสัญกรรมไปแล้วทั้งคู่กลับมาตีพิมพ์วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจในประเทศไทยเราอีกครั้งหนึ่งในภาวะวิกฤติของสถานการณ์อันเลวร้ายจากโคโรนาไวรัสระบาดทั่วโลก
มันก็น่าแปลกใจที่อยู่ๆ สื่อมวลชนทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาถึงไปนำเอาข้อความบางตอนที่เขาเขียนวิเคราะห์ไว้ในหนังสือของเขามาเผยแพร่ซ้ำอีก 2 ครั้ง อาจจะเป็นเพราะสื่อทั้ง 2 รายนั้นอาจจะมีแฟนๆ ชาวอเมริกันเชื้อชาติไทยและฟิลิปปินส์ในสหรัฐอเมริกาตามอ่านมากก็เป็นไปได้เพราะศาสตราจารย์รายนี้เขาเขียนวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในไทยและฟิลิปปินส์ไว้มากมายพอสมควรมีหนังสือหลายๆ เล่มที่เขาเขียนไว้เกี่ยวกับไทยเพราะเขาได้เคยเดินทางมาหาข้อมูลของประเทศไทยจากฟิลิปปินส์หลายๆ ครั้ง
บทวิเคราะห์ของเขาเกี่ยวกับประเทศไทยบางตอนระบุว่าไทยได้ตกอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในการประท้วงทางการเมืองยาวนานแรมเดือนระหว่าง “เสื้อเหลือง” ซึ่งเป็นคนไทยในเขตชุมชนเมือง มีการศึกษามีความรู้ที่ไม่เอาระบบทักษิณ กับคน “เสื้อแดง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้ยากจนกว่าที่พำนักอยู่ในเขตต่างจังหวัด โดยผู้คนเหล่านี้สนับสนุนทักษิณและหาทางให้เขากลับคืนสู่อำนาจ ดังนั้นเมื่อมีนายพลผู้มาดมั่นทะเยอทะยานและมีความสามารถผู้หนึ่ง พยายามที่จะทำให้ประเทศชาติมีเสถียรภาพโดยที่ ในขณะนี้เขาก็ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยมันจึงมีความเป็นไปได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ว่า เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการรัฐประหารทั้งหลายนั้นใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด
เขาชี้ว่าไทยต้องประสบโชคร้ายเฉกเช่นเดียวกับเยอรมันในยุคทศวรรษ 1930 และอิตาลีในยุคทศวรรษ 1920 ทำให้ได้นักหลอกล่อฉวยโอกาสทางการเมืองซึ่งเที่ยวให้สัญญาต่างๆ มากมาย เข้าครองอำนาจปกครองประเทศนั่นคือเบนิโต มุสโสลินี และสิบตรีอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หัวหน้าคนเสื้อแดงตัวจริงมีลักษณะคล้ายๆ คนในแบบนั้น นักวิชาการชื่อดังมะกัน “ตบหน้า”รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุปล่อยให้ “ระบอบทักษิณ” คงอยู่คือความตายของประชาธิปไตยไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คือ คนที่เข้ามาแก้ไขปัญหาการเมืองของไทย
เขากล่าวว่า เป็นเรื่องยากลำบากเสมอที่จะอ้างเหตุผลความชอบธรรมให้แก่การทำรัฐประหาร แม้กระทั่งในกรณีที่เป็นการเข้าแทนที่ระบอบปกครองที่ย่ำแย่เต็มที โดยส่วนตัวแล้วผมมีความประหลาดใจว่า นายพลผู้นี้ได้รอคอยมาเป็นเวลายาวนานเขาเดินหมากของเขาด้วยความระมัดระวังมาก ด้วยการประกาศใช้กฎอัยการศึกอย่างเป็นกลางๆ ในวันหนึ่ง แล้วจึงเข้ายึดอำนาจในอีกวันหนึ่ง กองทัพไทยไม่ได้ผลิตนายพลที่มีความสามารถอันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางขนาดนี้เลยในรอบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
วิลเลียม สกอตต์ ธอมป์สัน ได้กล่าวในตอนสรุปบทความของเขาว่าการเลือกให้ระบอบทักษิณปกครองประเทศต่อไปก็คือการรับประกันให้ประชาธิปไตยในไทยตายดับสูญไปภายในอนาคตอันใกล้ขณะที่การสนับสนุนการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของฝ่ายทหารอาจจะเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถฟื้นฟูประชาธิปไตยให้กลับคืนมาได้ ความจริงทางประวัติศาสตร์ทั่วๆ ไปนั้นมีอยู่ว่าระบอบปกครองต่างๆ ที่นำมาซึ่งระเบียบเรียบร้อยอย่างน้อยที่สุดก็ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้ในที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี