สถานการณ์ 2-3 วันมานี้ มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น บางแห่งเริ่มระบาดในโรงเรียน นอกเหนือจากโรงงาน แคมป์ก่อสร้าง และชุมชนแออัด อย่างที่เกิดก่อนหน้านี้ จนทำให้ประกาศเปิดประเทศใน 120 วัน ของท่านนายกรัฐมนตรี เริ่มถูกตั้งคำถาม ในทำนองว่า เอาวันสองวันนี้ให้รอดก่อนเถอะนะ ขี้เกียจเช็ด “ฝันเปียก” ของท่านในวันที่โรงพยาบาลยังต้องรับมือคนไข้ และภาวะ “เตียงไม่พอ” อย่างหนัก
1) 21 มิ.ย.2564 ดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊คเรื่อง “ติดเชื้อไม่ลด หายน้อยกว่าติดเพิ่ม #ใครจะรับผิดชอบเรื่องเตียงไม่พอ” #อาจมีอีกหลายคนที่ไม่ถูกเลือกให้ #รอด!!
ส่วนตัวรู้สึกดีใจ ที่ได้ยินสัญญาณนับถอยหลัง 120 วันเปิดประเทศ เพื่อช่วยให้รอดเรื่องเศรษฐกิจ และประเทศเดินหน้าไปได้ ภายใต้การบาลานซ์ระหว่าง สาธารณสุขกับเศรษฐกิจ แต่ก็อยากฝากผู้เกี่ยวข้องช่วยดูอีกหลายชีวิตที่อาจไม่รอดจากการติดเชื้อให้ด้วย
พวกเราทีมจิตอาสาช่วยหาเตียงมา 3 เดือนแล้ว ตั้งใจจะทำแค่ 15 วัน แต่สถานการณ์การติดเชื้อไม่ดีขึ้นหลายคนยังต้องการเตียงและต้องการความช่วยเหลือ ไม่เหนื่อยแต่ท้อใจที่ไม่เห็นภาพรวมการจัดการเตียงที่ดีขึ้น รู้ว่าหลายคนทำงานหนักมาก พวกเราก็ทำงานกันเต็มที่ ช่วยทุกคนที่แจ้งมา ไม่แยกเชื้อชาติ หรือฐานะ
ผู้ป่วยรอ 1 วัน 2 วัน 3 วัน 4 วัน ส่วนใหญ่จะได้รับคำชม แม้ได้เตียงช้า แต่ทีมก็ช่วยติดตามอย่างใกล้ชิดน่ายินดีที่หลายคนหายกลับบ้านได้ บางคนไม่เข้าใจก็พาลตำหนิบ้าง แต่พวกเราก็รับได้และเห็นใจที่ต้องรอ และขอบคุณหลายหน่วยงานและบุคลากรต่างๆ ที่ตั้งใจช่วยเราอย่างเต็มที่
วันนี้ ใครอาการน้อย ถือว่าโชคดี ติดต่อมาพวกเราหาเตียงให้ได้ภายใน 1 วัน แต่วันนี้ hospitel เตียงเริ่มเต็มแล้ว ทำงานยากขึ้นทุกที ทีมจิตอาสาฟังเสียง ผป.กับญาติ ร้องไห้ขอความช่วยเหลือเกือบทุกวัน จนเศร้าใจ
ยิ่งได้เตียงช้า โอกาสรอดก็จะน้อยลง ทำได้เพียงแค่บอกว่า ในขณะที่วัคซีนบางส่วนยังไม่มาตามนัด ก็ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี อย่าประมาท เพราะถ้าติดเชื้อ และสภาพการณ์ยังเป็นแบบนี้ คุณอาจไม่ได้เป็นผู้ถูกเลือกให้รอด!! และใช้ชีวิตในขณะที่ประเทศมีทิศทางการเติบโตทาง ศก.ที่ดีขึ้น
2) 22 มิ.ย.2564 เพจ “เรื่องเล่าหมอชายแดน”เล่าเรื่อง “โควิดเมืองหลวง..ปราบเซียน” ความว่า... เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คุณป้าของเบียร์ต้องเข้าโรงพยาบาลด่วนเพราะมีอาการหอบมาก ไปถึงห้องฉุกเฉินมีออกซิเจนร่วงเหลือ 75% เอ็กซเรย์ปอดเป็นฝ้าขาวทั้งสองข้าง โชคดีที่ทางโรงพยาบาลตรวจโควิดให้ตอนแรก rapid test ผลเป็นบวก ผนวกกับอาการที่คล้ายมากก็วินิจฉัยภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้เลยโดยไม่ต้องรอผล PCR ที่จะออกผลอีกหลายชั่วโมง
คุณป้าอยู่กับครอบครัวที่กรุงเทพ..ที่บ้านมีกันทั้งหมด 6 คน มีคนแก่สองคนคือคุณป้ากับคุณลุงอายุ 80 ปี พวกเราก็กังวลมากอยู่แล้วเรื่องการติดเชื้อเพราะบ้านคุณป้าตั้งอยู่ในบริเวณที่กำลังมีการระบาด คุณป้าออกบ้านไปไหนไม่ได้เพราะเป็นโรคจอประสาทตา มองแทบไม่เห็น พี่สาวยังออกไปทำงาน หลานๆ ยังไปเรียนหนังสือ คุณลุงไปตลาดบ้างเพราะต้องออกไปซื้อกับข้าว ทุกคนสวมแมสก์ตอนออกจากบ้าน อยู่ในบ้านก็มักจะถอดแมสก์ออก (ก็คงเหมือนกับหลายๆ บ้าน)
คุณลุงคุณป้ามีนัดฉีดวัคซีนเข็มแรกวันที่ 10/6/64 คุณป้าบอกว่าเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไม่ค่อยสบาย เราก็นึกว่าป้าจะไม่ยอมไปฉีดวัคซีน ก็เลยบอกว่าไปตรวจ PCR ก่อนถ้าเป็นลบต้องไปฉีดนะ พี่สาวพยายามหาที่ตรวจ PCR ตามโรงพยาบาลต่างๆ คำตอบก็คือ ไม่รับตรวจ walk-in ป้าบอกไม่เป็นไร อาการไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้ไปฉีดวัคซีน
วันที่ 14/6/64 ป้ามีไข้ต่ำๆ พากันไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจอีก ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าความเสี่ยงต่ำไม่ต้องตรวจและตอนนี้เรายังไม่มีเตียงรับแอดมิทจึงไม่มีโควตาตรวจ PCR ให้ยาป้ามากิน
วันรุ่งขึ้นป้าบอกว่าดีขึ้นแล้ว ไม่มีไข้แต่ยังเพลียๆดูเหมือนอดทน พี่สาวพยายามติดต่อ รพ.เอกชนอีกประมาณ 5 โรงพยาบาลที่ไม่ยอมรับ walk-in รพ.รัฐบาลที่ป้าสังกัดอยู่แจ้งว่ารับตรวจวันละ 100 คิวเท่านั้น นั่นก็แปลว่า คงจะทบต้นทบดอกมาหลายวัน ถึงวันนี้คงเป็นหลายพันๆ คิวแล้ว...
“แล้วต้องทำยังไงคะ” พรุ่งนี้มาอีกทีสักตี 3-4 เพื่อมาดูว่าจะมีคิวเหลือที่จะแทรกได้ไหม.. ตอนนั้นฉันคิดว่าจะพาป้ามารักษาที่ รพ.ที่ฉันทำงานอยู่ แต่พี่สาวที่สตรองมาก ไม่เคยบ่นและไม่เคยด่าใคร บอกว่า..รอดูอาการไปอีกสักหน่อย
จนกระทั่งวันเสาร์เช้า ป้าเหนื่อยมาก ไอมากขึ้น จนต้องพากันหามไปห้องฉุกเฉิน นอนรอเตียงอยู่นานกว่า 5 ชั่วโมง ฉันช่วยประสานงานหาเตียงจ้าละหวั่น เพราะป้าแย่ลงมากแล้ว ฉันก็กลัวป้าฉันตายเพราะอายุมาก และไม่ค่อยแข็งแรง สุดท้ายก็ได้แอดมิทเข้า ICU สังเกตอาการใกล้ชิด.. ฉันต้องขอขอบคุณคุณหมอและโรงพยาบาลนั้น ที่ช่วยรับไว้ เพราะถ้าไม่ได้ยาทันทีตอนนั้น ป้าฉันคงไม่ไหวแน่ๆ
ตอนนี้ก็เหลือคนที่บ้านอีก 5 คนที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงลุงเริ่มมีไข้ต่ำๆ พี่สาวเริ่มตาแดงคัดจมูก โทรไปหลายโรงพยาบาลได้คำตอบเดิมๆ คือ ไม่มีเตียง ไม่รับ walk-in โชคดีมีโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งรับพวกเรานัดให้ไปตรวจวันรุ่งขึ้น...ดีใจมาก สักพักมีพยาบาลโทรมาซักประวัติ พอพี่สาวบอกว่าเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง มีผู้ป่วยในบ้าน เขาก็ cancel เราทันทีเพราะเขาไม่อยากตรวจเคสที่จะมีแนวโน้มบวก
โทรไปประสานอีกหลายที่ทั้งใช้ connection ส่วนตัวด้วย ทุกคนอยากช่วยมากๆ แต่ไม่มีเตียงให้แอดมิท
เหมือนสวรรค์ช่วย โทรไปหาอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่ง ท่านบอกให้มาตรวจที่โรงพยาบาลตอนเช้าวันอาทิตย์ โดยโรงพยาบาลไม่ปฏิเสธคนไข้เลย พยายามช่วยเหลือเพราะรู้ว่าเราก็ร้อนใจมาก ไปเข้าคิวตรวจตอน 08.30 น.ได้รับการอนุมัติให้ตรวจตอน 18.00 น. รอจนลุงเป็นลมแดดไปเลย
สุดท้ายลุงติดเชื้อและเป็นปอดอักเสบได้อยู่ที่ Semi-ICU อีกโรงพยาบาลหนึ่ง ส่วนพี่สาวติดเชื้ออาการเบา ได้เข้ามาดูแลลุงด้วย เพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ถือเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายจริงๆ คนอื่นๆ ไม่ติดเชื้อก็กักตัวที่บ้านอย่างเคร่งครัดรอหาที่ตรวจ PCR เมื่อกักตัวครบ (หาเองนะ)
โควิดเมืองหลวง..มันหลบเหลี่ยมของทุกความเหลื่อมล้ำ ไม่ว่าคุณจะมีเงินแค่ไหน ถึงตอนนี้ คุณอาจจะไม่รอดเพราะคุณไม่มีเตียงแอดมิท เงินซื้อโอกาสไม่ได้ แม้ว่าจะมี connection มากมายก็ยังต้องใช้ความพยายาม
การเข้าถึงการตรวจ PCR ของคนที่มีอาการ และคนที่มีความเสี่ยง ทำได้ยากมาก ผลตรวจออกแล้ว ถ้าเป็นก็ยังไม่รู้จะไปแอดมิทที่ไหน คนที่บ้านก็ไม่มีใครมาจัดการ ไม่มีตารางการตรวจ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาให้ข้อมูล ปล่อยให้คนไข้และครอบครัวจัดการกันเอง
คนไข้ทุกคนที่ยังไม่ได้เตียงไม่ต้องน้อยใจไปค่ะ หมอทำงานโควิดชายแดนมานาน ช่วยเหลือคนรอดชีวิตมากมาย ควบคุมโรคสำเร็จมาก็มาก พอถึงเวลาที่ญาติเราป่วย ยังต้องเผชิญความยากแบบนี้ในเมืองหลวงเลย... ท้อใจมากเลยค่ะ ถามว่าอยากใช้ connection ไหม ไม่ได้อยากไปแซงคิวใครค่ะอยากกระตุ้นให้ระบบมันดีกว่านี้มากกว่า
เราไม่โทษกันเลยว่าติดมาได้ยังไง ป้องกันตัวเต็มที่แต่มันก็ยังพลาด..เราโทษสถานการณ์ค่ะ ตอนนี้สถานการณ์ที่นั่นดูแย่มาก เหมือนควบคุมอะไรไม่ได้เลย เจ้าหน้าที่หมอและพยาบาลก็ทยอยติดกัน ทั้งๆ ที่สวมแมสก์ N95 ไม่รู้ว่ามันจะจบที่ตรงไหน.. พวกเราอยู่ต่างจังหวัดก็คอยรับสะเก็ดไฟที่กระเซ็นออกมาเป็นระยะๆ ตรวจเมื่อไหร่ก็บวกนะคะ คนที่มาจากที่นั่น
ตอนนี้โชคดี ที่อาการของลุงกับป้ายังทรงตัว แต่ยังอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤติ ต้องขอขอบคุณโอกาสที่ได้เตียงมา ขอบคุณความช่วยเหลือของทุกๆ ท่าน เป็นอย่างสูงด้วยค่ะรู้ว่าเหนื่อยกันมากๆ ขอเป็นกำลังใจให้กันและกันในการหาเตียงแอดมิทและหาที่ตรวจ PCR ต่อไป... หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขหน่อยไหมคะ ก่อนจะตายกันหมด
3) 21 มิ.ย.2564 เฟซบุ๊ค “นิธิพัฒน์ เจียรกุล” หรือรศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความว่า
“...บ้านนี้เมืองนี้ มีตัวอย่างธรรมาภิบาล (good governance) ให้ลูกหลานดูเป็นตัวอย่างกันบ้างไหม ไล่มาจากระดับหัวเรือใหญ่ที่ประกาศกระชากใจภาคการแพทย์ ด้วยการเตรียมการเปิดประเทศ ยังสงสัยว่าอาจจะเป็น 120 วันอันตรายได้ ถ้าไม่มีแผนเคลียร์ปัญหาโควิด-19 ที่ยังคั่งค้าง (back log) ขณะนี้ให้ชัดเจน
ระดับรองมาหน่อย เป็นแผนกระจายวัคซีนเดือนหน้า มีจังหวัดชายแดนบางจังหวัดที่ไม่มีช่องทางผ่านแดนเป็นทางการ แต่อยู่ในข่ายได้รับวัคซีนในระดับสอง (อาจด้วยเหตุผลเมืองกีฬา ซึ่งคงมีอีกหลายเมืองไม่น้อยหน้ากัน) รองมาอีกนิดก็ขอแบ่งวัคซีนดื้อๆ จากลูกน้องในหัวเมืองเพื่อเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ แต่ไปไม่รอดต้องรีบกลับลำ และหน่วยงานท้ายสุดที่กระดี๊กระด๊า ชกลมรอมาหลายรอบ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคในเมืองหลวงไข่แดงประเทศ ที่ครองแชมป์ต่อเนื่องยาวนานในระลอกสามของผู้ติดเชื้อสูงสุด รวมไปถึงยอดผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจ และยอดผู้เสียชีวิตซึ่งถึงเวลาที่โพสต์นี้ยังไม่มีแววจะลดลงได้ โดยไม่มีมาตรการประกอบการผ่อนคลายที่ชัดเจนว่าจะควบคุมไม่ให้มีการละเมิดอย่างไร
ช่วงสามสี่วันนี้ ใครอยู่ในแวดวงการบริหารจัดการเตียงระดับ 3 ในเขต กทม. สำหรับรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิดอาการรุนแรงและอาการวิกฤติระหว่างโรงพยาบาล ต้องกุมขมับ เพราะสถานการณ์เตียงเริ่มคับขัน จนกลับไปเหมือนเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ที่หลายคนอยากกลั้นใจตาย แถมผู้ป่วยหนักระลอกใหม่นี้ มีสัดส่วนที่สูง ซึ่งเป็นผู้สูงอายุและมีโรคเรื้อรัง และมีหลายรายที่สืบสาวหาต้นตอการรับเชื้อไม่ได้ชัดเจน ซึ่งหมายถึงเชื้อได้ระบาดซึมลึกเข้าไปในชุมชนทั่วไปแล้ว ไม่ได้อยู่แต่ในกลุ่มก้อนทั้งใหม่และเก่าที่โผล่ขึ้นมามากมายเป็นดอกเห็ดจนจดจำกันไม่หวาดไม่ไหว
ก่อนจะคิดก่อนจะทำอะไร เคยถามและรับฟังอย่างใส่ใจ จากภาคการแพทย์ส่วนที่เขาทำงานกันอยู่อย่างหนักหน่วงบ้างไหม จะโทษส่วนน้อยของภาคการแพทย์ที่ชงข้อมูลซึ่งขัดความรู้สึกส่วนใหญ่ขึ้นมาให้ ก็คงใช่ที่ เพราะคำพูดที่ออกสู่สาธารณะแล้ว ถือเป็นสัญญาประชาคมแบบหนึ่ง ที่ผู้พูดต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่ฝ่ายเดียว แต่ดินแดนสารขัณฑ์แห่งนี้มีตัวอย่างให้เห็นกันมามากมายแล้วในอดีตว่า คำพูดไม่เคยเป็นนายคน (ที่ไม่มีธรรมาภิบาล) เหมือนดังคนโบราณสอนสั่ง#มือไม่พายอย่าใช้อะไรราน้ำ
ยกมาแค่ 3 ตัวอย่าง 3 แหล่งข้อมูล เพื่อจะบอกว่า นายกฯ ครับ กลับมาดูสถานการณ์จริง และเอาชีวิตผู้ป่วยรายวันให้รอด ลดผู้ป่วยใหม่ๆ ให้ได้ แล้ววางยุทธศาสตร์ที่เป็น “รูปธรรม” ก่อนไปถึงวันที่ 120 ของท่าน กันให้ชัวร์ๆ กว่านี้จะดีกว่า!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี