รายได้จากภาคบริการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นรายได้หลักอย่างหนึ่งของประเทศ และเป็นรายได้ที่บังเกิดแก่ประชาชนส่วนรวมของประเทศอย่างกว้างขวาง เป็นรายได้ของคนจำนวนมากของประเทศและต้องถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งของชาติ
บัดนี้หายนะกำลังมาเยือนภาคบริการท่องเที่ยวของไทยแล้ว และถ้าแก้ไขไม่ทันท่วงทีหายนะจะบังเกิดขึ้นแก่ภาคบริการท่องเที่ยวและผู้คนในภาคบริการนี้หลายล้านคน
นั่นคือการประกาศเดินรถไฟความเร็วสูงตามเส้นทางสายไหมช่วงเวียงจันทน์ของลาวถึงคุนหมิงของประเทศจีน ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูง ใช้ระยะเวลาเดินทางจากเวียงจันทน์ถึงสิบสองปันนา ถิ่นแคว้นแดนชนชาติไทยในเมืองจีนที่มีธรรมชาติสวยงามเลื่องชื่อลือชาแห่งหนึ่งของโลกเพียง4 ชั่วโมง และคิดค่าโดยสารเพียง 480 บาท ซึ่งจะเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม นี้
ลาวได้ทำสัญญาร่วมทุนกับจีนสร้างทางรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางสายไหมดังกล่าวหลังประเทศไทยถึงปีครึ่ง แต่สามารถสร้างแล้วเสร็จในเวลาอันรวดเร็วด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกมากโดยลาวไม่ได้ลงเงินเลยแม้แต่บาทเดียว ส่วนประเทศไทยซึ่งทำสัญญาก่อนแต่เพิ่งสร้างได้เสร็จเพียง 3.5 กิโลเมตร เป็นนวัตกรรมมหัศจรรย์ลือลั่นโลก
เมื่อเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางสายไหมช่วงเวียงจันทน์ถึงคุนหมิงเปิดการเดินรถแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
ประการแรก ตลอดเส้นทางตั้งแต่คุนหมิงมาจนถึงเวียงจันทน์เป็นเส้นทางธรรมชาติที่เป็นภูเขาสูงชัน ห้วงหุบเหวลึก อุดมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด และมีแหล่งน้ำที่สวยสดงดงามตลอดเส้นทาง มีชุมชนที่มากหลายด้วยวัฒนธรรม โดยเฉพาะชนเผ่าไทยในสิบสองปันนาซึ่งใช้ภาษาไทยคล้ายๆ กับที่คนไทยใช้อยู่นี้ และระหว่างเส้นทางก็มีชุมชนเมืองต่างๆ ที่เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเตรียมการมานานแล้ว และมีลักษณะเป็นการท่องเที่ยวทั้งเชิงอนุรักษ์และสมัยใหม่ ดังนั้นทันทีที่เปิดเส้นทางสายนี้ตลอดเส้นทางตั้งแต่เวียงจันทน์ถึงคุนหมิงก็จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวลือชาแห่งหนึ่งของโลก
ประการที่สอง ค่าใช้จ่ายในการไปท่องเที่ยวตลอดเส้นทางนี้ถูกมาก ยกตัวอย่างการเดินทางจากประเทศไทยไปท่องเที่ยวแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งมีค่าโดยสารจากเวียงจันทน์ถึงสิบสองปันนาเพียง 480 บาท สำหรับค่าที่พักที่เป็นโรงแรมชั้นดีก็แค่ 1,200 หยวน หรือ 6,000 บาทต่อคืน สำหรับ 2 คน หรือทั่วไปค่าโรงแรมก็เพียงคืนละ 300 หยวน หรือ 1,500 บาท หรือถ้าจะพักโฮมสเตย์ซึ่งมีอยู่อย่างแพร่หลายราคาค่าห้องต่อคืนก็แค่ 40-60 หยวน หรือไม่เกิน 300 บาท เหมารวมค่าอาหารอีก 500 หยวน หรือ 1,500 บาท ไปท่องเที่ยว3 คืน ก็ยังไม่ถึง 10,000 บาท
ดังนั้นชาวไทยทั่วประเทศก็คงแห่กันไปเที่ยวตามเส้นทางสายนี้ ก็จะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและภาคบริการทั้งหลายในประเทศอย่างหนักหน่วงรุนแรง
ประการที่สาม นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกซึ่งเส้นทางสายไหมเชื่อมไปถึงแล้วนับร้อยประเทศครอบคลุมประชากรกว่า 4,500 ล้านคน จากประชากรโลก 7,000 ล้านคน ก็จะหลั่งไหลมาท่องเที่ยวในเส้นทางสายนี้ก็จะยิ่งทำให้การท่องเที่ยวตลอดแนวรถไฟความเร็วสูงเส้นทางสายไหมช่วงเวียงจันทน์-คุนหมิง บูมสนั่นหวั่นไหว ทั้งลาวและจีนก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างล้นหลาม
ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวเหล่านั้นไม่สามารถเดินทางตรงมายังประเทศไทยได้เพราะปลายทางสิ้นสุดลงที่เวียงจันทน์ คนไทยทั้งประเทศก็ได้แต่รันทดใจ เหมือนคนยืนอยู่นอกร้านอาหารที่มีผู้คนเข้าไปกินอาหารกันคับคั่ง
โดยรวมก็คือภาคบริการท่องเที่ยวของไทยจะได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งผลกระทบจากนักท่องเที่ยวไทยแห่ไปเที่ยวเวียงจันทน์-คุนหมิง ด้วยค่าใช้จ่ายที่แสนถูก และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแทนที่จะมาไทยก็ไปเที่ยวกันที่ระหว่างเส้นทางเวียงจันทน์-คุนหมิง
แล้วจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติและประชาชน โดยเฉพาะภาคบริการท่องเที่ยวซึ่งครอบคลุมผู้ประกอบการหลายล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้แผ่นดินจากการบริโภคและบริการต่างๆ ด้วย
หนทางแก้ไขมีอยู่ทางเดียวเท่านั้น นั่นคือการเร่งก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงจากจังหวัดหนองคายเชื่อมต่อกับเวียงจันทน์ของประเทศลาว ซึ่งจะมีผลต่อการเชื่อมประเทศไทยเข้ากับเส้นทางสายไหมเวียงจันทน์-คุนหมิง และทั่วโลกด้วย
การเชื่อมรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวมีระยะทางเพียง 16 กิโลเมตร ในระยะนี้รวมระยะที่ข้ามแม่น้ำโขง 1 กิโลเมตรแล้ว ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ไม่ว่าไทยหรือลาวจะทำเองโดยได้รับความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่งหรือร่วมกันทำหรือโดยการให้สัมปทาน และผู้ลงทุนไม่ต้องควักเงินลงทุนเองเพราะธนาคาร AIIB ซึ่งสนับสนุนการก่อสร้างพื้นฐานในเส้นทางสายไหมพร้อมสนับสนุนวงเงินเต็มจำนวนอยู่แล้ว และสามารถก่อสร้างเสร็จในเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยเห็นชอบกับการเชื่อมเส้นทางนี้ตามที่สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน นำเสนอ และสั่งการให้ผู้รับผิดชอบเจรจากับผู้เกี่ยวข้อง มีการประชุมร่วมกันระหว่างไทย-จีน ที่ปักกิ่งแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน จนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกคำสั่งกำชับอีก 2 ครั้ง แต่ก็ยังย่ำเท้าอยู่ที่เดิม จึงเป็นผลให้ชาติบ้านเมืองของเราได้รับความอัปยศและเสียหาย
นี่คือความอัปยศและความเสียหายที่เผชิญหน้าประเทศไทยและคนไทยอยู่ และจะต้องรีบแก้ไขให้ทันท่วงทีโดยเร็วที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี